Skip to main content
sharethis

 

เหตุการณ์รุนแรงเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 18 เม.ย.2554 สืบเนื่องจากกรณีเจ้าหน้าที่ออกติดตามไล่ล่าคนร้ายที่ยิงถล่มฐานปฏิบัติการของกองร้อยทหารพรานที่ 4302 บ้านน้ำดำ หมู่ 3 ต.ปูโละปูโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี กำลังบานปลายกลายเป็น "น้ำผึ้งหยดเดียว" อีกครั้ง เมื่อมีเยาวชนเสียชีวิต 2 รายจากเหตุการณ์ดังกล่าว และฝ่ายเจ้าหน้าที่รีบสรุปว่าเยาวชนทั้งคู่เป็นคนร้ายที่ดักซุ่มโจมตีกองกำลังทหารพราน แต่ครอบครัวของผู้ตายและชาวบ้านต่างเชื่อว่าทั้งสองเป็นผู้บริสุทธิ์ และถูกกระสุนจากเจ้าหน้าที่จนต้องสังเวยชีวิต

รายละเอียดของเหตุการณ์ในคืนนั้น เริ่มจากมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธสงครามยิงถล่มฐานปฏิบัติการของกองร้อยทหารพรานที่ 4302 แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุฝ่ายทหารพรานได้จัดกำลังออกติดตามไล่ล่าคนร้าย โดยมีนายทหารระดับสัญญาบัตรเป็นหัวหน้าชุด พร้อมกำลังพลรวม 10 นาย มีรถกระบะเป็นพาหนะ

เมื่อรถแล่นถึงสะพานแห่งหนึ่งบนถนนสายบ้านบ่อทอง-ยาบี ท้องที่หมู่ 3 ต.ปูโละปูโย มีรายงานจากฝั่งทหารพรานว่าถูกคนร้ายซุ่มยิงถล่มยานพาหนะ ทำให้ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) เฉลิมพล ศรีสุข อายุ 35 ปี ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา หลังจากนั้นฝ่ายทหารพรานได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงตอบโต้จนเกิดการปะทะกันนานหลายนาทีกว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้

เมื่อเสียงปืนสงบลงพบร่างผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ 2 ราย โดยผู้บาดเจ็บคือ นายอับดุลเลาะ แวเยะ อายุ 19 ปี ส่วนผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุคือ นายฮัสซัน มามะ อายุ 16 ปี ต่อมานายอับดุลเลาะทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตที่โรงพยาบาล

จริงๆ แล้วตามข่าว คดีนี้กำลังจะถูกปิดด้วยด้วยประโยคที่หลายคนคุ้นชินว่า "ผู้ตายเป็นแนวร่วมกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง" แต่เผอิญคราวนี้ไม่ได้จบลงแบบนั้น เนื่องจากครอบครัวของเยาวชนทั้งสองรวมทั้งชาวบ้านที่รู้จักต่างปักใจว่าทั้งคู่คือ "ผู้บริสุทธิ์" ที่ต้องมาจบชีวิตด้วยสาเหตุอันไม่สมควร

 


พิธีฝังศพเยาวชนเหยื่อกระสุนทั้ง 2 รายที่กุโบร์ (สุสาน)
บ้านน้ำดำ ต.ปูโละปูโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี

 

ข้อมูลฝั่งทหาร "เด็กสองคนมีระเบิด"

พ.อ.ศานติ ศกุนตนาค ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 43 หน่วยต้นสังกัดของกองร้อยทหารพรานที่ 4302 กล่าวว่า การตายของเยาวชนทั้งสองคนนั้น เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ทหารพรานยิงใส่จริง แต่สาเหตุเกิดจากเจ้าหน้าที่เข้าใจว่าทั้งคู่คือกลุ่มคนร้ายที่จะเข้ามาก่อเหตุ

"ตอนแรกมีคนร้ายยิงเอ็ม 79 (เครื่องยิงลูกระเบิด) ใส่ฐานของเราก่อน แล้วเกิดการปะทะกัน 2 จุด คือจุดก่อนถึงสะพานบ้านน้ำดำ และบริเวณสะพานบ้านน้ำดำ โดยจุดแรกที่มีการยิงปะทะกัน คนร้ายได้ยิงเจ้าหน้าที่ของเรา (อส.ทพ.เฉลิมพล) ได้รับบาดเจ็บจนตกรถและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร (อ.หนองจิก จ.ปัตตานี) จากนั้นเด็กทั้ง 2 คนก็ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามา ทางเราได้เรียกให้จอดแต่เด็กไม่ยอมจอด เจ้าหน้าที่จึงยิงใส่จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย จากนั้นเราได้เข้าไปตรวจสอบ พบวัตถุระเบิดชนิดขว้าง 1 ลูก จึงมั่นใจว่าเด็กทั้งสองคือคนร้าย"

พ.อ.สันติ ย้ำว่า จากวัตถุระเบิดที่พบ และพฤติการณ์ที่เจ้าหน้าที่เรียกให้จอดรถแล้วไม่ยอมจอด ทำให้เชื่อได้ว่าเยาวชนทั้งคู่คือคนร้ายแน่นอน

"เรามั่นใจว่าเด็กทั้งสองคนเป็นคนร้ายจริง เพราะใกล้ๆ ศพเราตรวจพบลูกระเบิดชนิดขว้างจำนวน 1 ลูก และก่อนที่เราจะยิงใส่เด็ก เราเรียกให้จอดรถก่อนแต่เด็กไม่ยอมจอด จึงต้องทำตามหน้าที่ และในเวลานั้นถ้าเป็นผู้บริสุทธิ์จะไม่มีทางเข้ามาบริเวณจุดเกิดเหตุแน่นอน เขายิงกันเสียงดัง แต่จู่ๆ เด็กทั้งสองก็โผล่เข้ามา ถ้าไม่ใช่คนร้ายแล้วจะให้คิดอย่างไร" ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 43 กล่าว

ข้อมูลฝั่งชาวบ้าน "หลานรับโทรศัพท์บอกถูกทหารยิง"

นางปาซียะห์ หะมูมะ อายุ 38 ปี มารดาของฮัสซัน เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุลูกชายอยู่ที่บ้านซึ่งเปิดเป็นร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ และอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 500 เมตร ทุกวันลูกชายจะไปกินข้าวเย็นที่บ้านยายซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 1 กิโลเมตร โดยจะพาน้องชายคนเล็กวัย 5 ขวบที่ชื่ออุสมานไปด้วย แต่คืนเกิดเหตุลูกชายออกไปกับ อับดุลเลาะ แวเยะ ลูกพี่ลูกน้องที่เพิ่งกลับจากประเทศมาเลยเซียได้แค่หนึ่งสัปดาห์ จึงไม่ได้พาอุสมานไป โดยเขาก็ขี่รถออกจากบ้านไปตามปกติ ไม่คาดคิดเลยว่าจะมีเรื่องร้ายถึงชีวิต

"ซัน (ฮัสซัน) กับเลาะ (อับดุลเลาะ) ขี่รถออกไปได้ไม่นานฉันก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ฉันกับแม่เลี้ยงของเลาะยังตกใจ แล้วก็อุทานชื่อลูกออกมาพร้อมกัน ฉันรู้สึกเป็นห่วงจึงยกโทรศัพท์โทร.หาซัน แต่เลาะเป็นคนรับสาย เมื่อเลาะรับโทรศัพท์ปุ๊บเขาก็พูดเลยว่า ‘ช่วยด้วยผมถูกยิง มารับผมส่งโรงพยาบาลด้วย’ ฉันก็บอกว่าจะไปรับได้อย่างไรเขายิงกันอยู่ แต่เลาะก็พูดย้ำหลายครั้งให้ไปรับเขาด้วย เขาถูกทหารยิงที่สะพาน สักพักก็เงียบไป ฉันจึงแจ้งให้ อส. (อาสารักษาดินแดน) ที่อยู่ที่ฐานใกล้ๆ ให้เข้าไปรับ จากนั้นก็ตามไปที่โรงพยาบาล"

ปาซียะห์ บอกว่า ตอนแรกยังไม่รู้ว่าลูกชายของนางเสียชีวิตไปแล้ว และไม่คิดว่าหลานชายจะตายตามไปอีกคน

"ตอนนั้นฉันยังไม่รู้นะว่าซันตายแล้ว ไปรู้ที่โรงพยาบาล และก็ไม่คิดว่าเลาะจะตายด้วยเพราะทีแรกดูเขาก็ยังแข็งแรงดี แต่ประมาณเที่ยงคืนเลาะก็สิ้นใจเพราะเสียเลือดมาก ฉันกะว่าจะถามเลาะเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีโอกาสเสียแล้ว" นางเล่าปนสะอื้น

รับไม่ได้ จนท.อ้างลูกกับหลานพกระเบิด

ปาซียะห์ บอกด้วยว่า ยากที่จะทำใจให้ยอมรับได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเด็กทั้งสองคนต่างเป็นกำพร้า...

