สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 9 - 15 ม.ค. 2554

แรงงานไทยในอิสราเอล 2 คนได้รับบาดเจ็บจากการถูกสะเก็ดกระสุนปืนใหญ่

9 ม.ค. 54 - เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ฮาอาเรตซ์ ของอิสราเอล รายงานว่า แรงงานเกษตรกรชาวไทย 2 คนได้รับบาดเจ็บ หลังถูกกระสุนปืนใหญ่ที่ถูกยิงตกใส่พื้นที่ทางภาคใต้ใกล้เขตฉนวนกาซาเมื่อ วานนี้ ตำรวจอิสราเอลกำลังสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว โดยพบสภาพความเสียหายบริเวณอาคารหลังหนึ่ง และกองเลือดนองบนพื้น นอกจากนี้มีพยานแรงงานชาวต่างชาติหลายคนเห็นเหตุการณ์

อย่างไรก็ตามทางการอิสราเอลไม่เปิด เผยชื่อแรงงานไทยดังกล่าว แต่สื่อในอิสราเอลรายงานวันเดียวกันว่า มีเหตุทหารอิสราเอลถูกเพื่อนทหารด้วยกันยิงเสียชีวิต 1 นาย จากความผิดพลาดระหว่างเผชิญหน้ากับชาวปาเลสไตน์หัวรุนแรงบริเวณชายแดนกาซา

(สำนักข่าวแห่งชาติ, 9-1-2554)

กต.ชี้ 3 แรงงานไทยที่อิสราเอลปลอดภัย

9 ม.ค. 54 - นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ  กล่าวว่า แรงงานไทยพ้นขีดอันตรายแล้วหลังเข้ารับการรักษาที่  โรงพยาบาลซโรคา โดย 1 รายสามารถกลับบ้านได้แล้วส่วนอีก 2 รายที่ถูกสะเก็ดระเบิดที่เข่าและไหล่ยังต้องพักดูอาการเฝ้าระวังการติด เชื้อ   เป็นชาวจ.หนองบัวลำภู 2คนจ.เลย 1 คน  โดยสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ประสานกับสำนักงานประกันสุขภาพและสังคม  ให้ดูเรื่องค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยในช่วงที่ต้องพักรักตัว ขณะกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งญาติที่จังหวัดหนองบัวลำภูและจ.เลยทราบแล้ว

(คมชัดลึก, 9-1-2554)

จัดหางานเตือน ระวังถูกหลอกไปทำงานต่างประเทศ

10 ม.ค. 54 - นายสุเมธ มโหสถ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางานได้รับคำร้องทุกข์จากนายสรพงษ์ ออมสิน ชาว จังหวัดลำปาง และผู้เสียหายอีกกว่า 106 คน ว่าบริษัท พีอาร์เวิร์ด กรุ๊ป และบริษัทสยามแมนเนจเมนท์แอนด์ซับคอนแทรค จำกัด ได้ร่วมกันหลอกลวงแรงงานไทยไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล แคนาดา และเกาหลีใต้ โดยให้ผู้เสียหายจ่ายเงินค่าบริการ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ คนละตั้งแต่ 20, 000-250,000 บาท รวมค่าเสียหายทั้งสิ้น 7, 569,2000 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติของบริษัททั้งสอง ไม่พบว่าเป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตจัดหางานให้คนงานไปทำงานต่างประเทศแต่ อย่างใด ซึ่งขณะนี้กรมการจัดหางาน ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อบริษัททั้งสองแล้ว ที่สถานีตำรวจนครบาลอุดมสุข โดยเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน ในข้อหาร่วมกันจัดหางานให้คนหางานไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนาย ทะเบียนจัดหางานกลาง และร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศ ได้โดยการหลอกลวง

รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวอีกว่า หลังจากนี้กรมฯจะจัดชุดปฏิบัติการเพื่อติดตามเรื่องนี้อย่างเข้มข้นมากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ก็มีกรณีที่นายหน้าหลอกลวงแรงงานไปทำงานที่ประเทศเฮติมา แล้ว

(สำนักข่าวแห่งชาติ, 10-1-2554)

