Skip to main content
sharethis
 
7 ต.ค.53 ที่ศาลแขวงปทุมวัน ผู้พิพากษาขึ้นบัลลังก์พิจารณาคดีอาญาดำ หมายเลข 1219/26553 ซึ่งพนักงานอัยการฟ้อง นายสมพล แวงประเสริฐ เป็นผู้ต้องหาในความผิดฐาน ร่วมกันตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไปชุมนุมมั่วสุมกระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในพื้นที่ที่มีประกาศ ศอฉ.กำหนด และร่วมกันใช้เส้นทางคมนาคมหรือยานพาหนะใดๆ เข้าหรือออกในเส้นทางที่กำหนดในพื้นที่ที่มีการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย อันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
ทั้งนี้ นายสมพล เป็นคนเร่ร่อน มีอาชีพเก็บขยะขาย อาศัยอยู่บริเวณใต้ทางด่วนข้างศาลแขวงปทุมวัน ไม่มีบัตรประชาชน ไม่รู้หนังสือ ถูกจับกุมตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. จากนั้นถูกควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จนกระทั่งปัจจุบันเป็นเวลาเกือบ 5 เดือน โดยเมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา ศาลนัดสืบพยานโจทก์ 2 ปากได้แก่เจ้าหน้าที่ทหารที่ ทำการจับกุมจำเลยบริเวณด่านตรวจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นผู้สอบปากคำและลงบันทึกประจำวัน ส่วนวันนี้ (7 ต.ค.) เป็นการสืบพยานจำเลย 2 ปาก ได้แก่ จำเลย และเพื่อนของจำเลยซึ่งเป็นคนกวาดถนนของกรุงเทพมหานคร   โดยศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 29 ต.ค.นี้ เวลา 9.00 น.ทั้งนี้ นายสมพลได้รับความช่วยเหลือในการต่อสู้คดีจากทนายอาสาของศาล
เจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันทหารราบ 2 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชานำหน่วยทหารมาตั้งด่านบริเวณถนนพญาไท จุฬาซอย 12 เบิกความว่า หลังจากรัฐบาลมีคำสั่งประกาศห้ามการชุมนุมและห้ามให้เส้นทางสัญจรบริเวณโดยรอบที่ชุมนุมราชประสงค์ ได้มีการสนธิกำลังระหว่างทหารและตำรจตั้งด่านสกัดในจุดต่างๆ ตนได้นำกำลังทหาร 18 นาย ร่วมกับตำรวจ 20 นายตั้งด่านบริเวณดังกล่าว มีภารกิจในการตรวจสิ่งผิดกฎหมายและประชาสัมพันธ์ประชาชนไม่ให้เข้าร่วมชุมนุม หากควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้จะส่งตัวไปคัดกรองที่หน่วยทหารหน่วยใหญ่บริเวณแยกเจริญผล ปรากฏว่าตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. ถึง 16 พ.ค.จับกุมผู้ร่วมชุมนุมที่ผ่านเส้นทางห้ามผ่านดังกล่าวได้ 15 คน ซึ่งทะยอยเดินออกมาทีละคนสองคน สมพลเป็นหนึ่งในนั้นซึ่งถูกจับกุมเวลาประมาณ 22.00 น. และจากการสอบถามก็ยอมรับว่าเข้าร่วมชุมนุม จากนั้นจึงนำตัวทั้ง 15 คนไปควบคุมตัวที่กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์และให้ทหารมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.ปทุมวัน โดยทหารเป็นผู้เล่ารายละเอียดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังแล้วจึงนำบันทึกการจับกุมมาให้ผู้ถูกจับกุมลงชื่อ
