Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ความพ่ายแพ้ของคนเสื้อแดง และการสูญเสียชีวิตคนไทยด้วยกันเอง เป็นโอกาสอันสำคัญของนักมานุษยวิทยาทั้งมวล ซึ่ีงมีใจกลางของการศึกษาอยู่ที่มนุษย์ จะได้ทำความเข้าใจกับลักษณะที่แท้จริงของสังคมมนุษย์ไทย

คนเสื้อแดงอาจเข้าใจลักษณะสังคมไทยได้ถูกต้องเพียงครึ่งเดียว (จึงทำให้พ่ายแพ้อย่างยับเยิน)  กล่าวคือคนเสื้อแดงเข้าใจถูกต้องว่า คู่ความขัดแย้งในสังคมไทยเป็นคนขัดแย้งระหว่างไพร่ฝ่ายหนึ่ง แต่ไม่น่าถูกต้องเลย ที่จะมองว่าอีกฝ่ายหนึ่งคืออำมาตย์  เพราะคู่ตรงข้ามของไพร่คือผู้ดี มิใช่อำมาตย์อย่างที่คนเสื้อแดงเข้าใจ

เมื่อคู่ขัดแย้งฝ่ายหนึ่งเป็นไพร่ อีกฝ่ายจึงเพียงแต่ทำตัวเป็นผู้ดี  ไพร่ก็ย่อมต่อสู้ด้วยอย่างลำบากยิ่ง  ก็เอ็งเป็นไพร่อ่ะ ผู้ดีอย่างพวกเราจะต้องไปเสียเวลาคุยหรือเกลือกกลั้วด้วยทำไม  ผู้ดีย่อมมีภาษีเหนือกว่าไพร่วันยันค่ำ คืนย้นรุ่ง

จะเพราะเป็นวัฒนธรรมที่ตกทอดมาจากอิทธิพลของหนังสือสมบัติผู้ดี  หรือเพราะเกิดการเบี่ยงเบนออกจากความหมายที่แท้จริงของหนังสือสมบัติผู้ดี   หรือแม้แต่จะไม่เกี่ยวอะไรเลยกับหนังสือสมบัติผู้ดีก็ตาม  สังคมการเมืองไทยปัจจุบันย่อมเห็นว่า ผู้ดีคือผู้กำความถูกต้องเอาไว้  ไพร่จะมีความถูกต้องชอบธรรมได้ก็ต่อเมื่อยกระดับตนเองเป็นผู้ดีเท่านั้น  ปัญหาของไพร่จึงเป็นปัญหาความเหนือกว่าของผู้ดี  มิใช่ปัญหาเรื่องอำมาตย์ หรืออำมาตยาธิปไตย  แม้ว่าอำมาตย์/อำมาตยาธิปไตยจะเป็นปัญหาก็ตาม

การเคารพสถานที่คือความเป็นผู้ดี  การต้องเคารพสถานที่จึงเป็นความถูกต้อง  การยึดพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์จึงผิด-เป็นการกระทำอย่างไพร่ ๆ   คนเสื้่อแดงเข้าใจถูกต้องว่าบริเวณโดยรอบของราชประสงค์/สยามเซ็นเตอร์ ( ศูนย์กลางของสยามประเทศ) เป็นพื้นที่สำคัญในทางเศรษฐกิจ  แต่ความเป็นพื้นที่สำคัญในทางเศรษฐกิจหมายความด้วยว่า เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ในทางเศรษฐกิจด้วย  ดังมีผู้เปรียบเทียบกันบ่อย ๆ ว่า ศูนย์การค้าก็คือโบสถ์วิหารของศาสนาบริโภคนิยมในยุคนี้ ที่สาวกสาวิกาทั้งหลายต้องหมั่นเข้าไป "เช่า" หรือที่จริงก็คือ "ซื้อ" เครื่องรางของขลังประจำศาสนา (คือสินค้านานาชนิด) มาไว้ใช้สอยบูชาประจำตัว    "โบสถ์วิหาร" ในบริเวณนี้ศักดิ์สิทธิ์เพียงใด ย่อมสะท้อนให้เห็นได้จากการมีเทพหรือมหาเทพฝ่ายฮินดูมาสถิตย์เป็นมิ่งเป็นขวัญประจำสถานที่เป็นจำนวนมาก  กล่าวกันในหมู่ซินแสภูมิสถานทั้งหลายว่า ถ้ามิใช่พื้นที่/ตลาด/ศูนย์การค้าใหญ่ ๆ แล้ว ตั้งบูชาได้ก็แต่พระภูมิเจ้าที่เท่านั้น มิบังควรจะตั้งศาลพระพรหมเด็ดขาด  ไหว้ไม่ถึง บูชาไม่ถึงหรอก  โดยนัยนี้ บริเวณสยามเซ็นเตอร์/ราชประสงค์จึงศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก

และไม่เพียง "โบสถ์วิหาร" ของศาสนาบริโภคนิยมจะศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนักเท่านั้น  โรงพยาบาลก็เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ด้วย เพราะเป็นสถานที่ให้ผู้ดีได้อำนวยการรักษาผู้เจ็บไข้ได้ป่วย  เป็นสถานที่ีแห่งการแสดงทาน/เมตตาบารมี

การยึดหรือบุกเข้าไปสำรวจสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นการกระทำที่ "อุกอาจ" ยิ่งนัก ในสายตาของผู้ดีไทย  การยึดพื้นที่เยี่ยงนี้จึงชึ้ถึงความอ่อนด้อยของคนเสื้อแดงในการเข้าใจกระแสความคิดที่ครอบงำสังคมไทย

วัฒนธรรมผู้ดีไทยเห็นว่าพื้นที่เป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์  พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์จึงยิ่งศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไปอีก  ศูนย์ที่เอะอะอ้างเอาแต่ความฉุกเฉินเฉพาะหน้า (ศอฉ) จึงไม่ต่างจากผู้ดีทั้งหลาย  และจึงคอยตอกย้ำว่า  พื้นที่ในสังคมวัฒนธรรมไทยเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์   ศอฉ.จึงขอคืนพื้นที่บ้าง ขอกระชับพื้นที่บ้าง  ก็พื้นที่เป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์อ่ะ ใครบังอาจมารบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ จงออกไป  ถ้าไล่ไม่ไปก็สมควรรับโทษทัณฑ์

หากนักมานุษยวิทยาจะทำความเข้าใจสังคมมนุษย์ไทยอย่างถูกต้อง ก็คงจะต้องทำความเข้าใจว่าสังคมผู้ดีไทยเป็นสังคมที่เห็นว่าพื้นที่มีความสำคัญมากกว่าคน  ในแง่นี้คงยากที่จะมีนักมานุษยวิทยาที่แท้คนใดสามารถสื่อสารกับสังคมไทยโดยทั่วไปได้รู้เรื่อง  เพราะสังคมนี้เจรจาหรือ "คุย" กันเรื่องพื้นที่ ไม่ได้ "คุย" กันเรื่องคน  (ส่วนที่จะชอบซุบซิบกันเรื่องคนนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง  เพราะคนไม่สำคัญเท่าพื้นที่ จึงซุบซิบเอาก็พอแล้ว)

เมื่อผู้ดีเห็นว่าพื้นที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงพลอยทำให้เห็นไปว่า ความศักดิ์สิทธิ์ของ "สถาบัน" เป็นความศักดิ์สิทธิ์ในเชิงพื้นที่ไปด้วย  วิธีปฏิบัติต่อ "สถาบัน" จึงเป็นวิธีที่ปฏิบัติต่อพื้นที่ คือ ต้องให้ความเคารพต่อสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์  ความคิดเช่นนี้ไม่มากก็น้อยย่อมบดบังความสามารถในการเข้าใจความคิดเห็นของไพร่  ไพร่มิได้พยายามทำความเข้าใจเรื่องพื้นที่ แต่ไพร่พยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นคนของตน ("ไพร่") และของคนอื่น ๆ

การจำกัดให้ความรักต่อสถาบันมีอยู่เฉพาะในเชิงของความเคารพต่อสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ย่อมไม่อาจโอบคลุมถึงความรักเคารพในมิติอื่นของความเป็นมนุษย์   "ไพร่" หรือคนเสื้อแดงไม่อาจเอาชนะใจคนไทยได้สำเร็จ เพราะไม่เข้าใจกรอบความคิดที่ครอบงำสังคมวัฒนธรรมไทยอยู่ฉันใด  "ผู้ดี"ก็ย่อมไม่อาจเอาชนะใจไพร่ได้ หากไม่เข้าใจความคิดของไพร่ทีี่ให้ความสำคัญกับคนฉันนั้น

สัจธรรมมีอยู่ว่า กาลเวลาย่อมกลืนกินสรรพสัตว์และตัวมันเอง  แต่น่าแปลกใจว่า ทั้ง ๆ ที่ผู้ดีในยุคศอฉ.สามารถใช้ถ้อยคำ ใช้สื่อสาธารณะ และกระทำรุนแรงต่อคู่ขัดแย้งได้ "เนียน" (แต่โหดเหี้ยมมากน้อยกว่ากันหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง) กว่าผู้ดีในยุค 6 ตุลาคม 2519   แต่ความเข้าใจต่อคู่ขัดแย้งมิได้พัฒนาให้มีความเข้าใจมากขึ้นหรือถูกต้องไปกว่าเดิมเลย   การไม่เข้าใจความรักความเคารพในมิติอื่นที่นอกเหนือไปจากความเคารพต่อสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ อาจหมายถึงการไม่เข้าใจความเป็นจริงของโลก  น่าเสียใจว่า สิ่งมีชีวิตใดมีพัฒนาการไปในลักษณะที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของโลก สิ่งมีชีวิตนั้นอาจไม่สามารถดำรงอยู่ได้ต่อไป

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net