กลุ่มอนุรักษ์อุดร300คน รณรงค์ต้านเหมืองโปแต๊ซ ระบุบริษัทจ่ายเงินค่าลอดใต้ถุนให้ชาวบ้านไม่ถูกต้องสร้างความขัดแย้งใน ชุมชน ท้าบริษัทชี้แจงนโยบายว่าเหมืองอยู่กับชุมชนได้อย่างไร
16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 09.00 น. ณ วัดบ้านหนองนาเจริญ ต.หนองไผ่ อ.เมือง จ.อุดรธานี ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี จำนวนกว่า 300 คน ได้ใช้รถกระบะจำนวนกว่า 20 คัน และรถติดเครื่องกระจายเสียง ซึ่งประดับด้วยธงสีเขียวและสกรีนข้อความคัดค้านโครงการเหมืองแร่โปแตชเป็น สัญลักษณ์ มารวมตัวกัน เพื่อออกรณรงค์ให้ข้อมูล สร้างความเข้าใจแก่ชาวบ้านในพื้นที่ดำเนินโครงการเหมืองแร่โปแตซจังหวัด อุดรธานี ต่อกรณีที่ บริษัท เอเชียแปซิฟิค โปแตซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ เอพีพีซี ได้ทำการประชาสัมพันธ์จ่ายค่าลอดใต้ถุนบ้านของชาวบ้านที่มีที่ดินในพื้นที่ ดำเนินโครงการฯ ในราคา 1,000 บาท/ไร่ โดยประกาศให้ชาวบ้านมารับเงินในวันที่ 17 ก.พ. 2554 ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์บริษัทฯ
ขบวนรณรงค์ของชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้เริ่มเคลื่อนจากบ้านหนองนาเจริญไปยังบ้านหนองตะไก้ ซึ่งเป็นที่ตั้งศูนย์ประชาสัมพันธ์ของบริษัทฯ แล้วเดินทางไปยัง ต.โนนสูง ผ่านถนนมิตรภาพ เข้าสู่ ต.ห้วยสามพาด และสิ้นสุดที่ ต.นาม่วง อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี ระหว่างการรณรงค์ไปยังแต่ละชุมชนนั้น แกนนำได้สลับกันปราศรัยให้ข้อมูลบนรถกระจายเสียง และมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินแจกเอกสารให้ข้อมูลข้อเท็จจริงต่อความไม่ชอบธรรม ของการประชาสัมพันธ์จ่ายค่าลอดใต้ถุนของบริษัทฯ โดยชาวบ้านในพื้นที่เมื่อได้รับทราบถึงข้อเท็จจริงแล้วได้ให้ความสนใจเป็น อย่างดี พร้อมทั้ง ซักถามข้อสงสัยต่อการกระทำดังกล่าวของบริษัทฯจากชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯด้วย
นางมณี บุญรอด รองประธานกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ได้กล่าวถึง การออกมารวมตัวกันเพื่อรณรงค์ให้ข้อต่อกรรีการจ่ายค่าลอดใต้ถุนในวันนี้ว่า “ทางกลุ่มไม่เห็นด้วยกับการที่ บริษัทโปแตซเอาเงินมาแจกคน เพื่อหวังผลในการผลักดันโครงการ มันเป็นการหว่านล้อมชาวบ้านให้หลงเชื่อข้อมูลของบริษัท กลุ่มจึงต้องออกมาทำการรณรงค์ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ให้รับรู้ถึงข้อมูลข้อ เท็จจริงที่เกิดขึ้น มิเช่นนั้นจะต้องตกเครื่องมือของบริษัท ซึ่งการมาของพวกเราในวันนี้ทุกคนต่างพร้อมใจกันมา เพื่อที่ว่าจะทำการเปิดโปงบริษัทไม่ให้ชาวบ้านในพื้นที่ไม่หลงเชื่อการหลอก ลวง อีกทั้งยังต้องการสื่อสารไปยังสาธารณะให้รับรู้ถึงเล่ห์ของบริษัทที่พยายาม ทุกวิถีทางในการผลักดันโครงการเหมือง” นางมณี กล่าว
ด้าน นายสุวิทย์ กุหลาบวงษ์ ที่ปรึกษากลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ได้มีความเห็นต่อกรณีการจ่ายค่าลอดใต้ถุน ซึ่งนำมาซึ่งการณรงค์ของชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ในครั้งนี้ว่า “การที่บริษัทใช้เงินมาแจกชาวบ้านในพื้นที่นั้น ปัญหาที่จะตามมา คือ ความขัดแย้ง และเป็นการเสียเวลา ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นเลย บริษัทน่าจะใช้เวลาในการให้ความรู้สร้างความเข้าใจต่อชาวบ้านในที่ในเรื่อง เกี่ยวกับเหมืองแร่โปแตซ เพราะที่ผ่านมาบริษัทมีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อและสังคมสาธารณะว่า เหมืองสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้ ก็น่าจะมาให้รายละเอียดว่าเหมืองอยู่กับชุมชนได้อย่างไร”
นายสุวิทย์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ น่าจะลงมาติดตามการกระทำของบริษัทในกรณีจ่ายค่าลอดใต้ถุนด้วย ซึ่งน่าจะตักเตือนบริษัทด้วยว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ชอบธรรม ไม่อยู่ในร่องในรอย”
ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า เมื่อกิจกรรมรณรงค์ของชาวบ้านสิ้นสุดลง ชาวบ้านได้ทำการสรุปกิจกรรม และให้แกนนำสลับกันมาปราศรัยให้กำลังใจชาวบ้านทุกคนที่มาร่วมกันทำกิจกรรม รณรงค์ตลอดทั้งวัน และได้มีมติร่วมกันที่จะเฝ้าติดตามสถานการณ์การจ่ายค่าลอดใต้ถุนของบริษัทฯ ในวันที่ 17 ก.พ. 2554 กันอย่างใกล้ชิด