ทีดีอาร์ไอฟันธงรัฐเหลวดึงแรงงานนอกระบบ

10 ม.ค. 54 - นางวรวรรณ ชาญด้วยวิทย์ นักวิจัยประจำสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ เปิดเผยว่า ไม่เห็นด้วยกับมาตรการเร่งด่วนของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ออกมาให้สวัสดิ การแรงงานนอกระบบร่วมประกัน สังคมตามมาตรา 40 ของ พ.ร.บ.ประกันสังคม เพราะไม่เหมาะสมทั้งเรื่องของตัวเงินและสิทธิประโยชน์ ที่ได้รับ แต่ยังไม่เห็นรายละเอียดที่ชัดเจนว่าแรงงานเลือกจ่าย 100 150 หรือ 280 บาท มีรายละเอียด อย่างไรบ้าง

ภาพรวมยังไม่มีความชัดเจนมากนัก ส่วนใหญ่คือการเอื้อสวัสดิการและประกันความเสี่ยงให้กับแรงงานนอกระบบ เพราะแรงงานกลุ่มนี้มีความเสี่ยงจากการประกอบอาชีพมาก และยังคงไม่มีหลักประกันอะไรรับรองนางวรวรรณ กล่าว

สำหรับประเด็นที่รัฐบาลจะให้แรงงาน นอกระบบออมเงินผ่านระบบประกันสังคม นั้น นักวิชาการจากทีดีอาร์ไอมองว่า ควรจะแยกการออมเงินชราภาพออกจากระบบประกันสังคมให้ชัดเจน และให้กองทุนการออมเพื่อการชราภาพ (กอช.) บริหารงานมากกว่า เพราะเชื่อว่า กอช.มีความเสี่ยงต่ำกว่าประกันสังคม และการบริหารงานในส่วนนี้ กอช.มีความสามารถมากกว่า รวมถึงระบบการจ่ายเงินก็เป็นแบบบำนาญซึ่งมีความเหมาะสมกับแรงงานในกลุ่มนี้

นายยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผู้อำนวยการวิจัย (การพัฒนาแรงงาน) ทีดีอาร์ไอ มองว่า โดยหลักการเห็นด้วยกับรัฐบาลที่มีนโยบายประชาวิวัฒน์เพื่อพัฒนาประเทศ แต่ต้องดูและวิเคราะห์ให้ลึกโดยเฉพาะแหล่งเงินที่ใช้ ส่วนในเรื่องนโยบายที่จะดึงคนงานเข้าสู่ประกันสังคมที่เลือกจ่ายใน 3 อัตรานั้นเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ต่อผู้ประกันตนแต่ไม่ครอบคลุมทั้งหมด เชื่อว่ามาตรฐานนี้จะสามารถช่วยให้แรงงานนอกระบบเข้าสู่ระบบประกันสังคมได้ มากกว่า 50% หากมีการประชาสัมพันธ์แจ้งให้ทราบ

โดยส่วนตัวนโยบายของรัฐ ดังกล่าวถ้าทำตามขั้นตอนอย่าง เป็นระบบและยึดหลักที่ประกาศไว้เชื่อว่าน่าจะช่วยได้ พร้อมยอมรับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่รัฐบาลต้องการคะแนนเสียง

(โพสต์ทูเดย์, 10-1-2554)

แรงงานนอกระบบเผยประชาวิวัฒน์ไม่ชัดเจน

10 ม.ค. 54 - หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีประกาศมาตราการเปิดโอกาสให้แรงงานนอกระบบ จำนวนกว่า 24 ล้านคนเข้าสู่ระบบประกันสังคม ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป โดยเมื่อวันที่ 10 มกราคม นางสุจิน รุ่งสว่าง ประธานเครือข่ายแรงงานนอกระบบ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับการประกาศมาตราการดังกล่าว แม้ว่าจะยังไม่ดีมากนักและไม่เท่าเทียมกับแรงงานในระบบก็ตาม แต่อย่างน้อยก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี เพราะที่ผ่านมาได้มีการเรียกร้องผลักดันเรื่องดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2540 จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม

นางสุจิน กล่าวว่า จากการพูดคุยกับสมาชิกเครือข่ายแรงงานนอกระบบล้วนมีความเห็นตรงกันว่าสำนัก งานประกันสังคม (สปส.) ควรเก็บเงินสมทบกับแรงงานนอกระบบให้น้อยลงและให้รัฐบาลเข้ามาร่วมจ่ายมาก ขึ้น หรือไม่เช่นนั้นควรเพิ่มสิทธิ์ประโยชน์ให้มากขึ้น เพื่อจูงใจให้แรงงานนนอกระบบเข้ามาสู่ระบบประกันสังคม นอกจากนี้อยากเปลี่ยนจากสิทธิ์บำเหน็จชราภาพมาเป็นบำนาญชราภาพ เนื่องจากเงินบำนาญถือเป็นหัวใจสำคัญของแรงงานนนอกระบบในการดำรงชีวิตใน สังคม ทั้งนี้การประกาศมาตราการดังกล่าว ทำให้สปส.มีสถานะอยู่ภายใต้ระบบประชาภิวัฒน์ที่ไม่ยั่งยืน ซึ่งมีผลบังคับใช้ภายในระยะเวลาสั้นๆ เมื่อหมดวาระรัฐบาลจะมีใครรับประกันได้ว่ามาตราการดังกล่าวจะไม่ล่ม ดังนั้น รัฐบาลจะทำอย่างไรให้เงินสมทบประเดิมกองทุนสปส.นี้มีผลระยะยาวและใช้ได้ตลอด ไป ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ชัดเจน

น.ส.วาสนา ลำดี ผู้ประสานงานโครงการสื่อสารแรงงาน กล่าวว่า การที่รัฐบาลมองเห็นความสำคัญของแรงงานนอกระบบ โดยเฉพาะในเรื่องของหลักประกันชีวิต ถือเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมาก แต่ในทางปฏิบัตินั้นยังไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลจะสามารถทำได้จริงและเข้าถึงแรง งานนอกระบบกลุ่มนี้ได้หรือไม่ เพราะต้องยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวยังใหม่และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นรัฐบาลและสำนักงานประกันสังคม (สปส.) จะต้องประชาสัมพันธ์และให้ความรู้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง เช่น ในเรื่องการติดต่อขอแบบฟอร์มและวิธีการจ่ายเงินสมทบ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องยาก หากจะทำควรจะเป็นในลักษณะคล้ายกับการขายประกันลงพื้นที่ทุกกลุ่ม ทั้งนี้หากมองในภาพรวมแล้วบุคลากรของสปส.ยังมีจำกัดและไม่สามารถทำได้

น.ส.วาสนา กล่าวว่า การที่นายกฯออกมาประกาศนำร่องแรงงานนอกระบบใน 3 กลุ่มอาชีพ ได้แก่ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง คนขับรถแท็กซี่และหาบเร่แผงลอยเห็นจะไม่ถูกต้อง หากต้องการลดความเหลื่อมล้ำจริงต้องไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มอาชีพเหล่านี้ นอกจากนี้ในส่วนของการเก็บเงินสมทบ จำนวน 2 อัตรา คือ 100 บาทและ150 บาทต่อเดือนนั้น เป็นการกำหนดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและหวังผลในการเลือกตั้ง เพราะหากโปร่งใสจริงจะต้องมีการปรึกษาหารือถึงเกณฑ์การเก็บเงินสมทบดังกล่าว ก่อน ไม่ใช่กำหนดขึ้นมาลอยๆโดยไม่ทราบว่าใช้อะไรเป็นตัวตั้ง นอกจากนี้หากมีแรงงานนอกระบบเข้าสู่ประกันสังคมเป็นจำนวนมากกว่าที่รัฐบาล คาดการณ์ไว้ จะส่งผลกระทบต่อกองทุนประกันสังคมหรือไม่และรัฐบาลจะดำเนินอย่างไรต่อไป

ด้านนายธนธรณ์ แปงคำใส ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างย่านดินแดง กล่าวว่า การที่รัฐบาลมีนโยบายจัดระเบียบรถจักรยานยนต์รับจ้างหรือวินมอเตอร์ไซด์ ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ขณะเดียวกันการจัดระเบียบก็ยังมีช่องว่างทางกฎหมาย เมื่อมีการจัดระเบียบเกิดขึ้น เพราะเสื้อวินในกฎหมายกำหนดไว้ห้ามขาย แต่บางคนต้องซื้อเสื้อวินต่อจากคนอื่น หรือเช่าเสื้อ เพราะไม่สามารถทำเป็นรถรับจ้างป้ายสีเหลืองได้ เมื่อเจ้าหนี้ที่ตำรวจเรียกตรวจใบอนุญาตก็จะถูกเปรียบเทียบปรับ รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกเก็บเงินจากวินมอเตอร์ไซด์บางวิน จึงอยากฝากรัฐบาลดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษ ส่วนที่รัฐบาลต้องการให้กลุ่มแรงงานนอกระบบ ซึ่งรวมไปถึงวินมอเตอร์ไซด์เข้าไปอยู่ในระบบประกันสังคมโดยที่จ่ายใน 2 อัตรา คือ 100 บาทต่อเดือน รัฐช่วยสมทบ 30 บาท ซึ่งได้สิทธิประโยชน์ 3 กรณี คือชดเชยการขาดรายได้กรณีเจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต และ 150 บาท รัฐช่วยสมทบ 50 บาท ได้สิทธิ์ 4 กรณี โดยเพิ่ม สิทธิ์เงินออมบำเหน็จชราภาพนั้น ก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่อยากทราบรายละเอียดสิทธิประโยชน์ต่างๆที่จะได้รับให้ชัดเจนกว่านี้

(เนชั่นทันข่าว, 10-1-2554)

ก.แรงงานสั่งห้ามคนงานไทยเข้าพื้นที่ฉนวนกาซา

10 ม.ค. 54 - นายสุเมธ มโหสถ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่าแจ้งเตือนและสั่งห้ามคนงานไทยในอิสราเอลที่ไปรับจ้างเป็น เกษตรกรกว่า 2.6 หมื่นคน เข้าไปทำงานในฉนวนกาซาและพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งโดยมีหนังสือเตือนไปยังบริษัทจัดหางานสั่งห้ามและไม่อนุญาตให้ส่งคน งานไปในพื้นที่โดยเด็ดขาดเนื่องจากเป็นเขตพื้นที่อันตรายหลังจากวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมามีคนงานไทย 3 คนได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนใหญ่ที่ถูกยิงจากฉนวนกาซาเข้ามาตกในบริเวณที่ พักคนงานต่างชาติ

สำหรับคนไทยที่บาดเจ็บทั้ง 3 คนประกอบด้วยนายจำรัส บัวลิวัน ชาวจังหวัดเลย ไปทำงานโดยบริษัทจัดหางานไทยชาญ จำกัด ถูกกระสุนที่บริเวณขาขวาเป็นเหตุให้กระดูกแตก แพทย์แจ้งภายหลังการรักษาว่าขาของนายจำรัสอาจไม่กลับคืนสู่สภาพเดิมและต้อง รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์

นอกจากนี้ยังมีนายศักดิ์สยาม แสงสว่าง ชาวจังหวัดนครพนม ไปทำงานโดยบริษัทจัดหางานโปรเฟสชันแนลโอเวอร์ซีส์ อ๊อฟ แมนพาวเวอร์ จำกัด ถูกกระสุนปืนบริเวณไหล่ซ้ายต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อีก 1 สัปดาห์ และนายธีรวัฒน์ บุญมี ชาวจังหวัดหนองบัวลำภูไปทำงานโดยบริษัทจัดหางานแอล แอนด์ ซี กรุ๊ป จำกัด ถูกกระสุนปืนบริเวณไหล่ขวา เข้ารักษาพยาบาลแล้วและแพทย์ให้กลับที่พักได้

ทั้งนี้ในพื้นที่เกิดเหตุดังกล่าวมี คนงานไทยพักอาศัย 10 คนและเพื่อความปลอดภัย กระทรวงแรงงาน ได้แจ้งให้นายจ้างจัดหาที่พักใหม่ชั่วคราวให้คนงานและนายจ้างให้คนงานหยุด พักงานได้ 3 วันเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจรวมทั้งไม่ขัดข้องหากคนงานรายใดประสงค์จะย้ายงาน

สำหรับสิทธิประโยชน์ที่คนงานไทยจะ ได้รับจากสำนักงานประกันสังคมอิสราเอล ประกอบด้วย ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด ค่าจ้างตามกฎหมายระหว่างการพักรักษาตัวและออกวีซ่าให้ญาติพี่น้องของคนงาน ที่ได้รับบาดเจ็บเดินทางเข้าไปเยี่ยมคนงานที่ประเทศอิสราเอลได้

นอกจากนี้ในส่วนของกระทรวงแรงงาน คนงานจะได้รับการสงเคราะห์จากการเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำ งานต่างประเทศในกรณีประสบอันตรายขณะทำงานในต่างประเทศเป็นค่ารักษาพยาบาล เท่าที่จ่ายจริงรายละไม่เกิน 3 หมื่นบาท 

(โพสต์ทูเดย์, 10-1-2554)

เครือข่ายแรงงานนอกระบบจี้รัฐเพิ่มเงินบำนาญ

10 ม.ค. 54 - นายดำรงค์ สังวงษ์ ผู้ประสานงานแผนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานไทย เปิดเผยว่า จากการประชุมกลุ่มย่อยของเครือข่ายแรงงานนอกระบบในกลุ่มอาชีพ เกษตรกร แท็กซี่ มอเตอร์ไซด์รับจ้างและซาเล้งมีความคิดเห็นต่อนโยบายประชาวิวัฒน์ของรัฐบาลใน ส่วนแพ็คเก็จประกันสังคมว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่อยากให้ครอบคลุมไปถึงเรื่อง การจ่ายเงินบำนาญชราภาพด้วย

ทั้งนี้เพราะตามข้อมูลที่รับทราบมา ผู้ที่เลือกจ่ายเงิน 150 บาท/เดือนจะได้สิทธิประโยชน์เป็นเงินบำเหน็จเมื่อถึงวัยเกษียร แต่ไม่ได้บำนาญอีกทั้งถูกตัดสิทธิในการออมเงินกับกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นว่าแรงงานนอกระบบยังต้องการมีบำนาญขั้นพื้นฐานเพื่อ รองรับภาวะสังคมผู้สูงอายุในอนาคต

การได้บำเหน็จก็เป็นเรื่องดีแต่คิด ว่าเมื่อได้แล้วมันคงหมดลงอย่างรวดเร็ว ฉะนั้นอยากให้ปลดล็อกว่าถึงแม้จะเลือกจ่ายประกันสังคม 150 บาท/เดือนก็ยังออมเงินกับกอช.ได้ด้วย ไม่เช่นนั้นเท่ากับว่ารัฐบีบให้แรงงานนอกระบบไปใช้แพ็คเก็จจ่ายเดือนละ 100 บาทเพราะแพ็คเก็จนี้ไม่ติดสิทธิในการเข้าร่วมกับกอช. แต่อีกมุมหนึ่งนอกจากจ่ายสมทบประกันสังคมแล้วยังต้องจ่ายสมทบกอช.เพิ่มอีก ด้วยนายดำรงกล่าว

นายดำรงกล่าวว่ายังมีรายละเอียดอีก หลายเรื่องที่ยังต้องหารือกันเพื่อให้ตอบ โจทย์แรงงานนอกระบบอย่างแท้จริง เช่นเรื่องการจ่ายเงินชดเชยทุพพลภาพที่ยังมีเงื่อนไขว่าหากเกิดอุบัติเหตุ แขนขาดหรือขาขาดต้องขาดทั้ง 2 ข้าง หากขาดข้างเดียวก็ไม่ได้รับเงินชดเชย หรือหากเกิดอุบัติเหตุนิ้วขาด ต้องขาดกี่ข้อถึงจะถือว่าทุพพลภาพเป็นต้น

(เนชั่นทันข่าว, 10-1-2554)

จัดหางานน่าน เตือนระวังถูกหลอกไปทำงานลาว

12 ม.ค. 54 - นายเมธา จันทร์ยวง จัดหางานจังหวัดน่าน เปิดเผยว่า ขณะนี้มีบุคคลฉวยโอกาสชักชวนคนหางานในจ.น่านไปทำงานที่ประเทศลาว โดยอ้างว่าเป็นงานก่อสร้างโรงไฟฟ้า จำนวน 44 ตำแหน่ง  ซึ่งตำแหน่งซูเปอร์ไวเซอร์จะได้ค่าจ้างวันละ 1,800 บาท โฟร์แมน วันละ 1,500 บาท และคนงานทั่วไปแผนกต่างๆ จะได้ค่าจ้างวันละ 480-1,450 บาท มีสัญญาจ้าง 1 ปี แต่ผู้สมัครจะต้องเสียค่าบริการเบื้องต้น 15,000 บาท ถือว่าสูงเกินความเป็นจริง และสูงกว่าในประเทศไทยมาก  อาจทำให้ผู้ถูกชักชวนหลงเชื่อและถูกหลอกได้

นอกจากนี้ นายเมธา ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ได้พบกับผู้ประสานงานของบริษัท บ้านปู เพาว์เวอร์ จำกัด ประจำจ.น่าน และได้รับการชี้แจงว่า โครงการโรงไฟฟ้าหงสาเป็นการร่วมทุนของบริษัท บ้านปูเพาเวอร์ จำกัด บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH ของประเทศไทย และบริษัท Lao Holding State Enterprise (LHSE) ซึ่งเป็นวิสาหกิจของรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อร่วมจัดตั้งบริษัท Hongsa Power Company Limited (HPC) และบริษัท Phu Fai Mining Company Limited (PFMC) สำหรับดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าหงสาที่เมืองหงสา โดยมีข้อตกลงด้านแรงงานว่า ต้องใช้แรงงานลาวร้อยละ 80 ที่เหลืออีกร้อยละ 20 เป็นแรงงานจากชาติอื่นรวมทั้งไทยด้วย ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ดำเนินการเปิดประมูลให้มีการก่อสร้างแต่อย่างใด นอกจากการทำถนน หากมีการจ้างแรงงานไทยไปทำงานดังกล่าวจริง จะต้องดำเนินการรับสมัครงานผ่านสำนักงานจัดหางานจังหวัดน่านเท่านั้น โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสมัครแต่อย่างใด และจะประกาศให้ทราบในโอกาสต่อไป ดังนั้นเพื่อป้องกันมิให้คนหางานถูกหลอกลวงไปทำงานโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ในลาว หากพบเห็นบุคคลที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ขอให้แจ้งตำรวจในท้องที่ หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดน่าน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดน่าน ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณศูนย์ราชการจังหวัดน่าน โทรศัพท์ 054-716075-6 ในวันและเวลาราชการ

(ไทยรัฐ, 12-1-2554)

พนง. บ.แม็กซิส ร้องผู้ว่าระยองช่วยเงินเดือน+โบนัส

12 ม.ค. 54 - ที่ จ.ระยอง พนักงานของบริษัท แม็กซิส อินเตอร์เนชั่นแนล(ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งผลิตยางรถยนต์ยี่ห้อชื่อดัง จำนวน500คน ไปชุมนุมประท้วงที่หน้าศูนย์ราชการจังหวัดระยอง เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องขอเงินโบนัส และสวัสดิการเพิ่มจากนายจ้าง นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ผวจ.ระยอง ออกมารับหนังสือ

นายชัยรัตน์ บุษรา ประธานสหภาพแรงงานแม็กซิส ประเทศไทย เปิดเผยว่า พนักงานได้รับค่าจ้างและสวัสดิการต่ำมากโดยเฉพาะโบนัส และเงินเดือน  ได้มีการยื่นข้อเรียกร้องกับผู้บริหาร ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.53ที่ผ่านมา แต่กลับถูกผู้บริหารสั่งปิดโรงงานอ้างว่าเครื่องจักรเสีย แล้วนำแรงงานต่างชาติ กว่า 300 คนเข้ามาทำงานแทน อาจจะนำไปสู่การปล่อยลอยแพพนักงาน
  
ด้าน นายธวัชชัย ผวจ.ระยองได้นัดให้กลุ่มสหภาพแรงงาน และนายจ้างมาตกลงกันในวันที่ 13 ม.ค.นี้ กลุ่มผู้ชุมนุมพอใจแยกย้ายกันกลับ

(โพสต์ทูเดย์, 12-1-2554)

เพชรบูรณ์เตือนระวังถูกหลอก ทำงานสร้างเขื่อนพลังงานไฟฟ้าที่สปป.ลาว

14 ม.ค. 54 - นายสัมพันธ์ สุวรรณทับ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า แรงงานไทยกว่า 240 คน ถูกนายหน้าจัดหางานหลอกให้ไปทำงานสร้างเขื่อนพลังงานไฟฟ้าที่สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยหลอกว่าเป็นการไปทำงานที่ผ่านกรมการจัดหางาน จะมีการฝึกอบรม และตรวจสุขภาพตามขั้นตอนของกรมการจัดหางาน และจะได้ค่าแรงไม่ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อเดือน แต่แรงงานจะต้องเสียค่านายหน้าคนละ 46,000-49,000 บาท ซึ่งหลังจ่ายเงินไปเมื่อต้นปี 2553 แรงงานต้องรอเป็นระยะเวลากว่า 8 เดือน จึงมีการนัดหมายให้คนงานจำนวน 240 คน ข้ามไปยังฝั่งประเทศลาว กลุ่มเอเยนต์จัดเตรียมพาหนะพาแรงงานทั้งหมดไปพักอาศัยในแคมป์ 4 แคมป์ บางแคมป์มีสภาพความเป็นอยู่แออัด บางแคมป์ต้องอาศัยอยู่ในป่ารกทึบ พื้นที่แขวงอัตตะปือ สภาพความเป็นอยู่ไม่ถูกสุขลักษณะ ขับถ่ายตามแม่น้ำ-ป่าเขา คนงานอยู่รอกว่า 1 เดือน โดยไม่ได้ทำงาน และนายจ้างไม่ยอมจ่ายค่าแรงตามที่ได้ตกลงว่าจะให้ค่าแรงทันทีเมื่อไปถึง ประเทศลาว จึงรู้ว่าถูกหลอก และเมื่อต้นเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา แรงงานไทยจำนวน 24 คน ได้เข้าร้องต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแขวงอัตตะปือ ให้ช่วยนำพวกตนส่งกลับประเทศไทยและได้กลับเป็นชุดแรก ต่อมาแรงงานไทยอีกจำนวน 115 คน ถูกทอดทิ้งในแคมป์ที่พัก ไม่มีแม้แต่อาหาร ไม่มีเงินติดตัว และเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. จึงพากันเดินทางไปร้องขอความช่วยเหลือต่อสถานกงสุลสะหวันนะเขต เพื่อช่วยเหลือให้ส่งตัวกลับประเทศไทย และแรงงานไทยกลุ่มนี้ได้รับการช่วยเหลือส่งกลับถึงประเทศไทยแล้ว

พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยต่อว่า เหตุหลอกลวงแรงงานไทยไปทำงานที่ประเทศเพื่อนบ้านในครั้งนี้ เป็นการกระทำของนายหน้าชาวไทย และกิจการสร้างเขื่อนเป็นของคนไทยร่วมหุ้นกับชาวลาวที่ยังไม่ได้ดำเนินการ แต่อย่างใด จากกรณีดังกล่าว มีแรงงานชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวนกว่า 20 คน ถูกหลอกไปทำงานในครั้งนี้มีนายหน้าในพื้นที่มาชี้ชวน และเรียกรับเงินค่านายหน้า ต้องเสียเงินรวมกว่า 1 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการเข้าร้องทุกข์ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฝากเตือนผู้ว่างงาน หากต้องการไปทำงานต่างประเทศให้สอบถามข้อมูลจากสำนักงานจัดหางานจังหวัด หรือที่กรมการจัดหางาน อย่าได้หลงเชื่อนายหน้าเถื่อนเพราะอาจถูกหลอกได้เช่นกรณีนี้เป็นตัวอย่าง

(ข่าวสด, 14-1-2554)

สหรัฐฯ ตั้งข้อหาชาวมะกันเพิ่มฐานล่อลวงแรงงานไทยร่วม 400 คน

15 ม.ค. 54 - คณะลูกขุนใหญ่ของศาลฮอนโนลูลูสั่งฟ้องโจเซฟ นอลเลอร์ และบรูซ ชวาร์ตซ์ พร้อมกับจำเลยร่วมอีก 6 คน ซึ่งถูกตั้งข้อหาไปก่อนในเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ฐานล่อลวงชาวไทยราว 400 คน ไปใช้แรงงานในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2001-2007
      
นอกจากนี้ ผู้ที่ถูกตั้งข้อหาเดียวกันยังได้แก่ มอ์เดไช โอเรียน ชาวอิสราเอล ปราณี ทับชุมพล เชน เจอร์แมนน์ และ แซม วงศ์สนิท จากบริษัท โกลบอล ฮอไรซันส์ แมนพาวเออร์ ในลอสแองเจลิส
      
อัยการระบุว่า จำเลยเหล่านั้นได้ร่วมมือกับรัตวรรณ ชุณหฤทัย และพจนีย์ สินชัย นายหน้าจัดหาแรงงาน กระทำความผิด ซึ่งเริ่มจากหลอกให้สัญญาว่าจะได้ทำงานที่มีค่าตอบแทนสูง
      
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงสหรัฐฯ แรงงานไทยเหล่านั้นกลับถูกยึดหนังสือเดินทางและบังคับให้ต้องจ่ายเงินหลาย พันดอลลาร์เป็นค่าธรรมเนียมการสมัครงาน ซึ่งทำให้พวกเขาต้องเป็นหนี้ โดยนำทรัพย์สินของครอบครัวและบ้านไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน กระทรวงยุติธรรมแถลง
      
ทั้งนี้ จำเลยกลับจ่ายค่าแรงให้กับคนงานเหล่านั้นในราคาต่ำ และบังคับให้พวกเขาอยู่ภายใต้การควบคุมของจำเลยในสถานที่ที่แออัด มีสภาพต่ำกว่ามาตรฐาน
      
ยิ่งไปกว่านั้น ข้อกล่าวหาดังกล่าวยังหาทางยึดเครื่องบินที่โอเรียน และพรรคพวกใช้ในการขนส่งแรงงานระหว่างเกาะในรัฐฮาวายด้วย

(ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 15-1-2554)

ตม.อรัญประเทศ ส่งกลับแรงงานชาวกัมพูชา

15 ม.ค. 54 - แรงงานชาวกัมพูชา จำนวน 199 คน เหล่านี้ เป็นแรงงานชาย  120 คน เป็นหญิง 61 และเด็กอีก 18 คน ที่ได้ลักลอบเข้ามาทำงานในกรุงเทพมหานคร และถูกเจ้าหน้าที่ ตม. ที่กรุงเทพ จับกุมได้ โดยได้ส่งกลับมายังด่านบ้านคลองลึก เพื่อนำส่งกลับภูมิลำเนา ผ่านทางด่านตรวจคนเข้าเมืองอรัญประเทศ  จังหวัดสระแก้ว สำหรับการดำเนินคดีนั้น ที่ผ่านมาทางรัฐบาลไทย ได้ดำเนินการจับกุมและส่งตัวกลับเพียงสถานเดียว ไม่ได้มีการดำเนินคดี ฐานลักลอบเข้าเมือง ส่วนการดูแล เจ้าหน้าที่ตม.ที่อรัญประเทศ บอกว่า ได้ดูแลเป็นอย่างดี มีการเลี้ยงอาหาร 3 มื้อ ระหว่างการควบคุมตัว ก่อนส่งกลับประเทศกัมพูชา

(ช่อง 7, 15-1-2554)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท