Skip to main content
sharethis

ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือพีมูฟ ซึ่งปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา ล่าสุด (24 ก.พ.) ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 10 เรียกร้องให้ รมว.กระทรวงเกษตรฯ แสดงศักยภาพที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหากรณีพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชน ในเขตที่ดิน ส.ป.ก. 3 พื้นที่ใน จ.สุราษฎร์ธานี อุบลราชธานีและภูเก็ต ผลกระทบจากการสร้างเขื่อนปากมูล และอ่างเก็บน้ำทับที่ดินทำกินห้วยฝั่งแดง การหยุดดำเนินคดีกับชาวบ้านชุมชนราไวย์ จ.ภูเก็ต และกรณีการจดทะเบียนสหกรณ์ชุมชน เพื่อดำเนินการพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชน


แถลงการณ์ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ฉบับที่ 10
“กระทรวงเกษตรฯ ต้องแสดงศักยภาพ อย่าแก้ปัญหาแบบพ่นน้ำลายไปวันๆ”

หลังจากที่ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ได้นำขบวนรณรงค์ไปชุมนุมหน้าหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อรอฟังมติ ครม. 4 ประเด็นหลัก คือ 1. กรณีการเปิดเขื่อนปากมูล 2.กรณีการอนุมัติงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของคนไร้บ้าน 3.กรณีโครงการนำร่องธนาคารที่ดิน 4 ชุมชนในภาคเหนือ จำนวน 167 ล้านบาท และ 4.กรณีการเร่งดำเนินการพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชน ซึ่งผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการ ปจช.แล้ว 35 พื้นที่

ณ วันนี้ ความคืบหน้าของการดำเนินการแก้ไขปัญหาตามข้อเสนอพีมูฟ ของรัฐบาลยังคงเหมือนย่ำอยู่กับที่ จนเกินเลยความล่าช้า เนื่องจากว่า มติ ครม.เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม การติดตามขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมยังต้องติดตามความคืบหน้าของ ประเด็นเหล่านี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการติดตามผลความคืบหน้ากับกระทรวงที่เกี่ยวข้องโดยตรง

ในวันนี้ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมได้เคลื่อนขบวนมาหน้ากระทรวงเกษตรฯ เพื่อเรียกร้องให้ รมว.กระทรวงเกษตรฯ แสดงศักยภาพที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาใน 4 กรณีที่เกี่ยวข้องโดยตรง ในประเด็นปัญหาต่อไปนี้

1. กรณีพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชน ในเขตที่ดิน ส.ป.ก. 3 พื้นที่ใน จ.สุราษฎร์ธานี และอีก 2 พื้นที่ใน จ.อุบลราชธานีและ จ.ภูเก็ต ให้เร่งดำเนินการนำ 5 พื้นที่ดังกล่าวมาดำเนินการจัดทำเป็นพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชน

2. ปัญหาผลกระทบจากการสร้างเขื่อน กรณีเขื่อนปากมูล ซึ่งกรมชลประทานคัดค้านการเปิดเขื่อนถาวรด้วยเหตุที่ว่า กลัวมีน้ำไม่เพียงพอสำหรับการทำการเกษตร พีมูฟขอยืนยันและเรียกร้องให้มีการเปิดเขื่อนถาวร โดยใช้ข้อมูลสรุปผลการดำเนินงานของอนุกรรมการรวบรวมงานวิจัยเป็นข้อมูลอ้าง อิง ส่วนกรณีปัญหาอ่างเก็บน้ำทับที่ดินทำกินห้วยฝั่งแดง ให้เร่งดำเนินการตามข้อเสนอที่ได้ยื่นต่อรัฐบาลเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาอย่างเร่งด่วน

3. กรณีปัญหาชุมชนราไวย์ จ.ภูเก็ต ให้หยุดมาตรการรื้อถอนเครื่องสาธารณูปโภคในชุมชน และหยุดดำเนินการทางคดีความกับชาวบ้าน

4. กรณีการจดทะเบียนสหกรณ์ชุมชน ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ เร่งดำเนินการจดทะเบียนให้กับองค์กรชุมชนที่ยื่นขอจดทะเบียนเป็นสหกรณ์ชุมชน ทั้งนี้เพื่อให้สามารถนำไปดำเนินการเรื่องพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชนต่อไป

การดำเนินการแก้ไขปัญหากว่า 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา ทั้งคณะรัฐบาลชุดใหญ่และกระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นเพียงการแก้ปัญหาแบบพ่นน้ำลายซึ่งไม่สามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาในทาง ปฏิบัติได้ ปล่อยให้ปัญหายังคงดำเนินต่อไปอย่างเรื้อรัง สุดที่จะเยียวยา ดังนั้น กระทรวงเกษตรฯ ต้องแสดงถึงศักยภาพที่เหนือกว่า เพื่อแก้ไขปัญหาให้สำเร็จเสร็จสิ้น เพราะหากไม่เช่นนั้นแล้ว กระทรวงเกษตรฯ ก็จะเป็นอีกหนึ่งกระทรวงที่ต้องถูกตราหน้าว่า “แก้ปัญหาแบบพ่นน้ำลายไปวันๆ” เช่นกัน

คนจนทั้งผองพี่น้องกัน
ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
24 กุมภาพันธ์ 2554
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net