"ซันกำพร้าพ่อ เพราะพ่อของเขาถูกยิงตายเมื่อหลายปีก่อน ส่วนเลาะนั้นแม่เสียชีวิตตั้งแต่แกยังเล็กอยู่ ทหารไม่น่าทำอย่างนี้กับพวกเขาเลย เขาผิดอะไร ทำไมต้องไปว่าเขาเป็นคนร้ายด้วย ฉันไม่เชื่อเลยว่าลูกเป็นคนร้าย เพราะเขาออกจากบ้านไม่นานก็มาถูกยิง และทหารบอกว่าเขามีระเบิดด้วย ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย ฉันไม่เชื่อเด็ดขาด"

"ซันนั้นอย่าว่าแต่จะพกระเบิดเลย แค่เห็นยังไม่รู้เลยว่าจะเคยเห็นหรือเปล่า แล้วจะพกระเบิดไปไหนมาไหนเพื่อก่อเหตุได้อย่างไร ที่ผ่านมาซันอยู่ในสายตาฉันตลอด เราเปิดร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์เพื่อต่อยอดงานของพ่อเขา เมื่อสามีฉันถูกยิง ซันและพี่ชายรวมทั้งฉันเองก็มาดูแลร้านแทน ช่วยกันทำมาหากิน อยู่แต่ในร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ตลอด พอตกเย็นซันก็จะไปกินข้าวที่บ้านยายทุกวัน ไม่ได้ไปแค่คืนที่เกิดเหตุคืนเดียว ฉะนั้นไม่ว่าจะอย่างไรฉันก็ไม่เชื่อว่าลูกเป็นโจร" ปาซียะห์ กล่าว

เหวี่ยงแหจับ-ยิงเด็กตาย..."อยู่ที่ไหนความยุติธรรม"

ผู้หลักผู้ใหญ่ในหมู่บ้านของเยาวชนทั้งสองราย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ยิงเยาวชนเสียชีวิต 2 รายก็นับว่าแย่แล้ว แต่หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ยังเปิดฉากเหวี่ยงแหจับกุมเยาวชนในละแวกนั้นไปอีก 8 ราย ทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐานอะไรยืนยันว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด

"เจ้าหน้าที่หาว่าเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุโจมตีทหารพราน ก็เลยจับเด็กและเยาวชนที่เดินอยู่แถวๆ นั้นไปอีก 8 คน ลองคิดดูถึงความเป็นจริง ถ้าเด็กชุดนั้นเป็นคนร้ายที่ปะทะกับเจ้าหน้าที่ เขาจะมีเวลามาเดินเล่นอยู่ตามท้องถนนหรือ แถมยังแต่งตัวสะอาดสะอ้าน ไม่มีเหงื่อหรือร่องรอยของการเพิ่งก่อเหตุมาหยกๆ เลย"

"มันเหมือนกับพอมาถึงก็จับๆ ไปก่อน ไม่ได้พิจารณาถึงข้อเท็จจริงและความเป็นไปได้ จริงอยู่ที่เจ้าหน้าที่ค้นเจอใบกระท่อมในตัวเด็กคนหนึ่งในนั้น แต่ก็ไม่ใช่ข้อพิรุธหรือยืนยันว่าเขาเป็นคนร้ายที่เพิ่งปะทะกับเจ้าหน้าที่ ทั้งการเหวี่ยงแหจับและการยิงเด็กตายสะท้อนให้เห็นว่าชาวบ้านถูกละเมิดสิทธิ์ ไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างที่ผู้ใหญ่พยายามบอกตลอดว่าต้องการสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในพื้นที่สามจังหวัด ความเป็นจริงในพื้นที่กับคำพูดที่ฟังในห้องประชุมมันสวนทางกันมาก" ผู้หลักผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน กล่าว

จากการสอบถามชาวบ้านหลายคนในหมู่บ้าน ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เชื่อแน่นอนว่าเยาวชนทั้งสองเป็นคนร้าย โดยเฉพาะฮัสซันที่เป็นช่างซ่อมมอเตอร์ไซค์ และเส้นทางที่เขาใช้ ฮัสซันก็ขี่รถไปทุกวันจนเป็นปกติ ยิ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าค้นพบระเบิดใกล้ๆ ศพฮัสซัน ยิ่งไม่มีใครเชื่อ เพราะเด็กสองคนนี้เป็นเด็กดี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับขบวนการอย่างแน่นอน

"จุดที่บอกว่ามีการยิงปะทะกันนั้นเป็นอีกจุดหนึ่ง ส่วนบริเวณที่เด็กถูกยิงมีคนร้ายที่ไหนกัน หรือถ้ามีก็หนีไม้พ้นมือเจ้าหน้าที่แน่นอน เพราะด้านหน้ากับด้านหลังเป็นคลอง แต่พอเกิดเรื่องแล้วเจ้าหน้าที่จะพูดอย่างไรก็ได้ เพราะคนตายไม่สามารถลุกขึ้นมาพูดหรือเรียกร้องอะไรได้เลย" เป็นเสียงจากชาวบ้านในหมู่บ้าน

ทหารบ่น "เพื่อนก็ตาย นายก็ด่า ซ้ำยังถูกหาว่ารังแกชาวบ้าน"

ยังมีข้อมูลจากเจ้าหน้าที่บางหน่วยที่เข้าเก็บหลักฐานในจุดเกิดเหตุว่า อาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอกที่พบในป่ากล้วยห่างจากจุดที่ยิงเยาวชนทั้ง 2 คนไม่มากนัก กับวัตถุระเบิดแบบขว้างที่ทหารชุดยิงปะทะอ้างว่าพบใกล้กับศพฮัสซันนั้น มีร่องรอยการขูดลบเลขรหัสปืนและวัตถุระเบิดอย่างน่าสงสัย เพราะเป็นร่องรอยที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ ไม่ใช่การขูดลบมานานแล้ว

"บอกตรงๆ ผมรู้สึกแปลกๆ กับเหตุการณ์นี้ ผิดกับเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกิดขึ้นทั่วไปในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้" เจ้าหน้าที่ที่เข้าเก็บหลักฐานรายหนึ่ง กล่าว

ขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้านตามร้านน้ำชา ได้นำเหตุการณ์นี้ไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ทหารยิงเด็กและเยาวชนเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บอีก 3 รายที่ ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อวันสงกรานต์ปี 2550 ครั้งนั้นก็มีการกล่าวอ้างหลังเกิดเหตุเช่นเดียวกันว่าเด็กและเยาวชนกลุ่มดังกล่าวเป็นคนร้าย ทว่าเมื่อสอบหาความจริงลึกลงไป กลับพบว่าเป็นการยิงโดยพลการจากทหารซึ่งน่าเชื่อว่าเมาสุรา โดยเด็กและเยาวชนที่ตายและได้รับบาดเจ็บทั้งหมดคือผู้บริสุทธิ์

อย่างไรก็ดี ก็ยังมีเสียงจากเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติซึ่งร่วมอยู่ในเหตุปะทะและไม่ควรมองข้ามความรู้สึกนึกคิดของพวกเขาเช่นเดียวกัน...

"พวกเรารู้สึกท้อ ฝ่ายเราก็ตายฝ่ายเขาก็ตาย แต่เขาสามารถเรียกร้องสิทธิ์ได้ เรากลับเรียกร้องอะไรไม่ได้เลย พวกเราตายนายยังด่าว่าโง่อีก ไม่เคยเลยที่จะชมว่าเราเก่ง ท้อใจจริงๆ หนำซ้ำภาพที่ออกไปยังกลายเป็นว่าเรารังแกชาวบ้านอีก นี่แหละความกดดันของทหารในพื้นที่ มีแต่เสียกับเสียตลอดกาล"

ทั้งหมดนี้คือ "ข้อมูลสองด้าน" จากบ้านน้ำดำ ซึ่งหากภาครัฐยังมิอาจสร้างความกระจ่าง เรื่องราวครั้งนี้ก็จะยังคงกลายเป็น"รอยด่าง" ในหัวใจของชาวบ้านไปอีกนาน...

ที่มา โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา

 
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net