Skip to main content
sharethis

พม่าเลื่อนการสอบระดับมหาวิทยาลัยเร็วขึ้นหนึ่งเดือน/ทางการพม่าไม่อนุญาตให้สมาชิกเอ็นแอลดีค้างในเนปีดอว์/ หญิงสาวโรฮิงยาถูกแก๊งค์เจ้าหน้าที่พม่าข่มขืน/พบการซื้อ – ขายตำแหน่งข้าราชการเกลื่อนในรัฐคะเรนนี/อภิสิทธิ์ เตรียมเยือนพม่าเดือนหน้า/กองทัพพม่าฉาวอีกรอบ จับเด็กออทิสติกเป็นทหาร

6 ก.ค.53
 
พม่าเลื่อนการสอบระดับมหาวิทยาลัยเร็วขึ้นหนึ่งเดือน
 
รัฐบาลพม่าได้ออกมาประกาศเลื่อนการสอบในระดับมหาวิทยาลัยเร็วขึ้นหนึ่งเดือน ซึ่งจะมีการสอบในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ ขณะที่ทุกปีมีการสอบในช่วงเดือนกันยายน โดยหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า อาจเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทั่วไปของพม่าที่กำลังจะมีขึ้น จึงทำให้ทางการต้องเลื่อนการสอบให้เร็วขึ้น
 
ขณะที่นายจิมเวบบ์ วุฒิสมาชิกสหรัฐอเมริกาเชื่อว่า พม่าจะจัดการเลือกตั้งในวันที่ 10 เดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ (10 /10 /2010) มีรายงานว่า ครูในระดับมหาวิทยาลัยต่างเร่งสอนให้ทันการสอบที่จะมีขึ้นในเดือนหน้า อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ รัฐบาลพม่ายังไม่ได้ออกมาประกาศวันเลือกตั้งแต่อย่างใด (Irrawaddy)
 
 
 7 ก.ค.53
 
ทางการพม่าไม่อนุญาตให้สมาชิกเอ็นแอลดีค้างในเนปีดอว์
 
2 ตัวแทนจากพรรคเอ็นแอลดีไม่ได้รับอนุญาตให้พักค้างคืนในเนปีดอว์ มีรายงานว่า ทั้งสองถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขับออกจากกรุงเนปีดอว์ ทั้งนี้ สาเหตุที่ตัวแทนทั้งสองคนเดินทางไปเนปีดอว์ก็เพื่อยื่นจดหมายร้องเรียนต่อสหภาพคณะกรรมการเลือกตั้ง ถึงกรณีที่พรรคแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ (National Democratic Front) ซึ่งเป็นอดีตสมาชิกพรรคเอ็นแอลดีที่แยกตัวออกมาจัดตั้งพรรคการเมืองต่างหาก ได้ใช้สัญลักษณ์สวมหมวกฟางเลียนแบบการหาเสียงของพรรคเอ็นแอลดี
 
ขณะที่เจ้าหน้าที่ในเนปีดอว์อ้างกับ 2 ตัวแทนสมาชิกเอ็นแอลดีถึงสาเหตุการที่ไม่อนุญาตให้เข้าพักในเนปีดอว์ในครั้งนี้ว่า เนื่องจากโรงแรมในเนปีดอว์มีไว้สำหรับให้บริการแก่เจ้าหน้าที่ของทางราชการเท่านั้น ด้านสมาชิกเอ็นแอลดีเชื่อ อาจเป็นคำสั่งตรงจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลพม่า และอาจทำไปเพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวของสมาชิกพรรคเอ็นแอลดี (Irrawaddy)
 
 
8 ก.ค.53
 
หญิงสาวโรฮิงยาถูกแก๊งค์เจ้าหน้าที่พม่าข่มขืน
 
นางสาวไมนารา บีกัม นามสมมุติวัย 20 ชาวมุสลิมโรฮิงยาถูกแก๊งเจ้าหน้าที่ทหารพม่านำตัวไปข่มขืนยังค่ายทหาร โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมาแต่เพิ่งได้รับการเปิดเผย มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารพม่าจำนวน 5 นาย ได้เข้าตรวจเช็ครายชื่อของแขกที่มาพักบ้านของนางสาวไมนารา ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองมงดอว์ รัฐอาระกัน เมื่อเวลา 24.00น.ในคืนวันที่ 30 มิถุนายน โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้บังคับและจับกุมหญิงสาวไปยังค่ายทหารในพื้นที่
 
