นศ.ใต้เปิดศูนย์บริจาคช่วยเหยื่อน้ำท่วม พบศพในทะเล พายุซัดบ้าน 26 หลังพังยับ

นศ.ใต้ ร่วมองค์กรในพื้นที่เปิดศูนย์รับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม หน้ามัสยิดกลางปัตตานี เจ้าหน้าที่รับแจ้งพบศพในทะเลลอยน้ำเข้าฝั่งชายหาดบ้านดาโต๊ะ 9 ศพ  บ้าน 26 หลังพังยับเยิน 100 กว่าหลังเสียหาย ชาวบ้านดาโต๊ะไร้บ้านอพยพไปพักมัสยิด วอนผู้ใจบุญแจกของให้ตรงกับความต้องการและผู้ประสบภัยจริงๆ


สหพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดชายแดนใต้ (สนน.จชต.)
ร่วมกับ เครือข่ายบัณฑิตอาสาจังหวัดชายแดนใต้ (INSouth) และเว็บไซต์ข่าวบูหงารายานิวส์ (BungarayaNews) เปิดศูนย์รับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดชายแดนใต้ ที่มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 4 – 6  พฤศจิกายน 2553 เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ยังประสบอุทกภัยในพื้นที่ มีการเดินตามบ้าน ห้าง ร้าน และตลาดในตัวเมืองปัตตานีเพื่อรับบริจาคอีกด้วย และมีการออกรายการวิทยุท้องถิ่นเพื่อประชาสัมพันธ์ให้กระตุ้นให้เกิดการช่วย เหลือในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น ผู้ที่ประสงค์ช่วยเหลือสามารถโอนเงินเข้าที่บัญชีธนาคารออมสิน ชื่อบัญชี “สหพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดชายแดนใต้” เลขบัญชี 09-6502-20-170691-4

สถานการณ์น้ำในพื้นที่เริ่มทยอยเข้าสู่สภาวะปกติ แต่น้ำในแม่น้ำปัตตานีเพิ่มขึ้นเนื่องจากได้รับน้ำจากพื้นที่ของจังหวัดยะลา ในขณะที่ทาง ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ร.ต.อ.นิมาน นิกูโน  พนักงานสอบสวน สภ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งว่าพบศพลอยน้ำริมหาดที่หมู่บ้านดาโต๊ะ ต.แหลมโพธิ์ จึงไปตรวจสอบพร้อมกับเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิพิทักษ์ภัยที่เกิดเหตุพบผู้เสีย ชีวิตจำนวน 6 ศพ ศพดังกล่าวส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ และยังมีศพที่ลอยเหนือน้ำอยู่อีก 3 ศพ

ร.ต.อ.นิมาน เผยว่า ศพทั้งหมดยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใครภูมิลำเนาอยู่ที่ใด เพราะว่าไม่พบเอกสารหลักฐานว่าเป็นใคร เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นชาวประมงบริเวณใกล้เคียง ขณะนี้ได้ประสานกับสมาคมชาวประมงแล้วเพื่อตรวจสอบว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมด เป็นใคร

เมื่อเข้าไปในหมู่บ้านดาโต๊ะ ต.แหลมโพธิ์ ความเสียหายที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นความเสียดายที่รุนแรงแห่งหนึ่งในพื้นที่ จังหวัดชายแดนใต้ ที่เกิดจากพายุและคลื่นลมแรงเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2553 ทำให้บ้านเรือนพักและหายไปกับพายุ 26 หลังคาเรือน และเสียหาย 100 กว่าหลังคาเรือน ลักษณะพายุเกิดคล้ายกับพายุเกย์ ความรุนแรงของพายุก่อให้เกิดคลื่นที่มีความสูงประมาณ 5 เมตร ซึ่งความเสียไม่ใช่มีแค่ ต.แหลมโพธิ์ เพียงเท่านั้น ยังส่งผลความเสียหายในพื้นที่ ต.บานา อ.เมือง ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เป็นต้น