ทนายจำเลยได้ถามค้านเจ้าหน้าที่ทหาร ได้ความว่า ที่ผ่านมาทหารไม่เคยมีหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิดมาก่อน และการตั้งด่านของเจ้าหน้าที่นั้นอยู่ห่างจากถนนพญาไท ซึ่งศอฉ.ประกาศห้ามชุมนุมและใช้เส้นทาง กว่า 100 เมตร
จากนั้น พนักงานสอบสวนจากสน.พญาไท เบิกความว่า ในวันที่ 16 พ.ค. เวลาประมาณ 13.00 น. ได้เดินทางไปทำบันทึกการจับกุมที่ค่ายทหาร จากนั้นได้รับตัวผู้ถูกจับกุมทั้ง 15 คน ไปสอบปากคำยังกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ปทุมธานี มีการแจ้งสิทธิก่อนสอบปากคำ ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ โดยจำเลยบอกว่ามีอาชีพเก็บเศษขยะขาย ไม่ได้มาร่วมชุมนุมแต่เดินมาตามถนนจากหัวลำโพงและจะไปเตะตะกร้อที่สนามศุภฯ พอถึงด่านก็โดนถูกจับกุม 
ด้านจำเลยเบิกความว่า อาศัยอยู่ตัวคนเดียวบริเวณใต้ทางด่วน ข้างวัดดวงแขมาหลายปี โดนจับกุมวันอาทิตย์ที่ 16 พ.ค. เวลา 8.00-9.00 น. ไม่ใช่วันที่ 15 พ.ค.ยามวิกาลดังที่ตำรวจลงบันทึกประจำวัน ทั้งนี้ ตำรวจเป็นผู้สอบปากคำทั้ง 15 คน และสอบถามตนเองไม่กี่คำถาม เมื่อพิมพ์เสร็จตนก็ลงชื่อ โดยที่ตำรวจไม่ได้อ่านให้ฟัง และตนก็อ่านหนังสือไม่ออก
จำเลยให้การต่อว่า ในวันเกิดเหตุได้เดินทางเตรียมตัวไปเตะตะกร้อที่สนามศุภฯ ตามปกติ โดยจะมีคนที่ชอบกีฬาดังกล่าวไปเตะตะกร้อกันเป็นกลุ่ม ระหว่างทางก็เดินเก็บขยะไปเรื่อยๆ จนมาถึงประตูสนามศุภฯ ด้านจุฬาซอย 12 พบว่าประตูปิดจึงนั่งใส่รองเท้าที่เตรียมมาเพื่อจะหาทางเข้าไปเตะตะกร้อ ทหาร 2-3 คนก็ได้เดินเข้ามาสอบถาม
“ทหารเขาถามว่าจะไปทำอะไร ผมบอกว่าจะไปเตะตะกร้อ ทหารก็ถามว่า ตรงนี้มีเตะตะกร้อเหรอ มึงไปคุยกับลูกพี่กูก่อน พอไปเจอลูกพี่ทหารเขาก็ถามว่า มึงอาชีพอะไร ผมว่าเก็บขยะขาย แล้วเขาก็ถามในถุงมึงมีอะไร ก็ตอบว่า มีตะกร้อ แล้วลูกพี่ทหารก็ให้เตะตะกร้อให้ดู แล้วก็บอกว่า กูรู้ว่ามึงเก็บขยะขาย แต่กูจะสั่งสอนมึง เดี๋ยวตำรวจมาเขาก็ปล่อยมึงเอง” สมพลกล่าวพร้อมระบุว่าจากนั้นจึงควบคุมตัวโดยไม่มีการแจ้งข้อหาใดๆ นำผ้ามาปิดตา และถูกนำตัวขึ้นรถ โดยไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะทหารจะกระทืบ
อัยการถามค้านว่าเคยยุ่งเกี่ยวกับกลุ่มนปช.ที่ชุมนุมอยู่ไหม สมพลให้การปฏิเสธก่อนจะกลับคำให้การในภายหลังว่า เคยเข้าไปขอข้าวผู้ชุมนุมกินเมื่อครั้งที่แพ้ดวลตระกร้อและเงินหมด แต่ไม่ใช่วันที่ 16 พ.ค. และตนไม่ได้สนใจเรื่องการเมืองเท่ากับเรื่องอิ่มปากอิ่มท้องไปวันๆ
จากนั้นมีการเบิกตัวพยานจำเลย ซึ่งเป็นพนักงานประจำของกรุงเทพมหานคร มีหน้าที่ทำความสะอาดถนนย่านดังกล่าว เขาให้การว่ารู้จักกับสมพลมา 6-7 ปี เพราะมักจะเตะตะกร้อด้วยกันช่วงเย็น และเขามีอาชีพเก็บกระดาษ ขวดน้ำพลาสติกขาย อาศัยใต้ทางด่วน ส่วนเหตุการณ์ที่ถูกจับกุมตัวนั้นเพิ่งทราบหลังจากเกิดเหตุประมาณ 1 อาทิตย์
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net