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เดินทางถึงค่ายทหาร เจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้ลงมือข่มขืนนางสาวไมนารา ก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวในวันถัดมา มีรายงานว่า ในระหว่างที่นางสาวไมนาราถูกกักขังอยู่ที่ค่ายทหาร สมาชิกครอบครัวของเธอได้ไปร้องขอให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวนางสาวไมนารา แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกาย
 
การละเมิดทางเพศยังคงเป็นปัญหาคุกคามชีวิตของหญิงชาวโรฮิงยา มีรายงานว่า เจ้าหน้าทหารพม่ามักเข้าตรวจค้นบ้านในยามวิกาล และหากพบหญิงสาวอยู่ตามลำพังก็จะลงมือข่มขืน ขณะที่เหยื่อจำนวนมากไม่กล้าร้องเรียนต่อทางการและเลือกที่จะปิดปากเงียบ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ติดตามคดี ในขณะเดียวกัน หวาดกลัวว่า อาจถูกข่มขู่และถูกกดขี่มากขึ้นจากเจ้าหน้าที่ทหารพม่าหากเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป (Kaladan)
 
 
พบการซื้อ – ขายตำแหน่งข้าราชการเกลื่อนในรัฐคะเรนนี
 
แหล่งข่าวในรัฐคะเรนนีรายงานว่า พบเห็นการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการอย่างครู หมอ หรือตำแหน่งข้าราชการอื่นๆในรัฐคะเรนนีเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ มีรายงานว่า ผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ หากไม่มีเงินจ่ายใต้โต๊ะ หรือไม่มีความใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ข้าราชการแล้ว โอกาสที่จะได้รับราชการมีน้อยมาก แต่หากต้องการรับราชการอาจต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะราว 5 แสนจั๊ต(ราว16, 892 บาท) ให้กับเจ้าหน้าที่
 
ขณะที่ตำแหน่งนางพยาบาลอาจต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะสูงถึง 4 – 5 ล้านจั๊ต (ราว 135,135 – 168,919 บาท) ในบางรายอาจต้องรอนานถึงครึ่งปีกว่าจะสามารถยื่นซื้อตำแหน่งนี้ได้ (Kantarawaddy)
 
 
9 ก.ค.53
 
นางเอกพม่าไม่พอใจ ถูกกล่าวหาแต่งตัวโป๊
 
Su Shoon Lei นางเอกพม่าได้ออกมากล่าวหาคณะกรรมการเซ็นเซอร์ของพม่าว่า ไม่มีความยุติธรรม หลังจากสั่งการให้วารสารชื่อ Envoy News Journal ปิดทำการเป็นเวลา 1 อาทิตย์ เนื่องจากวารสารฉบับนี้ตีพิมพ์ภาพของเธอในชุดกระโปรงสั้นลงในวารสาร ซึ่งคณะกรรมการเซ็นเซอร์อ้างว่า ชุดที่ Su Shoon Lei ถ่ายแบบลงวารสารฉบับนี้ไม่เหมาะสม เนื่องจากเผยให้เห็นขาอ่อน
 
ขณะที่นางเอกคนดังกล่าวออกมาโต้ว่า วารสารบางเล่มลงภาพนางแบบสวมชุดที่โป๊กว่าและใส่กระโปรงที่สั้นกว่าที่เธอสวมใส่ด้วยซ้ำ แต่คณะกรรมการเซ็นเซอร์พม่ากลับมองข้ามและไม่แบนวารสารเหล่านั้น ซึ่งไม่ความยุติธรรม
 