นายมูฮัมมัด เซ็นอาลามีน เจ้าของบ้านที่ถูกพายุพัดจนพัง ได้เล่าถึงสถานการณ์ในตอนที่น้ำขึ้นว่า  น้ำทะเลเริ่มสูงขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. และเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเริ่มค่ำลงระดับที่สูงขึ้นยังมาพร้อมกับพายุ แลฝนที่ตกหนัก บ้านเรือนใกล้เคียงเริ่มทยอยไปพักที่มัสยิดประจำหมู่บ้าน แต่ตัวเองยังไปไม่ได้เพราะว่า มีน้องๆ ตัวเล็กอีก 3 คน พร้อมกับแม่ยายอีก 1 คน หากว่าออกไปกลัวว่าจะไม่รอด เพราะระดับสูงขึ้นถึงระดับคอ เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. พายุและฝนได้หยุดลง พร้อมกับระดับที่เริ่มลดลง มีชาวบ้านได้นำเรือเข้าช่วย ทำให้สามารถออกไปพักที่มัสยิดได้ และตอนนี้คนที่บ้านพักเสียหายก็ไปพักกันที่มัสยิดหมด สภาพบ้านของนายมูฮัมมัด เหลือแต่ท่อนไม้ ไม่เหลือแม้แต่โครงบ้านหรือเสาบ้านให้พอดูได้ว่าเคยมีบ้านอยู่ ณ จุดนั้น

นายอิสมาแอ ดาราแม ผู้ประสบภัยอีกรายได้เล่าให้ฟังว่า ในขณะที่น้ำเริ่มทยอยสูงขึ้น ตนคิดว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เหตุปกติ ไม่เคยประสบพบเจอ จึงได้บอกกับภรรยา และลูกว่า ให้รีบไปหลบที่มัสยิด ตอนนั้นก็ยังไม่รู้สภาพบ้านจะเป็นอย่างไร พอกลับไปดูสภาพบ้านแล้ว รู้สึกตกใจแต่ไม่ได้พักไปทั้งหลัง นายอิสมาแอ ได้ฝากให้กับผู้ที่มามอบสิ่งของให้แกชาวบ้านว่า

“เมื่อท่านจะมอบสิ่งของอะไรก็ตาม ท่านมีความตั้งใจที่ดีที่จะมอบให้กับผู้ประสบภัย ผู้ที่รับสิ่งของก็เป็นผู้ที่ประสบภัยเช่นเดียวกัน แต่ผู้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งหรือเสียหายมากที่สุดกลับได้รับความช่วย เหลือน้อยมาก ท่านควรติดต่อกับผู้นำชุมชนเสียก่อนและถามว่าใครเป็นผู้ที่สมควรได้รับความ ช่วยเหลือเป็นระดับต้น”

ทางความช่วยเหลือทางหน่วยงานราชการ นายยูกิฟลี กาเซ็ง ปลัดอำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี เผยว่า ทางด้านแผนความช่วยเหลือที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้มอบเป็นนโยบายให้หลัง จากที่ได้ลงมาเยี่ยม จะมีการงบประมาณในการซ่อมแซมบ้านในวงเงิน 1 แสนบาท และจะมีการเคลียทำความสะอาดพื้นที่ หลังจากที่การประกาศของพายุลูกใหม่จะมาประมาณวันที่ 3 – 8 พ.ย. 53 แต่คงไม่รุนแรงเหมือนกับครั้งนี้

ส่วนระดับน้ำในตัวเมืองปัตตานีทางด้านนายขวัญชาติ วงศ์ศุภรนันท์ นายอำเภอเมืองปัตตานี ได้ลงพื้นที่ดูความเสียหายน้ำท่วมบริเวณ ม.1 บ้านปะกาฮารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี เพื่อประเมินความเสียหายและเตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือกับประชาชนใน พื้นที่ได้อย่างทันท่วงที และเผยว่าขณะนี้ ที่ปากาฮารัง ม.2 และม.3 น้ำกำลังเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะสูงขึ้นถึง 2 – 3 เมตร เนื่องจากน้ำจากเขื่อนบางลาง จังหวัดยะลา ไหลลงมายังจังหวัดปัตตานี ทำให้มีปริมาณน้ำมาก เกิดน้ำล้นตลิ่งมีประชาชนได้รับความเดือดร้อน ประมาณ 1.000 หลังคาเรือน ขณะนี้ได้เตรียมเต๊นท์ไว้บนที่สูง บนถนน เพื่อให้ชาวบ้านอพยพ นำสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น รวมทั้งสัตว์เลี้ยง มาใช้เป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราว


แหล่งข่าวต้นฉบับ
BungarayaNews

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท