แถลงการณ์วันหยุดเขื่อนโลก ของเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเขื่อน สมัชชาคนจน ระบุเขื่อนเป็นมหันตภัยร้ายต่อชุมชน เรียกร้องให้รัฐบาลยุติโครงการสร้างเขื่อน และให้รับผิดชอบจ่ายค่าชดเชยและค่าเสียโอกาสกับเขื่อนที่กำลังก่อสร้างและ ที่สร้างไปแล้วอย่างเป็นธรรมที่สุด
หมายเหตุ: เมื่อวานนี้ (14 มี.ค.) เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเขื่อน สมัชชาคนจน ได้ออกแถลงการณ์เนื่องในวันหยุดเขื่อนโลก เีรียกร้องให้รัฐบาลยุติแผนการสร้างเขื่อน โดยมีรายละเอียดของแถลงการณ์ดังนี้
แถลงการณ์วันหยุดเขื่อนโลก
เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเขื่อน สมัชชาคนจน
14 มีนาคม 2554
พวกเราเครือข่ายชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากเขื่อนในนามของ “สมัชชาคนจน” เราต้องการประกาศว่า เรา มีเจตนารมย์ที่จะหยุดการสร้างเขื่อนและให้มีการแก้ไขปัญหากับเขื่อนที่สร้าง ไปแล้ว
พวกเราเห็นว่า เขื่อนที่สร้างขึ้นแล้วเป็นมหันตภัยร้ายต่อชุมชน และสิ่งแวดล้อม เขื่อนได้พรากเอาถิ่นฐานบ้านเรือน ที่ดินทำกินและทรัพยากร ซึ่งเป็นหลักประกันในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนออกไป เขื่อนได้ทำลายความอุดมสมบูรณ์ของอาหาร เขื่อนได้ทำลายศักดิ์ศรีและสายสัมพันธ์ของมนุษย์ในสังคมชุมชน เขื่อนได้ทำลายป่าและลำน้ำที่สร้างสมดุลธรรมชาติและหล่อเลี้ยงชุมชน เขื่อนได้ทำลายจารีตประเพณีอันดีงามของชุมชนที่ดำรงอยู่อย่างเกื้อกูลมนุษย์ และธรรมชาติ
คุณภาพชีวิตที่ดีหลังการสร้างเขื่อนเป็นสิ่งที่กล่าวอ้างถึงในทุกโครงการ ก่อสร้างเขื่อน บัดนี้สังคมได้ประจักษ์ชัดแล้วว่าไม่เป็นความจริง ชาวบ้านที่ถูกอพยพไม่ได้รับดูแล ชดเชยและมาตรการฟื้นฟูเยียวอย่างเหมาะสม
ข้ออ้างของนักสร้างเขื่อนที่อ้างคุณประโยชน์ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าและการ ชลประทาน เป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อที่เลื่อนลอย ประสบการณ์ของประชาชนที่เดือดร้อนจากการสร้างเขื่อนในแม่น้ำมูนชี้ชัดว่า เขื่อนไม่สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ตามที่อ้างไว้ และการกักเก็บน้ำกลับสร้างปัญหาน้ำเน่าเสีย การแพร่กระจายของดินเค็ม ทั้งยังเป็นตัวการสำคัญที่สร้างปัญหาน้ำท่วม
พวกเราเห็นว่า หน่วยงานเจ้าของเขื่อนมิได้เหลียวแลทุกข์ร้อนของผู้คนที่ได้รับผลกระทบจาก การสร้างเขื่อน กลับดำเนินการบิดเบือนใส่ร้ายผู้ที่ลุกขึ้นเรียกร้องปกป้องสิทธิของตน แม้แต่รัฐเองกลับมิได้ทำหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของราษฎรตามบทบาทของตนเอง มิหนำซ้ำยังใช้อำนาจทั้งความรุนแรงและการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่ยุติธรรมกับ ชาวบ้านที่เดือดร้อน สำหรับเขื่อนที่ยังไม่ได้ก่อสร้าง พวกเราเห็นว่า กระบวนการผลักดันโครงการสร้างเขื่อนทั้งหลาย เกิดจากบรรดานักสร้างเขื่อน นักการเมืองทั้งหลายที่วางแผนการแสวงหาผลประโยชน์ ดำเนินการโดยขาดความโปร่งใส ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน ขัดหลักสิทธิมนุษยชน
เขื่อนจึงมิใช่การพัฒนา หากแต่เป็นการทำลายล้าง
ดังนั้น เราจึงมีข้อเรียกร้องดังนี้
รัฐบาลต้องยุติการสร้างเขื่อนที่มีแผนการก่อสร้างอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนโป่งขุนเพชร เขื่อนรับร่อ เขื่อนท่าแซะ เขื่อนคลองกลาย เขื่อนแม่ขาน และเขื่อนลำโดมใหญ่ รวมทั้งเขื่อนที่ไม่อยู่ในข้อเรียกร้องของสมัชชาคนจน เช่น เขื่อนในลุ่มน้ำโขง ทุกเขื่อน เขื่อนในลุ่มน้ำสาละวิน เขื่อนแม่วงก์ เขื่อนห้วยสะโหมง เขื่อนในลุ่มน้ำปราจีนบุรี
รัฐบาลต้องรับผิดชอบและจ่ายค่าชดเชยและค่าเสียโอกาสกับเขื่อนที่กำลังก่อ สร้างและที่สร้างไปแล้วอย่างเป็นธรรมที่สุด และต้องฟื้นฟูเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบให้พวกเขาสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมกลับมาดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีดังเดิม
รัฐบาลต้องฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่เสียหายจากเขื่อนที่สร้างไปแล้ว แม้ว่าการดำเนินการนี้จะนำไปสู่การทุบเขื่อนทิ้งก็ตาม
ให้รัฐบาลไทยและประเทศเพื่อนบ้านยกเลิกการสร้างเขื่อนในแม่น้ำสายหลัก ระหว่างประเทศ เช่น แม่น้ำโขง และแม่น้ำสาละวิน รวมถึงโครงการผันน้ำข้ามประเทศด้วย โดยเด็ดขาด
เรายืนยันที่จะปกป้องแม่น้ำ ปกป้องชีวิตและธรรมชาติ เพื่อชีวิตคนรุ่นต่อไปและสร้างสรรค์บรรทัดฐานใหม่ในเรื่องการพัฒนาที่เห็น หัวคนจน อันจะนำไปสู่ความเป็นธรรมในสังคม
เชื่อมั่นพลังคนจน
เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อน สมัชชาคนจน
เขื่อนปากมูล จังหวัดอุบลราชธานี
เขื่อนสิรินธร จังหวัดอุบลราธานี
เขื่อนห้วยละห้า จังหวัดอุบลราชธานี
เขื่อนหัวนา จังหวัดศรีสะเกษ
เขื่อนราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ
เขื่อนแก่งเสือเต้น จังหวัดแพร่
เขื่อนโป่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ
เขื่อนท่าแซะ จังหวัดชุมพร
เขื่อนรับร่อ จังหวัดชุมพร
เขื่อนคลองกลาย จังหวัดนครศรีธรรมราช