ด้านบรรณาธิการนิตยสารฉบับหนึ่งเปิดเผยว่า พันตรีตินส่วย ผู้อำนวยการคณะกรรมเซ็นเซอร์ของพม่าได้เชิญตัวแทนจากนิตยสารและวารสารจำนวน 30 ฉบับเข้าพบ และเตือนให้ระวังการนำภาพที่ไม่เหมาะสมลงในนิตยสารหรือวารสาร และถ้าหากขัดขืนจะถูกแบนเป็นเวลา 1 – 2 เดือน (Mizzima)
 
 
12 ก.ค.53
 
อภิสิทธิ์ เตรียมเยือนพม่าเดือนหน้า
 
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทยเตรียมเยือนพม่าในช่วงต้นเดือนหน้า แต่จะเป็นการเยือนในช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆ 1 – 2 วันเท่านั้น โดยนายอภิสิทธิกล่าวว่า พม่าเป็นประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียนที่ตนยังไม่ได้ไปแนะนำตัว อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายละเอียดว่า นายกรัฐมนตรีของไทยจะเข้าพบปะกับผู้นำรัฐบาลพม่าคนใดบ้าง
 
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนกรกฎาคมของปีที่แล้ว นายกไทยวางแผนที่จะเยือนพม่ามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่แผนดังกล่าวต้องเลื่อนออกไป เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวตรงกับช่วงที่รัฐบาลทหารพม่ากำลังนำตัวนางอองซาน ซูจี หัวหน้าพรรคเอ็นแอลดี ผู้นำพรรคฝ่ายค้านไปสอบสวนในชั้นศาล กรณีที่มีชายอเมริกันลักลอบว่ายน้ำเข้าไปในบ้านพักของเธอ (DVB)
 
กองทัพพม่าฉาวอีกรอบ จับเด็กออทิสติกเป็นทหาร
 
DVB By AYE NAI : 9 กรกฎาคม 2553 กลายเป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์กันทั่วเมือง เมื่อเด็กออทิสติก ซึ่งกำพร้าพ่อแม่และอาศัยอยู่กับพี่สาว ได้ถูกทหารในภาคมัณฑะเลย์เกณฑ์ไปเป็นทหารในกองทัพ
 
ผิ่วพวย (Phyu Phway ) เปิดเผยกับนักข่าวว่า เส่งโท น้องชายวัย 17 ปี จากเมืองไดก์อู ในภาคพะโค ถูกกองพันทหารราบที่ 99 ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ที่เมืองเม๊กทิลา (Meikhtila)ภาคมัณฑะเลย์เกณฑ์ไปเป็นทหารนานกว่า 2 อาทิตย์แล้ว
 
ผิ่วพวยระบุว่า “น้องชายและเพื่อนของเขากลับจากทำงานชั่วคราวในร้านขนมปังแห่งหนึ่ง เมื่อเดินผ่านกองทหารที่สถานีรถไฟทาซี (Tharzi) ใกล้กับเมืองเม๊กทิลาจึงถูกจับตัว”

สถานีรถไฟทาซี เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีรายงานว่า มีการจับเด็กชายเพื่อนำไปเป็นทหาร โดยการเกณฑ์เด็กชายเข้ากองทัพ เป็นไปตามนโยบายที่ถูกกำหนดมาจากกองทัพ เพื่อสร้างกำลังพลให้มีจำนวนที่มั่นคงในแต่ละกองพัน แม้ว่าการนำเด็กไปเป็นทหารถือเป็นสิ่งผิดตามกฎหมายของประเทศพม่า แต่รัฐบาลทหารพม่าก็เป็นอีกหนึ่งรัฐบาลที่เกณฑ์ทหารเด็กมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆของโลก

ผิ่วพวย ยังเปิดเผยว่า “ที่สถานีรถไฟ เส่งโทและเพื่อนของเขาถูกตรวจบัตรประจำตัวจากทหารที่ติดยศ ซึ่งแสดงว่ามาจากกองพันทหารราบที่ 99 ในเวลาต่อมา ทหารได้บอกกับเด็กว่า กองทัพจะให้เงินจำนวน 100,000 จ๊ต (ประมาณ 3,200 บาท) และข้าวสารอีกหลายกระสอบ ถ้าหากเข้าไปอยู่ในกองทัพ” ผิ่วพวยกล่าว 

ผิ่วพวยกล่าวเพิ่มเติมว่า “จากคำบอกเล่าของหม่องกวาน (Maung Gwan) เพื่อนของน้องชายเธอ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเปิดเผยว่า หม่องหวานปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกองทัพ และบอกกับทหารพม่าว่ายังเรียนอยู่ชั้นสิบ (เทียบเท่ามัธยม 6) เขาจึงถูกปล่อยตัว แต่น้องชายของฉัน เขาตอบรับที่จะไปเป็นทหาร” ผิ่วพวยกล่าว 

ขณะที่มีรายงานว่า เส่งโท ได้รับความทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บป่วยอยู่เสมอๆ จากคำบอกเล่าของผิ่วพวย เส่งโทมีความบกพร่องด้านการพัฒนาทางสมองและร่างกาย แม้ว่าจะยังไม่เคยได้เข้ารับการตรวจวินิจฉัยโรคก็ตาม ซึ่งพี่สาวอีกคนของเส่งโทเองได้เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน และนั่นเป็นสาเหตุให้เส่งโท ต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่เด็ก

ผิ่วพวยกล่าวว่า สาเหตุที่น้องชายไปอยู่ที่เมืองเม๊กทิลา ก็เพื่อหารายได้มาเลี้ยงครอบครัวในระหว่างที่ตัวเธอเองกำลังตั้งครรภ์อยู่ “เขาเป็นน้องชายคนเดียวที่ฉันเหลืออยู่ ตอนนี้ฉันแค่ต้องการเขากลับคืนมา และฉันก็ไม่เห็นด้วยเลยที่เขาไปเป็นทหาร” ผิ่วพวยกล่าว 

ขณะที่เจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟทาซี ไม่สามารถออกความเห็นใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ประชาชนในเมืองทาซีกลับกล่าวตรงกันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้คล้ายกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดในวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า ทหารจากกองพันที่ 420 กองกำลังภายใต้บังคับการของกองกำลังทหารราบที่ 99 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกณฑ์ทหารเด็กมาแล้วครั้งหนึ่ง

“มีเด็กผู้ชายสองคนที่ดูเหมือนว่ากำลังหนีจากทหารพม่า ซึ่งพยายามบังคับและเกณฑ์พวกเขา เด็กๆ ตัวสั่นด้วยความกลัว คนหนึ่งค่อนข้างสูงส่วนอีกคนตัวเล็กกว่า เมื่อเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ตอบว่าหนีมาจากพวกทหาร และพวกเขาก็รอดพ้นจากทหารมาได้” ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าว 

ด้านผิ่วพวย ได้ขอความช่วยเหลือจากกลุ่มที่ทำงานด้านกฎหมาย โดยหวังว่า จะสามารถนำตัวน้องชายของเธอกลับคืนสู่บ้านเกิดได้อีกครั้ง 

เมื่อเดือนที่ผ่านมา มีรายงานเช่นเดียวกันว่า เด็กชายคนหนึ่งในเขตพะโค ถูกทหารพม่ายิงเสียชีวิต หลังจากปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับกองทัพ ซึ่งรัฐบาลทหารพม่าพยายามปกปิดเรื่องนี้ ในเวลาเดียวกัน รัฐบาลยังคงละเมิดข้อตกลงครั้งแล้วครั้งเล่า ที่ทำไว้กับองค์กรระหว่างประเทศที่ระบุว่า จะยุติการเกณฑ์ทหารเด็กเข้ากองทัพ

 
....................................
 
แปลและเรียบเรียงโดย สาละวินโพสต์ "สื่อทางเลือกเพื่อแบ่งปันความเข้าใจสู่เพื่อนบ้าน"อ่านข่าวและบทความอื่นๆ อีกมากมายได้ที่เว็บไซต์www.salweennews.org เฟซบุ๊ค http://www.facebook.com/Salweenpost ทวิตเตอร์ http://twitter.com/salweenpost

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net