พันธมิตรฯ ตั้งเป้าโหวตโนให้ชนะเกิน 26 เขต เพื่อไม่ให้มีการประชุมสภา-ไม่ให้ตั้งรัฐบาล

“ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” โฆษกพันธมิตรฯ ตั้งเป้าโหวตโนให้ชนะเกิน 26 เขต เมื่อ ส.ส. ไม่ถึงร้อยละ 95 จะไม่สามารถเปิดการประชุมสภาได้ การตั้งรัฐบาลก็จะไม่เกิดขึ้น และแม้จะมีการเลือกตั้งใหม่ก็จะทำแบบเดิมจนเกิดการประชุมสภาไม่ได้ “ประพันธ์” ลั่นหากกลัวระบอบทักษิณกลับมา แค่กาในช่องไม่ลงคะแนน โฆษกพันธมิตรฯ ตั้งเป้าโหวตโนชนะ 26 เขตเลือกตั้ง เพื่อหยุดประชุมสภา หยุดระบอบทักษิณ เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ รายงานวันนี้ (20 มิ.ย.) ว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ และนายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงยุทธศาสตร์ในการรณรงค์ให้ประชาชนลงคะแนนในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน หรือโหวตโน โดยนายปานเทพได้อ้างอิงถึงบทความในหัวข้อ ผลทางนิตินัยของบัตรเลือกตั้งที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนน (VOTE NO) เขียนโดยนายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา นายปานเทพกล่าวว่าจากบทความดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า คะแนนช่องที่มีคนเคยพูดว่า การกากบาทลงในช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนนไม่มีความหมายทางกฎหมายนั้น ปรากฏว่ามีความหมายทางกฎหมายแล้ว จากประเด็นดังกล่าวภาคประชาชนได้ตรวจสอบไปยังกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้บัญญัติไว้ในมาตรา 93 วรรคท้าย ไว้อย่างน่าสนใจ ซึ่งวรรคที่ 7 บอกว่า ในกรณีที่มีเหตุการณ์ใดๆ ทำให้การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใดมีจำนวน ส.ส.ไม่ถึง 500 คน แต่มีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของจำนวน ส.ส.ทั้งหมด ให้ถือว่าสมาชิกจำนวนนั้นประกอบเป็นสภาผู้แทนราษฎร และต้องดำเนินการให้มี ส.ส.ครบตามจำนวนที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญภายใน 180 วัน และให้อยู่ในตำแหน่งได้เท่าที่จะมีอายุของ ส.ส.ที่เหลืออยู่ “นั่นหมายความว่า การเลือกตั้งนั้นถ้ามีจำนวน ส.ส.ไม่ครบ 95 เปอร์เซ็นต์ เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้ ถ้ามีคะแนนโหวตโนที่ชนะเขตเลือกตั้งถึง 26 เขตเมื่อไหร่ ก็จะไม่มีการเปิดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ การประชุมสภาก็จะไม่เกิดขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ก็จะยังไม่เกิดขึ้น ยิ่งภาคประชาชนเข้ามาสู่การโหวตโนกันมากถึง 26 เขต และแม้จะมีการเลือกตั้งใหม่ ประชาชนก็ยังยืนยันเจตนารมณ์เดิมแล้ว ก็หมายถึงว่าการเลือก ตั้งก็จะทำให้เกิดการประชุมสภาไม่ได้เช่นเดียวกัน” นายปานเทพกล่าว โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ที่ผลโพลออกมาล่าสุดว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะอย่างขาดลอย และจะทำให้มีการจัดตั้งรัฐบาล แล้วเข้ามาใช้มือในสภาเพื่อออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคนอื่นๆ นั้น พันธมิตรฯ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการชุมนุมในการต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณแต่เพียงอย่างเดียวแล้ว ขอเพียงแค่ชนะเขตเลือกตั้งเพียงแค่ 26 เขตเท่านั้นก็จะหยุดการกลับมาของระบอบทักษิณได้ การดำเนินการครั้งนี้เราจะเห็นว่า ถ้าประชาชนยังไม่ตัดสินใจเพราะว่ากลัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมา หรือกลัวการนิรโทษกรรมนั้น การเลือกตั้งพรรคการเมืองใดที่อยู่ตรงกันข้ามกับพรรคเพื่อไทยนั้น ผลโพลสรุปแล้วว่าไม่สามารถจะชนะพรรคเพื่อไทยได้เลย นายปานเทพกล่าวด้วยว่า ดังนั้น คงเหลือแต่วิธีการเดียวเท่านั้นก็คือ ลงคะแนนไม่เลือกใคร ให้ได้มากกว่า 26 เขตเลือกตั้ง นำไปสู่การเรียกร้องในการปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่ และหยุดระบอบการเมืองที่ทุจริตเลือกตั้งครั้งมโหฬาร มีการซื้อสิทธิขายเสียงเป็นจำนวนมาก มีการใช้ผู้ทรงอิทธิพลไปยิงหัวคะแนน ขว้างระเบิด ทุบป้าย ทำลายสถานที่ในการรณรงค์ของภาคประชาชน โดยที่ กกต. และเจ้าหน้าที่รัฐทำอะไรไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว แต่เป็นการเลือกตั้งที่ราวกับเป็นระบบบ้านป่าเมืองเถื่อน ไร้ขื่อแป ใช้กระสุน ปืน และนักเลงอันธพาลในการได้รับชัยชนะการเลือกตั้ง เราจะเห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ล้มเหลวและไม่เป็นประชาธิปไตย จึงมีทางเดียวคือต้องหยุดการกลับมาของการเมืองที่ฉ้อฉลเหล่านี้ให้ได้ 26 เขตเท่านั้น มีผลต่อการหยุดยั้งการเลือกตั้งที่ฉ้อฉลครั้งนี้ ประพันธ์ลั่นหากกลัวระบอบทักษิณกลับมา แค่กาในช่องไม่ลงคะแนน นายประพันธ์ คูณมี แกนนำพันธมิตรฯ ในฐานะโฆษกคณะกรรมการปกป้องราชอาณาจักรไทยยังกล่าวว่า \ผลของการเลือกตั้งที่ที่มีผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนนโหวตโนจำนวนมาก มันมีผลในทางกฎหมาย สามารถที่จะหยุดยั้ง ส.ส.หรือพรรคการเมืองที่ตัวเองไม่ชอบ ให้เข้ามามีอำนาจได้ด้วย ขณะนี้คนก็อาจจะวิตกว่า พ.ต.ท.ทักษิณและระบอบทักษิณจะฟื้นขึ้นมา ภาคประชาชนหวาดวิตกและเกรงว่าทักษิณจะฟื้นระบอบขึ้นมา ก็ไม่ต้องไปประท้วง ไปชุมนุมอะไรเลย เพียงแต่เดินเข้าคูหาแล้วไปกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนให้มากๆ ก็จะสามารถหยุดไม่ให้ระบอบทักษิณฟื้นกลับมาได้ เพราะไม่สามารถที่จะเปิดสภาและดำเนินการไปได้ โดยที่ไม่ต้องไปชุมนุมหรือก่อความเคลื่อนไหวที่ประชาชนจะต้องออกแรงออก กำลัง” นายประพันธ์กล่าว นายประพันธ์กล่าวด้วยว่า การโหวตโนที่มีจำนวนมากเป็นการสะท้อนอำนาจอธิปไตยของประชาชนในการไม่เลือกคนหนึ่งคนใดหรือระบอบการ เมืองนั้นๆ ซึ่งเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งจำต้องเคารพและวินิจฉัยไปตาม เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญซึ่งเห็นว่าอำนาจอธิปไตยของประชาชนเป็นอำนาจสูงสุด ผลในทางกฎหมายของการไม่ประสงค์ลงคะแนนที่มีคนอ้างว่าไม่มีผลทางกฎหมายเป็น เพราะนักการเมืองรู้อยู่แล้วว่าถ้าโหวตโนมากๆ จะมีผลทางกฎหมายเช่นนี้ และเกรงว่าประชาชนจะโหวตโนมากๆ จึงมีความพยายามให้นักกฎหมายและนักวิชาการให้ข้อมูลบิดเบือนประชาชน แต่บัดนี้ทั้งนักกฎหมายและทีมทนายความมีความเห็นตรงกันในทางกฎหมายว่า มาตรา 89 ต้องอยู่ภายใต้บังคับมาตรา 88 ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่การเลือกตั้งเป็นแบบนี้ เนื่องจากมีการรณรงค์โหวตโน และคนมีความเข้าใจกฎหมายมากขึ้น"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท