Skip to main content
sharethis

“ไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์” เตรียมแจ้งความโฆษกกองทัพบกฐานกล่าวหาเท็จว่าข่มขู่ชุดเฉพาะกิจ “ปส.315” “สรรเสริญ” แจงไม่ได้บอกว่าชักปืน แค่บอกว่าลูกน้องไพโรจน์เปิดชายเสื้อให้ดูปืน ผบ.ทบ.ลั่นยอมไม่ได้ หากมีใครขวาง “ปส.315” เล็งเพิ่มกำลังเป็นชุดละ 50 – 100 นาย “ดูซิว่าจะมาล้อมทหารอีกหรือเปล่า” พร้อมให้ทัพภาค 2 ตรวจสอบหมู่บ้านเสื้อแดง และขอประชาชนทบทวนดูหมู่บ้านเสื้อแดงถูกต้องหรือไม่ ผู้สมัครเพื่อไทยเล็งแจ้งความกลับกองทัพบก หลังถูกฟ้องว่าข่มขู่หน่วย ปส.315 วานนี้ (9 มิ.ย.) เว็บไซต์สำนักข่าวไทย รายงานว่า นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 9 พรรคเพื่อไทย ได้นำภาพถ่ายมาแถลงยืนยันว่า ไม่ได้พาพาอาวุธ ข่มขู่ ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพติด 315 หรือ ชุดเฉพาะกิจ 315 ตามที่ถูกกองทัพแจ้งความดำเนินคดี และว่าวันเกิดเหตุได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านว่า มีทหารขับรถฮัมวี่เข้ามา จึงเข้าไปสอบถาม และขอดูเอกสาร ซึ่งได้ถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน และแจ้งให้ประสานกับ กกต. เพื่อไม่ให้ขัดต่อกระบวนการเลือกตั้ง “ยืนยัน ไม่ได้กระชากเอกสารมาดู หรือพูดจาข่มขู่ขัดขวางเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ ได้สอบถามตำรวจ ก็ได้รับการยืนยันว่า ไม่มีการแจ้งความดำเนินคดี เป็นเพียงการลงบันทึกการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ทหารเท่านั้น ดังนั้น ขอให้ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ยุติการออกมาพูดกล่าวหา อย่าให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวล วันนี้ กำลังเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง” นายไพโรจน์กล่าว และว่า จะไปแจ้งความดำเนินคดี พ.อ.สรรเสริญ เพราะเป็นการกล่าวหาเท็จ ทำให้ได้รับความเสียหาย ขณะที่ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ยื่นเรื่องไปยังกองทัพบก กกต. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ทบทวนเรื่องการปฏิบัติการของทหาร-ตำรวจ ตามมาตรการ 315 ของรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้ได้ไปให้ข้อมูลกับ กกต.แล้ว และจะเชิญเจ้าหน้าที่มาให้ข้อมูลด้วย ต้องการเรียกร้องไปยังรัฐบาลรักษาการว่า ไม่ควรทำในช่วงที่มีการเลือกตั้ง ควรเปิดพื้นที่ให้ประชาชนรับฟังนโยบาย เพื่อตัดสินใจในการเลือกตั้ง “ส่วนกรณีการกล่าวหานายไพโรจน์ ขอให้มีการนำหลักฐานมาแสดง เพราะเท่าที่ตรวจสอบ เป็นการกลั่นแกล้งนายไพโรจน์ ซึ่งพรรคก็จะมีมาตรการทางกฎหมายต่อไป” นายวิชาญ กล่าว “สรรเสริญ” แจงไม่ได้บอกว่าชักปืน แต่บอกว่าลูกน้องนายไพโรจน์เปิดชายเสื้อให้ดูปืน ขณะที่ มติชนออนไลน์ รายงานคำพูดของ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ซึ่งกล่าวว่า ไม่ได้พูดว่านายไพโรจน์ชักปืน แต่ลูกน้องของนายไพโรจน์ได้เปิดชายเสื้อให้เจ้าหน้าที่ดูปืนที่พกมาที่เอว ในลักษณะข่มขู่ รวมถึงได้มีการกระชากเอกสารจากมือไปอ่าน จึงถือเป็นการไม่ให้เกียรติและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้แจ้งความไว้แล้วที่สถานีตำรวจนครบาลหนองจอก ในข้อหาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า การลงพื้นที่ของทหาร ไม่จำเป็นที่ต้องแจ้งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทราบก่อน เพราะไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และไม่ได้เป็นการแทรกแซงการเลือกตั้ง เพราะได้ประกาศไปแล้วว่า จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ก่อนยุบสภา หลังพรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่าถูกกลั่นแกล้ง ผบ.ทบ.ลั่นยอมไม่ได้ หากมีใครขวาง ปส.315 ด้าน สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยวานนี้ (9 มิ.ย.) ว่า ขณะนี้ได้รับรายงานยืนยันว่ามีกลุ่มคนบางกลุ่มพยายามกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ทหาร โดยเฉพาะการปฏิบัติหน้าที่ของชุดปฏิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพย์ติด 315 (ปส. 315) เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ซึ่งการกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นสิ่งที่ตนเองยอมรับไม่ได้ และไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์มาปิดล้อมเจ้าหน้าที่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะไม่หยุดการปฏิบัติหน้าที่ของชุดแผนยุทธการ 315 หลังจากนี้อาจจะมีการเพิ่มจำนวนทหารเข้าไปปฏิบัติภารกิจมากขึ้น พร้อมกันนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ อาจจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับกลุ่มผู้กระทำผิดกฎหมาย หรือยาเสพติดด้วยหรือไม่ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ทำให้กองทัพเกิดความบาดหมางกับพรรคการเมืองใด นอกจากผู้ที่กระทำผิดกฎหมายเท่านั้น ลั่นจะส่งกำลังเพิ่มชุดละ 50 ถึง 100 นาย “ดูซิว่าจะมาล้อมทหารอีกหรือเปล่า” ขณะที่สื่อหนังสือพิมพ์ต่างๆได้แก่ กรุงเทพธุรกิจ, คมชัดลึก, เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์, เดลินิวส์ เป็นต้น ได้รายงานตรงกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเพิ่มกำลังทหารในการปฏิบัติการอีกโดยอาจส่งทหารลงไปปฏิบัติการชุดละ 50 ถึง 100 นาย “ท่านเป็นใครมาจากไหน แล้วท่านมาขมขู่เจ้าหน้าที่ได้อย่างไร ซึ่งผมไม่ยอม หากให้ทหารไป 2 คน แล้วมีปัญหา ก็จะเอาทหารไป 50 คน ดูซิว่าจะมาล้อมทหารอีกหรือเปล่า ถ้าไม่ได้อีก 50 ก็เป็น 100 ก็ต้องใช้วิธีการนั้น ถ้าทหารเข้าไปน้อย แล้วเข้าไปไม่ได้ ก็เอาทหารเข้าไปให้มาก ให้เขาจัดตั้งเจ้าหน้าที่มากขึ้น และอาจจะมี ส.ห. ที่มีอำนาจหน้าที่กฎหมายทางทหารลงไปด้วย ท่านมาปิดล้อมทหารไม่ได้ มาปิดล้อมเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ไม่ได้ ผมสอบสวนในชั้นต้นเป็นเช่นนี้ ก็ถือว่าท่านมากดดันทหารให้ออกจากพื้นที่ ไม่ให้เขาทำงาน ผมถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ผมให้เกียรติท่านมาโดยตลอด ช่วงเวลาที่ผ่านมา จะเห็นว่า ผมสงบปากสงบคำไปเยอะ พยายามสร้างบรรยากาศที่ดีในการเลือกตั้ง เพื่อให้ทุกคนมีความสุขในการเลือกตั้ง อยากจะโฆษณาอะไรก็ว่ากันไป แต่ถ้าท่านมาพาดพิงทหาร และมารังแกทหาร ผมรับไม่ได้” ผบ.ทบ.กล่าว ลั่นไม่เข้าใจว่ามาขวางเพราะอะไร ถามกลับมีส่วนร่วมกับขบวนการยาเสพย์ติดหรือ ในข่าวยังรายงานคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม เราจะไม่หยุดในการทำหน้าที่ของ ปส. 315 เพราะเป็นการแก้ไขปัญหายาเสพติด ไม่เข้าใจว่าขัดขวางเพราะอะไร เพราะงานการเมืองหรือเปล่า เราไม่เคยไปยุ่งกับการเมืองของท่าน การไม่ให้ทหารทำหน้าที่ ก็ไม่ทราบว่า ท่านไปมีส่วนร่วมเกี่ยวข้องกับขบวนการหรือเปล่า เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่ไม่ให้เจ้าหน้าที่ทำงาน ตนถือว่าน่าจะมีส่วนร่วมหรือไม่ ก็ต้องมีการสอบสวนว่า มี พยาน หลักฐาน หรือไม่ เพราะฉะนั้น อย่าเข้ามาหาเรื่องตรงนี้ เพราะจะทำให้มองว่าท่านมีประโยชน์เกื้อกูลกันหรือไม่กับการทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ จะหาเสียงหรือเลือกตั้ง อย่านำทหารไปเกี่ยวข้อง ซึ่งเคยบอกแล้วว่า ใครให้เกียรติเรา เราก็ให้เกียรติท่านเสมอ ขอยืนยันว่า กองทัพบกไม่เคยเปลี่ยนแปลง ตนไม่เคยเปลี่ยนแปลง ตนยังเป็นตนเองอยู่อย่างนี้ หน้าที่คือรักษาประเทศชาติ ราชบัลลังก์ ถือเป็นหน้าที่ของทหารทุกคน เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมให้กองทัพภาค 2 ตรวจสอบหมู่บ้านเสื้อแดง ชี้คนไทยไม่ควรแบ่งแยกสี นอกจากนี้ สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ ยังรายงานด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความเห็นต่อกรณีหมู่บ้านคนเสื้อแดงว่า ได้มีการตรวจสอบความเคลื่อนไหวดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นแล้ว ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นการแสดงสัญลักษณ์ทางการเมืองเท่านั้น โดยให้กองทัพภาคที่ 2 เข้าไปดูแลเพิ่มขึ้น และขอให้ประชาชนทบทวนดูว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ พร้อมระบุว่า คนไทยไม่ควรมีการแบ่งแยกสีและควรมีความรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศ ผู้บัญชาการทหารบก ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการร้องเรียนว่า พลทหารวิเชียร เผือกสม กองพลพัฒนาที่ 4 ค่ายนราธิวาสราชนครินทร์ จังหวัดนราธิวาส ถูกทำร้ายจนเสียชีวิต โดยเชื่อว่าเป็นเรื่องของการฝึกทหารใหม่ซึ่งอาจจะมีความผิดพลาด ไม่ใช่การทำร้ายร่างกายจนทำให้เสียชีวิต แต่ได้สั่งการให้มีการสอบสวน หากพบว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายก็จะต้องมีการดำเนินคดีกับผู้กระทำ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net