Skip to main content
sharethis

ชาวบ้านค้านโครงการเหมืองแร่โปแตช เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง น้ำพอง 2 – อุดรธานี 3 ชี้กรณีโปแตชหรือไฟฟ้าก็เหมือนกัน ต่างถูกทำร้ายจากรัฐและนายทุน วานนี้ (31 พ.ค.) เวลา 10.00 น.ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ค้านโครงการเหมืองแร่โปแตช จำนวนกว่า 10 คน เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวของนายสง่า บุญโยรัตน์ วัย 77 ปี ที่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 3 บ้านเหล่ากล้วย ต.เสอเพลอ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจสลายและจับกุมชาวบ้านและนักศึกษาจำนวน 15 คน แล้วนำรถแบคโฮเข้าไปขุดแปลงนาเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างระบบโครงข่ายไฟฟ้าแรงสูงขนาด 500 กิโลโวลต์ (KV) น้ำพอง 2 - อุดรธานี 3 บรรยากาศการพบปะระหว่างชาวบ้านสองกลุ่มมีขึ้นอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้ไต่ถามถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับพ่อสง่าและลูกๆ ได้เล่าให้ฟัง ต่อมา น.ส.จันทร์จิรา บุญโยรัตน์ ลูกสาวนายสง่า ได้นำเดินลงไปสำรวจดูพื้นที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะขึ้นมารับประทานอาหารร่วมกัน จากนั้นลุ่มอนุรักษ์ฯ จึงเดินทางกลับ โดยก่อนกลับพ่อสง่าได้ให้ ขนุน และกระท้อน เพื่อเป็นของฝากตอบแทนน้ำใจการมาเยือน ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ 3 นาย มาเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณใกล้เคียงตลอดเวลา ขณะที่การก่อสร้างเสาไฟฟ้าแรงสูงในอีกจุดหนึ่งซึ่งอยู่ถัดจากที่นาของนายสง่าออกไป คนงานของ กฟผ.ก็ยังคงทำการก่อสร้างเป็นปกติ โดยมีตำรวจบ้านมาคอยคุ้มกันเหมือนเช่นทุกวัน นายสง่า กล่าวว่า ตนไม่คาดคิดว่าตำรวจกับเจ้าหน้าที่ กฟผ.จะข่มเหง รังแกกันได้ขนาดนี้ ถึงแม้ว่าชาวบ้านไม่ยินยอมก็ไม่รับฟัง และถึงวันนี้ก็ยังเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอนไม่หลับ วิตกกังวล เพราะห่วงที่นาที่จะถูกทำลาย และก็ยังห่วงลูกๆ ที่ถูก กฟผ.แจ้งจับ ดำเนินคดี “ลูกชาย 2 คน ลูกสะใภ้ 1 คน และลูกเขยอีก 1 คน ที่ถูกจับ ซึ่งในวันนั้นตำรวจเขาเข้ามาจะจับพ่อด้วย แต่ลูกๆ ก็ช่วยกันเอาไว้ ก็ไม่คิดว่าเขาจะทำกับเราขนาดนี้ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบเคยเห็น ทั้งๆ ที่นาก็ของเรามีกรรมสิทธิ์ทุกอย่าง พ่อจึงคิดว่าจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ค่าทดแทนตามที่กฟผ.จะให้สักบาทเดียวก็ตาม” นายสง่ากล่าว ด้านนางลำพูน รัตนี แกนนำกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี กล่าวว่า วันนี้มาเพื่อเยี่ยม และให้กำลังใจกัน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าไม่มีความเป็นธรรมใดๆ เลย ทั้งๆ ที่ชาวบ้านเขาไม่ยอมและลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตนตามรัฐธรรมนูญ และมีเหตุมีผลว่าต้องรอฟังคำตัดสินของศาลปกครอง แต่ กฟผ.ก็ยังใช้กำลังตำรวจมาบีบบังคับเอา แล้วบ้านนี้เมืองนี้เราจะหวังพึ่งใครได้ “อยากให้พี่น้องมีกำลังใจในการต่อสู้ กลุ่มอนุรักษ์ฯ พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ เพราะเราก็คือคนทุกข์คนยากด้วยกัน ซึ่งหากเราไม่ช่วยกันก็จะหวังพึ่งใครไม่ได้แล้ว เพราะหน่วยงานของรัฐกับนายทุนเขาจ้องแต่จะมาปล้นเอาทรัพยากรของชาวบ้าน โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ ไม่ว่าเรื่องโปแตชหรือเรื่องไฟฟ้าก็เหมือนกัน” นางลำพูนกล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net