ในความคิดคำนึง.....จะอยู่อย่างไร หากคนเสื้อแดงไม่เอา

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

เมื่อราวต้นปี 51 ริมถนนเข้าตำบลหนึ่ง ในจังหวัดที่ผมอยู่ มีแผ่นป้ายติดริมทาง ขนาดไม่ใหญ่มาก เป็นรูปนายกทักษิณ พร้อมกับตัวอักษรเขียนด้วยลายมือว่า "กลับบ้านเถอะ คิดถึง" จำได้ว่าป้ายนั้นติดอยู่นานเป็นเดือน ดูแล้วคิดว่าคงเป็นป้ายที่ใครคนหนึ่งที่บ้านอยู่แถวนั้นทำขึ้นมาเอง

เมื่อเดือน พ.ย.ปี 51ในการชุมนุมใหญ่ที่สนามกีฬาหัวหมาก ผมใส่เสื้อแดงไปร่วม จำได้ถึงความรู้สึกตื่นเต้น ดีใจกับผู้คนที่มากมาย บรรยากาศสนุกสนาน เสียงอึกทึกมาก แต่พอพลบค่ำ ในช่วงเวลาที่นายกทักษิณโฟนอินเข้ามาที่งาน ทุกคนนิ่ง บรรยากาศสงบเงียบ ผมเหลือบมองคนข้างๆผม ผมเห็นสองสามีภรรยาคู่หนึ่งวัยน่าจะประมาณหกสิบเศษท่าทางเป็นคนต่างจังหวัด ทั้งสองคนนั่งน้ำตาไหลตลอดเวลาที่นายกทักษิณพูด และเมื่อผมกวาดสายตาไปรอบๆ ก็รับรู้ได้ว่า หลายๆคนที่ผมเห็นรอบตัวก็คงรู้สึกไม่ต่างกับคุณลุงคุณป้าคู่นี้

เมื่อเดือนเมษา 52 ผมจำบรรยากาศการชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลได้ เมื่อนายกทักษิณโฟนอินมา และพูดว่า หากกระสุนนัดแรกดังขึ้น เขาจะมานำประชาชนเดินเท้าเข้ากรุงเทพ ผมจำได้ถึงเสียงร้องเสียงปรบมือ เสียงตีนตบหัวใจตบที่ดังลั่น จำได้ถึงแววตาของคนเสื้อแดง ทั้งหมดมันสะท้อนถึงกำลังใจและพลังที่พลุ่งพล่านของผู้คนตอนนั้น

เดือนกรกฏาคมปี 52 ช่วงเวลาที่พวกเราล่ารายชื่อลงนามถวายฏีกา ขออภัยโทษให้กับนายกทักษิณ ที่ร้านอาหารที่เป็นที่พบปะกันเป็นประจำของคนเสื้อแดงในกลุ่มเรา และเป็นที่รู้ๆกันว่าเราจะเอาใบฏีกามาส่ง มารวมกันที่นี่ ผมจำได้ติดตา ถึงสายวันหนึ่ง ที่มีชาวบ้านสามคนพ่อ แม่และลูก รวมสามคน นั่งซ้อนกันมาบนรถเครื่องที่ดูเก่ามากๆ มาที่ร้านอาหารนั้ ในมือผู้เป็นพ่อ ถือกระดาษใบฏีกาที่ยับยู่ยี่ มาส่งให้กับผม ผมไม่รู้จักพวกเขา ถึงตอนนี้ก็จำหน้าไม่ได้ แต่จำคำพูดของคุณลุงที่ยื่นใบฎีกาให้กับผมได้อย่างดี ที่แกบอกว่า "ช่วยกันนะ ช่วยทักษิณเขา สงสารเขา"

วันที่ 30 ธันวา 52 ในที่ชุมนุมที่หน้าสภา หลังคำปราศรัยถามดินถามฟ้าของคุณณัฐวุฒิจบ ผมได้ไปนั่งคุยกับหนุ่มสาวสามีภรรยาคู่หนึ่ง สอบถามได้ความว่าบ้านอยู่แถววงเวียนใหญ่ กรุงเทพ อาชีพค้าขาย ขายของตามตลาดนัด ทั้งสองเล่าให้ฟังถึงความรัก ประทับใจในตัวนายกทักษิณ และที่สุดคือความคาดหวังว่าชีวิตการทำมาค้าขายของเขาจะดีขึ้น หากได้นายกทักษิณกลับมาบริหารประเทศ

หลังเหตุการณ์ 10 เมษา 53 ไม่นาน ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ความรุนแรงในครั้งนั้น ที่ห้องผู้ป่วยโรงพยาบาล ผมได้พบกับผู้บาดเจ็บ เป็นชายหนุ่ม อายุยี่สิบเศษ มาจากภาคเหนือ มีอาชีพขายและซ่อมโทรศัพท์มือถือ เขาถูกยิงขณะที่ยืนอยู่บริเวณสี่แยกคอกวัว ในจุดไม่ไกลจากที่คุณวสันต์ ภู่ทองโดนยิงศรีษะ เขาโดนกระสุนเข้าที่ต้นคอด้านหลัง เข้าด้านซ้ายและทะลุออกด้านขวา เป็นปาฏิหารย์ที่กระสุนไม่โดนอวัยวะสำคัญอันใด เขาเล่าว่า เขาเชื่อว่าที่รอดมาได้เพราะเขากำลังหันศีรษะไปด้านหลังและก้มศีรษะลงพอดีกับวินาทีที่กระสุนพุ่งเข้ามา เขาเล่าอีกว่า เขาเชื่อว่าที่วสันต์ โดนยิงเพราะถือธงโบกไปมา ทำให้ดูเป็นจุดเด่น ส่วนเขาที่ตกเป็นเป้าสังหารคงเป็นเพราะคนยิงคงส่องกล้องเห็นเสื้อที่เขาใส่ ผมถามเขาว่าเป็นยังไงหรือ เขาบอกว่า เป็นเสื้อยืดแดงธรรมดา แต่เขาเขียนข้อความว่า "ทักษิณ ไม่ใช่พ่อ แต่กูตายแทนได้" ก่อนกลับ เขายังบอกกับผมด้วยว่า เขาจะเก็บเสื้อยืดแดงตัวนั้นไว้ และรอวันที่จะได้พบนายกทักษิณและจะเอาเสื้อนี้ให้นายกทักษิณดู

ในช่วงการชุมนุมที่ราชประสงค์ เมื่อถึงวันท้ายๆ บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ มีการใช้ความรุนแรงต่อเนื่องในหลายๆจุดติดต่อกัน แม้กระนั้น ยังมีความคิดความเชื่อในมวลชนคนเสื้อแดงบางส่วนว่า นายกทักษิณไม่ทิ้งพวกเรา ไม่ต้องกลัว นายกทักษิณได้ประสานทางต่างชาติไว้แล้ว หากมีการปราบรุนแรงเกิดขึ้น นายกทักษิณได้วางแผนแล้ว และจะมีทหารหรือกองกำลังฝ่ายเราออกมาช่วย .... สุดท้ายเหตุการณ์สังหารหมู่ประชาชนสิ้นสุดลงพร้อมวันเดียวกับที่มีภาพนายกทักษิณจูงมือลูกสาวเดินช็อปปิ้งที่ร้านหลุยส์วิตอง กรุงปารีส

สัปดาห์ที่แล้ว นายกทักษิณก็ได้ออกทวิตเตอร์ขอร้องให้คนที่รักเขาได้เข้าใจในความจงรักภักดีที่เขามีต่อสถาบันว่ามากขนาดไหน และประณามคนที่วิพากษ์วิจารณ์สถาบันโดยให้เหตุผลว่าเพราะสถาบันอยู่เหนือการเมือง และขอเชิญชวนคนที่รักเขาเข้าร่วมขบวนจงรักภักดี

19 กันยา ที่ผ่านมา พวกเราคนเสื้อแดง ร่วมกันมีกิจกรรมรำลึก 4ปีรัฐประหาร 4 ปีราชประสงค์ ในหลายๆ สถานที่ ท่ามกลางบรรยากาศของการเขียนจดหมายและปล่อยลูกโป่งถึงฟ้า พร้อมกับวาทะกรรม "ตาสว่างทั้งแผ่นดิน" ว่ากันว่าในทุกๆ ที่ที่มีกิจกรรม การด่า สาปแช่ง กลุ่มคนที่คนเสื้อแดงเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการสังหารประชาชน ดังระงมไปทุกๆ ที่ และในวันเดียวกันนี้เอง ที่นายกทักษิณได้ทวิตเตอร์บอกให้ ร่วมกันเสียสละยอมกลืนความเจ็บปวดคนละนิด เริ่มกระบวนการปรองดอง

ถึงวันนี้ ผมคิดถึงคนหลายๆ คน

ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ผมคิดถึงคนหลายๆ คน คิดถึงคนที่ลงแรงเอารูปนายกทักษิณมาติดข้างถนนและบอกให้กลับบ้านเถอะ คุณลุงคุณป้าที่ร้องไห้ตอนได้ยินนายกทักษิณโฟนอินที่สนามราชมังคลาฯ คิดถึงคนเสื้อแดงมากมายที่อยู่ในที่ชุมนุมรอบทำเนียบและโห่ร้องด้วยความดีใจเมื่อได้ยินเสียงนายกทักษิณว่าจะเดินเท้าเข้ากรุงเทพ คิดถึงครอบครัวที่ใช้รถเครื่องเก่าๆ ขี่ซ้อนสามมาส่งใบฏีกาให้ คิดถึงหนุ่มสาวที่อาชีพขายของตามตลาดนัดและมีความหวังว่าค้าขายจะดีขึ้น คิดถึงชายหนุ่มที่รอดจากกระสุนทะลุที่คอได้ราวปาฏิหาริย์และตั้งใจเก็บเสื้อตัวที่ใส่ขณะโดนยิงที่เขียนว่า ยอมตายแทนได้ ไว้ให้นายกทักษิณดู และสุดท้าย ผมคิดถึง อีกเกือบร้อยศพ ที่เสียชีวิตไปจากคำสั่งอันโหดเหี้ยม ทั้งช่วงสลายการชุมนุมและจากการไล่ล่าหลังจากนั้น และผู้บาดเจ็บพิการอีกจำนวนมาก

และวันนี้ ผมไม่คิดถึงคุณทักษิณเลย

หากจะคิดก็เพียงสงสัยว่า ต่อแต่นี้ไปนายกทักษิณจะอยู่อย่างไรได้ หากคนเสื้อแดงเขาไม่เอาและไม่ยืนเคียงข้างนายกทักษิณอีกต่อไป.........
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท