ทหารรุ่นใหม่กับความคิดที่ดูเหมือนก้าวหน้า

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

ผมรู้สึกยินดีที่ คุณประวิตร โรจนพฤกษ์ นำเสนอบทสัมภาษณ์ พ.อ.ธีรนันท์ นันทขว้าง รองผู้อำนวยการกองการเมือง วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (ประชาไท,26 ต.ค.53) เพราะน้อยครั้งมากที่เราจะได้เห็นสื่อนำเสนอความคิดความอ่านของทหารต่อบทบาทของกองทัพ และสถานการณ์บ้านเมืองอย่างเป็นเหตุเป็นผล หรือค่อนข้างเป็นวิชาการ

ส่วนใหญ่เราจะเห็นแต่สื่อเอาไมค์ไปจ่อปากผู้นำเหล่าทัพ แล้วก็ถามความเห็นเกี่ยวกับการเมือง และสื่อเองนั่นแหละที่มักตั้งคำถามว่า เมื่อไรทหารจะเลิกยุ่งกับการเมืองเสียที พร้อมกับการตั้งคำถามนั้นสื่อเองก็เสนอข่าวการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารตั้งแต่ระดับ ผบ.ทบ.ลงไปจนถึงระดับ ผบ.พัน แล้วก็เกิดแฟชั่นเสนอข่าวการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงอื่นๆ ตามมา เช่น กระทรวงศึกษาธิการ สื่อรายงานการแต่งตั้งโยกย้ายตั้งแต่ปลัดกระทรวงลงไปถึงผู้อำนวยการโรงเรียนเลยทีเดียว แถมยังรายงานการเลื่อนสมศักดิ์ของพระราชาคณะชั้นต่างๆ อีกด้วย

ผมมีบางประเด็นที่อยากขอแลกเปลี่ยนกับบทสัมภาษณ์ของ พ.อ.ธีรนันท์ แต่ขอแวะสนทนากับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ก่อน คือเขาบอกว่า “ศอฉ.ได้ลงมติว่าห้าม (คนเสื้อแดง) ไม่ให้มีการชุมนุมโดยเด็ดขาด หากมีปัญหาขัดข้องใจในเรื่องใดให้ส่งตัวแทนเข้ายื่นหนังสือหรือเอกสารให้กับเลขาฯยูเอ็นได้ เรื่องนี้ขอร้องว่ามันเป็นหน้าตาของประเทศไทย จะทำอะไรก็ตามต้องทำแบบผู้ที่เจริญแล้ว ไม่ใช่ว่ามาชุมนุมเป็นกลุ่มใหญ่แล้วก็สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ให้คนต่างชาติเขาเห็น มันน่าอับอาย ก็ขอเตือนไว้ว่าอย่าทำเลยดีกว่า เพราะไม่เกิดประโยชน์” (มติชนออนไลน์, 25 ต.ค.53)

ผมขอถามเขากลับว่า ทหารทำรัฐประหาร และสลายการชุมนุมของประชาชนที่มาเรียกร้องประชาธิปไตยจนทำให้คนตาย 91 ศพ บาดเจ็บร่วม 2,000 คน มันทำให้ประเทศไทยได้หน้าได้ตาใช่ไหม? เป็นการกระทำแบบผู้ที่เจริญแล้วใช่ไหม? มันไม่น่าอับอายแม้แต่นิดเดียวใช่ไหม? และมันเกิดประโยชน์มหาศาลแก่ประเทศชาติใช่ไหม?

มันน่าจะลง “หนังสือแปลก” นะครับ ที่การชุมนุมประท้วงเรียกร้องสิทธิมนุษยชน เรียกร้องให้ยกเลิกการปิดกั้นเสรีภาพของประชาชน ให้ปล่อยนักโทษการเมือง ซึ่งประเทศเจริญแล้วเขาทำกันเป็นปกติ แต่ ผบ.ทบ.เห็นว่า “มันน่าอับอาย”

วกมาที่เรื่องที่ผมอยากแลกเปลี่ยนกันดีกว่า คุณประวิตรถามว่า “ทำไมคุณจึงคิดว่าอาจมีรัฐประหารอีกครั้งในอนาคตอันใกล้” พ.อ.ธีรนันท์ ตอบ (ตัดมาเฉพาะประเด็นที่อยากแลกเปลี่ยน) ว่า “...ในการทำรัฐประหารครั้งที่แล้ว กองทัพได้เข้ามาใกล้กับการเมืองในระยะใกล้เกินไป ทำให้ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือหรือกลไกของนักการเมือง แทนที่จะเป็นกลไกของรัฐในการทำงานเรื่องความมั่นคง...” ตรงนี้ผมมีคำถามว่า รัฐประหารครั้งที่แล้ว (19 กันยา 49) กองทัพเป็นเครื่องมือหรือกลไกของนักการเมืองอย่างไรครับ? เพราะรัฐประหารไม่ได้ถูกริเริ่มโดยนักการเมือง แต่ริเริ่มโดยใคร? หรือกลุ่มใด? แน่นอนอาจมีพรรคการเมืองบางพรรคนำประชาชนมาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรซึ่งเรียกร้องรัฐประหาร แต่พรรคการเมืองนั้นไม่น่าจะเป็นฝ่ายริเริ่ม หรือบงการให้ทำรัฐประหาร (ใครๆ ก็ได้ทราบจากคำให้สัมภาษณ์ของ สุริยะใส กตะศิลา ว่า มีผู้นั่งบัญชาการอยู่บ้านสี่เสาฯ)

แม้เมื่อมาถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์ สังคมก็ตั้งคำถามว่า รัฐบาลคุมกองทัพหรือกองทัพคุมรัฐบาลกันแน่? การสลายการชุมนุมที่ผ่านมาเป็นความประสงค์ของกองทัพหรือรัฐบาลกันแน่ หรือว่าสมประโยชน์กัน แล้วที่สมประโยชน์กันนั้นใครคือผู้มีอำนาจสั่งการที่แท้จริง!

ประเด็นจากคำตอบข้างบนคือ แม้ พ.อ.ธีรนันท์ จะไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร แต่ก็ดูเหมือนโทษว่ารัฐประหารเป็นความผิดของฝ่ายการเมือง คือ “กองทัพเป็นเครื่องมือหรือกลไกของนักการเมือง” จะต่างอะไรกับทหารฝ่ายที่ทำ หรือสนับสนุนรัฐประหาร ซึ่งอ้างว่า เพราะนักการเมืองโกง และ/หรือจาบจ้วง ล้มล้างสถาบัน

มันกลายเป็นว่า สำหรับมุมมองของทหารแล้ว ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยกับรัฐประหารหรือไม่ แต่สาเหตุของรัฐประหารก็มาจากนักการเมืองอยู่ดี เป็นความผิดของฝ่ายการเมืองอยู่วันยันค่ำ! ดังคำตอบต่อมาของผู้ให้สัมภาษณ์ที่ว่า “...ต้องยอมรับว่าช่วงพฤษภาทมิฬ กองทัพได้ห่างจากวงจรอุบาทว์ไปพักหนึ่ง ออกไปยืนในจุดที่ดี แต่อาจเพราะกลุ่มการเมืองดึงเข้ามาหรือผู้นำทหารในยุคหนึ่ง ดึงเข้ามา ทำให้วันนี้กองทัพจะถอยตัวออกไป ก็ไม่ง่าย…”

เป็นคำตอบที่คลุมเครือครับ กลุ่มการเมืองที่ดึงเข้ามาคือกลุ่มไหน? ใช่ “นักการเมือง” ตามที่พูดตอนแรกไหม? แต่ข้อความ “ผู้นำทหารในยุคหนึ่ง ดึงเข้ามา” ไม่ควรเอามาไว้หลังคำว่า “หรือ” นะครับ ถ้าจะเอาไว้หลังคำว่า “หรือ” ต้องระบุให้ชัดว่า “กลุ่มการเมือง” หน้าคำว่า “หรือ” คือ “กลุ่มอำนาจนอกระบบการเลือกตั้ง!”

คือคำตอบที่ว่า ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร ดูเหมือนจะแสดงถึงความเป็นทหารรุ่นใหม่ที่มีความคิดก้าวหน้า แต่พอพูดถึงสาเหตุและรายละเอียดของรัฐประหาร กลับออกมาในท่วงทำนองโบ้ยความผิดไปให้นักการเมือง หรือพูดอย่างคลุมเครือ

ลองเทียบคำตอบข้างต้นกับคำตอบของคำถามที่ว่า คุณคิดว่าทหารต้องมีส่วนรับผิดชอบกับกรณีที่มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ หรือไม่ อย่างไร? เขาตอบว่า “วันนี้เราเป็นจำเลยของสังคม ผมเคยพูดในหลายที่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่สั่งใช้ทหาร เราจะเป็นจำเลยของสังคมทันทีไม่ว่าจะมีการสูญเสียเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม เพราะต้องไม่ลืมว่าทหารถูกฝึกมาเพื่อบริหารจัดการความรุนแรงโดยใช้ความรุนแรง พูดง่ายๆ ก็คือว่าเราเป็นคนที่ใช้กำลังในการจัดการอริราชศัตรู เพราะฉะนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการสั่งให้ทหารเข้าปฏิบัติการ ก็อาจมีโอกาสเกิดความสูญเสียขึ้นได้ ผมไม่ได้ป้องกันหรือแก้ตัวให้ใครแต่ผมมองว่าทั้งหลายทั้งมวล คือความรับผิดชอบของผู้สั่งการ เพราะทหารทำตามที่ได้รับคำสั่ง อยากให้เห็นใจผู้ปฏิบัติงาน”

คือไม่ว่าเราจะมองจากมุมไหน ทหารก็คือ “ผู้ที่น่าเห็นใจ” การที่ทหารเข้ามาใกล้กับการเมืองมากเกินไป หรือมาทำรัฐประหารก็เป็นเพราะว่านักการเมืองหรือกลุ่มการเมืองดึงเข้ามา (หรือเพราะนักการเมืองโกง ฯลฯ) ทหารฆ่าประชาชน (14 ตุลา 6 ตุลา พฤษภา 35 เมษา-พฤษภา 35?) มันก็เป็นเรื่องจำเป็นเพราะธรรมชาติของทหาร (ไทย) เป็นอย่างนี้ (จัดการความรุนแรงโดยใช้ความรุนแรง...อย่างไม่ต้องแยกแยะหรือ?) ต้องเป็นความรับผิดชอบของ “ผู้สั่งการ” และ พ.อ.ธีรนันท์ ก็บอกว่าผู้สั่งการในเหตุการณ์ที่สลายการชุมนุมที่ผ่านมา ก็คือ “ฝ่ายการเมือง”

ขณะที่สังคมกังขาว่า ฝ่ายการเมืองคือผู้มีอำนาจจริงหรือไม่? ถ้าสังคมเรามาถึงยุคที่ฝ่ายการเมืองมีอำนาจเหนือทหารจริง ทำไม ผบ.ทบ.ที่รัฐบาลทักษิณตั้งมากับมือจึงทำรัฐประหารรัฐบาลนั้นได้ ทำไมรัฐบาลสมัคร สมชาย สั่งใช้กำลังทหารไม่ได้เลย ถ้าเป็นความจริงว่า “ทหารทำตามที่ได้รับคำสั่ง”

นอกจากจะไม่ทำตามคำสั่งแล้วยังมาออกทีวีไล่รัฐบาลอีก แสดงให้เห็นว่าทหารก็มีอิสระที่จะปฏิเสธคำสั่งที่ไม่ชอบใช่ไหม? เช่น ถ้าฝ่ายการเมืองสั่งให้ทหารฆ่าประชาชน ทหารก็ปฏิเสธได้ใช่ไหม? โอเค ถ้า (สมมติ) ว่า รัฐบาลสมัคร สมชายสั่งทหารสลายการชุมนุมของคนเสื้อเหลือง แล้วทหารตัดสินใจไม่ทำตามคำสั่ง เพราะรู้ดีว่าธรรมชาติของทหารคือการใช้กำลังรุนแรง (ปราบอริราชศัตรู) ถ้าใช้กำลังทหารกับประชาชนย่อมเกิดความสูญเสียอย่างไม่ต้องสงสัย ตรงนี้ผมเห็นด้วยล้านเปอร์เซ็น แต่ทำไมเมื่อรัฐบาลอภิสิทธิ์สั่งสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่คาดการณ์ถึงความสูญเสียได้เช่นกัน แล้วทหารจึงต้องทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด หรือว่าชีวิตคนเสื้อเหลืองเสื้อแดงมีค่าไม่เท่ากัน?!!!

ทั้งหมดนี้ผมเอามาแลกเปลี่ยนเพียงบางส่วนของสองคำตอบจากสองคำถามเท่านั้น คือเอามาเฉพาะประเด็น “ทหารกับรัฐประหาร” และ “ทหารกับการใช้ความรุนแรงปราบประชาชน” ถ้าดูคำตอบสองเรื่องนี้เชื่อมโยงกับบริบทของเนื้อหาการสัมภาษณ์ทั้งหมด จะเห็นว่าผู้ให้สัมภาษณ์เป็นนายทหารรุ่นใหม่ที่มีความคิดก้าวหน้าในหลายๆ เรื่อง

แต่ถ้าวิเคราะห์เนื้อหาจริงๆ ของคำตอบเรื่องสาเหตุที่ทหารทำรัฐประหาร กับทหารใช้ความรุนแรงกับประชาชน คำตอบของนายทหารรุ่นใหม่คนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับคำตอบที่เราได้รับจาก เสธ.ไก่อู หรือทหารสายอนุรักษ์นิยมอื่นๆ!

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท