Skip to main content
sharethis

 

สืบเนื่องจากกรณีนายวินัย ปิ่นศิลปชัย ผู้ต้องขังเสื้อแดงคดีบุกรุกสถานที่ราชการและร่วมกันวางเพลิงเผาศาลากลางมุกดาหารดื่มน้ำยาปรับผ้านุ่มในเรือนจำต่อหน้าภรรยาหวังฆ่าตัวตาย จนต้องหามส่งไอซียู เมื่อ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา

หลังจากพ้นขีดอันตราย และออกมาพักฟื้นที่แผนกอายุรกรรมชายเมื่อเย็นวันเดียวกันแล้ว   ในช่วงสายของวันรุ่งขึ้น แพทย์แผนกจิตเวชประจำโรงพยาบาลมุกดาหาร ได้มาพูดคุยซักถามนายวินัย ซึ่งตลอดทั้งคืนที่ผ่านมามีอาการปวดหัวและท้ายทอยอย่างแรง แพทย์ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้นลงความเห็นว่าผู้ต้องหามีอาการของโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง มีโอกาสเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายสูง อีกทั้งมีประวัติในการพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วถึง 3 ครั้ง โดยการกินแก้ปวดจำนวน 1 กำมือ (ประมาณ 30 เม็ด) ใช้มีดกรีดคอและแขน จนกระทั่งครั้งสุดท้าย กินน้ำยาปรับผ้านุ่ม แพทย์จึงได้ทำหนังสือส่งตัวผู้ป่วยไปรับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลจิตเวชนครพนม
 
ล่าสุด ในวันนี้(27 พ.ย.) นางอำนวย ปิ่นศิลปชัย ภรรยา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วินัยยังมีอาการมึนศีรษะ และในบางครั้งตอบสนองต่อการพูดคุยช้า ซึ่งผิดจากบุคลิกลักษณะที่เคยเป็น ทาง รพ.มุกดาหารให้สามีของเธอ พักฟื้นจนถึงวันจันทร์(29 พ.ย.) จากนั้นกระบวนการต่อไปเท่าที่เธอได้พูดคุยกับผู้คุมเรือนจำที่มาเฝ้าผู้ต้องหาที่โรงพยาบาล ก็คือ วินัยจะต้องถูกส่งตัวกลับเข้าเรือนจำมุกดาหาร เพื่อรอจนกว่าทางเรือนจำจะพร้อมส่งตัวไปเรือนจำกลางจังหวัดนครพนม เรือนจำนครพนมเองก็อาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าจะส่งตัววินัยไปให้ รพ.จิตเวชนครพนม เพื่อรักษาต่อตามที่แพทย์มีใบส่งตัว ซึ่งก็หมายความว่าสามีเธอจะต้องกลับเข้าไปอยู่ในเรือนจำอีกระยะหนึ่ง และอาจจะพยายามฆ่าตัวตายอีกเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้น ในวันจันทร์นี้ ครอบครัวของเธอจะยื่นขอประกันตัววินัยต่อศาลจังหวัดมุกดาหาร เพื่อที่ครอบครัวจะได้ส่งเขาไปรักษาตัวที่นครพนมในทันที  ตัววินัยจะได้อยู่ในความดูแลของจิตแพทย์และครอบครัวตลอดเวลา ไม่ให้เขามีโอกาสพยายามฆ่าตัวตายอีก   เธอหวังว่าศาลจะเมตตาปล่อยตัวชั่วคราวสามีของเธอ
 
ส่วนนายวิจารย์ ปิ่นศิลปชัย ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่า “ไม่อยากให้เข้าเรือนจำ อยากให้ประกันตัวได้ด่วนเลย จะได้มาอยู่ข้างนอก ได้ช่วยกันดูแลรักษา ถ้าไปอยู่ข้างในมันโดดเดี่ยว กลัวจะมีอันตรายอีก ถ้าลูกผมเป็นอะไรไปใครจะรับผิดชอบ เรือนจำหรือรัฐบาล   เขามีอาการเครียดจนถึงขั้นเชือดคอ แล้วก็มากินยาอย่างนี้ ถ้ายังไม่ให้ประกันอีก ผมก็คิดว่า มันเป็นธงมาจากรัฐบาลหรือเปล่าที่ไม่ให้ศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหาคดีนี้ เราเป็นประชาชนเต็มขั้น มันต้องมีสิทธิที่จะได้ประกันตัว ไม่ใช่มากักขังหน่วงเหนี่ยวกันอย่างนี้ และเราก็ยังไม่ผิด เพราะเรายังเป็นผู้ต้องหา ศาลยังไม่ได้ตัดสินว่าผิดเลย”

 

ผู้สื่อข่าวถามความรู้สึกของเจมส์ ลูกชายวัย 11 ขวบของวินัย เขาบอกด้วยเสียงเครือๆ ว่า “อยากให้พ่อออกมาไวๆ มาอยู่กับผมกับน้องครับ แบบให้ประกันตัวมาสู้คดีก็ได้ ผมพูดกับพ่อว่า ผมรักพ่อครับ ไม่ว่าพ่อจะเป็นยังไงผมก็ยังรักพ่อเหมือนเดิมครับ”
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net