“หนูน้อยหมวกแดง” พรุ่งนี้... จะทำอย่างไรต่อไป?

“หนูน้อยหมวกแดงกับยักษ์หน้าหล่อ” เรื่องราวการต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ของหนูน้อยหมวกแดง กับอำนาจนอกระบบของเหล่ายักษ์หน้าตาดีที่มีเทวดาอุ้มชู ภายหลังความสูญเสียครั้งใหญ่ เธอจะทำอย่างไรต่อไป? ... แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป?

ท่ามกลางแสงไฟสลัว... นักแสดงทั้งหมดได้ออกมายืนประจันหน้ากับคนดู บนพื้นที่กระเบื้องที่เท้าเหยียบได้เทียมกับ แล้วเสียงของหนึ่งในผู้แสดงก็พูดขึ้นว่า...

“ยังจำได้ไหม วันนั้นคนข้างๆ คุณหายไปรึเปล่า ยังจำได้ไหม วันนั้น ใครที่สูญเสียไป ใครที่ต้องเป็นกำพร้า ใครที่ต้องเป็นหม้าย ยังจำได้รึเปล่า ว่าความโหดร้ายของเผด็จการทำร้ายเราขนาดไหน ถ้าคุณยังจำได้ เราก็อยากให้คุณคิดต่อว่า... (นักแสดงพูดพร้อมกัน) แล้วคุณล่ะ จะทำยังไงต่อไป?”

...

“... จะทำยังไงต่อไป?”

คำถามนี้ถูกตั้งขึ้น ในตอนท้ายของการแสดงละครเวทีที่ชื่อว่า “หนูน้อยหมวกแดงกับยักษ์หน้าหล่อ” ภายหลังความสูญเสียครั้งใหญ่ของหนูน้อยหมวกแดง ที่เล่นเอาใครหลายๆ คน ณ ที่นั้นน้ำตาซึม ต้องหยิบผ้าเช็ดหน้ามาปาดน้ำตากันป้อยๆ 

ผู้ชมคนหนึ่งยอมรับว่า เธอรู้สึกสะเทือนใจเพราะภาพที่ได้เห็นในการแสดง มันช่างคล้ายกับสิ่งที่เธอและเพื่อนได้ประสบมาเมื่อไม่นานมานี้ 

ดูเหมือนว่าภาพเหตุการณ์ความสูญเสียจากการใช้กำลังทหารและอาวุธบรรจุกระสุนจริงเข้าสลายการชุมนุมของประชาชน โดยการสั่งการของรัฐบาลจนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บนับพันคน ยังไม่ลบเลือนไปจากหัวใจของใครหลายๆ คน อย่างน้อยก็ในห้วงความคิดของคนกว่า 50 คน ในห้องนี้ 

“เราไม่ได้จัดกิจกรรมเพื่อตอกย้ำสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ต้องการให้ทุกคนได้มาพบปะและได้พูดคุยกัน รวมถึงช่วยกันตอบคำถามด้วยว่า เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น” ผู้สวมบทหนูน้อยหมวกแดงตามท้องเรื่อง บอกกับคนดู 

...

เมื่อเย็นวันอาทิตย์ ที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา ห้องสี่เหลี่ยมที่ดูเหมือนห้องประชุมมากกว่าเวทีการแสดง ตรงชั้นล่างของอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ได้ถูกจัดวางใหม่ เพื่อเตรียมใช้เป็นพื้นที่ในการแสดงละครเวทีเรื่องแรกของกลุ่ม Iskra Drama หนึ่งในแขนงย่อยๆ ของกลุ่มประกายไฟ กลุ่มกิจกรรมที่เกิดจากการรวมตัวกันของเยาวชนคนหนุ่มสาวที่สนใจศึกษาเรียนรู้ และต้องการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสังคมอย่างถึงราก 

ละครเวทีว่าด้วยเรื่องราวของนครรัฐไร้ชื่อแซ่แห่งหนึ่ง ที่เดิมปกครองโดยเทวดาและยักษ์ แต่ต่อมาคนธรรมดาได้ลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงการปกครองเพื่อเลือกผู้นำของตัวเอง จากนั้น ผู้นำคนใหม่ทุจริตจึงถูกทำรัฐประหารโดยกลุ่มยักษ์และเทวดา แต่อนิจจาพวกเขาถูกสาปจากเทวดาให้ต้องพบกับความสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่า หากมีใครคิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง และเมื่อผู้คนลุกขึ้นเรียกร้องประชาธิปไตยอีกครั้ง พวกเขาก็ถูกเหล่ายักษ์เข่นฆ่า ก่อนจะจบด้วยคำถามทิ้งท้าย 

“... แล้วคุณล่ะ จะทำยังไงต่อไป”

...

หลังละครจบลง คำถามจากนักแสดงได้กลายมาเป็นกิจกรรมสำหรับคนดูที่จะร่วมกันคิดต่อ การพูดคุยกับนักแสดงโดยจัดแบ่งกันเป็นกลุ่มย่อยๆ ตามอัธยาศัยจึงดำเนินต่อมา 

ในแต่ละกลุ่มมีการพูดคุยถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่แต่ละคนประสบ ทั้งก่อน ระหว่าง และภายหลังจากที่มีการสลายการชุมนุม... 

ชายคนหนึ่งเสนอในวงพูดคุยย่อย ให้กลุ่มนักศึกษารวมข้อมูลของผู้ที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม ให้รู้ว่าพวกเขาทำอาชีพอะไร มีชีวิตความเป็นอยู่เป็นอย่างไร โดยอาจรวบรวมเป็นหนังสือรำลึก หรือบันทึกประวัติศาสตร์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายอย่างที่ถูกรัฐบาลกล่าวหา 

นอกจากนั้น แต่ละคนในกลุ่มนี้ต่างเห็นตรงกันว่าสำหรับพวกเขา ผู้ที่เสียชีวิตถือเป็นวีรชน แม้จะไม่เคยได้รู้จักหรือพูดคุยกันมาก่อน  

“เหตุการณ์อย่างนี้มันไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย หากเขาฟังเราก่อนหน้านี้... ไม่น่าจะมารับฟังกันตอนนี้ ตอนที่มันสายไปแล้ว เราสูญเสียไปเยอะมากแล้ว” พี่เกตุผู้ชมอีกคนหนึ่งแบ่งปันความรู้สึกที่มีต่อการรับฟังความเห็นประชาชนในโครงการที่ชื่อว่า “6 วัน 63 ล้านความคิด ร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย” ของรัฐบาล 

จากการสังเกต พี่เกตุเป็นผู้หญิงผิวขาวแบบคนเหนือสวมยืดเสื้อและรองเท้าสีแดง เธอนั่งปาดน้ำตาเมื่อละครจบลง แม้ตอนอยู่ในวงพูดคุย มือของเธอก็ยังถือผ้าเช็ดหน้าสีชมพูผืนเดิมและยกมันขึ้นมาปาดน้ำตาอยู่เป็นระยะ

พี่เกตุเล่าว่าตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว เธอไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงแล้วโดนแก๊สน้ำตา ซึึ่งเธอก็คิดว่ามันหนักแล้ว แต่ปีนี้กลับหนักกว่ามาก เพราะมีคนตาย และสำหรับเธอ สื่อเองก็เล่นข่าวเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง คือบอกว่ามีคนตายเท่าไหร่ รายงานไปแล้วก็จบ จากนั้นข่าวก็เงียบหายไป

ดังนั้น หลังการสลายการชุมนุม พี่เกตุจึงบอกเหมือนหลายๆ คนว่าเธอไม่อยากรับสื่อ เพราะรู้สึกว่าสื่อมวลชนทุกวันนี้ไม่มีความเป็นกลางหลงเหลืออยู่ แต่เมื่อมีคนบอกว่าในเฟซบุ๊คมีคนเสื้อแดงเยอะ เธอจึงลงทุนซื้อคอมพิวเตอร์มือสองและหันมาฝึกเล่นเฟซบุ๊คเพื่อใช้เป็นช่องทางรับข้อมูลข่าวสารอย่างจริงๆ จังๆ 

พี่เกตุ เล่าด้วยความภาคภูมิใจว่าจากเธอคนเดิมที่เป็นลูกจ้างโรงงานธรรมดาๆ ไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์ และต้องกดจิ้มแป้นคอมพิวเตอร์ทีละตัวกว่าจะบอกเล่าข้อมูลอะไรได้ แต่วันนี้เธอพิมพ์ข้อความตามสัมผัสตัวอักษรได้คล่องและติดต่อสื่อสารได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง กิจกรรมในครั้งนี้เธอก็รู้มาจากในเฟซบุ๊ค

ล่าสุดขณะนี้เธอกลายเป็นพี่เลี้ยงให้กับเพื่อนๆ อีกหลายคนที่เริ่มต้นใช้เฟซบุ๊ค

“เราต้องทำอะไรกันสักอย่างหนึ่ง เพื่อทำให้เรากลับมาเข้มแข็งดังเดิม” คำพูดจาก "กอล์ฟ" ผู้สวมบทบาทหนูน้อยหมวกแดง

กอล์ฟ มีชื่อจริงว่า ภรณ์ทิพย์ มั่นคง เธอเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง หนึ่งในสมาชิกกลุ่มประกายไฟ ผู้รับบทหนูน้อยหมวกแดง อีกทั้งยังรับหน้าที่เขียนบทและกำกับการแสดงในละครเวทีเรื่อง “หนูน้อยหมวกแดงกับยักษ์หน้าหล่อ” ด้วย 

กอล์ฟเล่าว่าก่อนหน้านี้เธอและสมาชิกกลุ่มประกายไฟเคยแสดงละครตามที่ชุมนุมต่างๆ เช่น ในการชุมนุมของคนงานไทรอัมพ์ สมัชชาคนจน และการชุมนุมเรียกร้องในประเด็นต่างๆ ของกลุ่มนักศึกษา 

ด้วยความที่กอล์ฟ เคยเรียนด้านการละครมาบ้าง ประกอบกับเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุม เธอและเพื่อนๆ จึงตัดสินใจร่วมกันทำละครเวทีโดยหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสังคม ด้วยการสื่อสารข้อมูลผ่านละคร รวมทั้งการพูดคุยหลังชมละครด้วย 

ทั้งนี้ โดยส่วนตัวแล้วเธอสนใจในประเด็น พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ความเหลื่อมล้ำในสังคม แรงงาน การตั้งพรรคการเมือง รวมถึงการใช้ศิลปะเพื่อประชาธิปไตย

สำหรับการแสดงละครเวทีเรื่องแรกของกลุ่ม Iskra Drama นี้ กอล์ฟบอกว่าต้องการทำละครสะท้อนสังคมการเมือง ส่วนชื่อ Iskra Drama เธออธิบายว่า “Iskra” เป็นภาษารัสเซีย แปลว่า “ประกายไฟ” นั่นเอง เพียงแต่คำมันดูสละสลวยกว่า เธอบอกพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี 

“แล้วละครเรื่องต่อไปคืออะไร?”

กอล์ฟ เล่าถึงละครเรื่องต่อไปของกลุ่ม Iskra Drama มีชื่อว่า “กินรีสีแดง” ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยจะมีการแลกเปลี่ยนกับเพื่อนนักศึกษาจากสามจังหวัดภาคใต้ ซึ่งมีประสบการณ์การอยู่ภายใต้การบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาก่อนหน้านี้แล้ว

...

นี้คือความพยายามของผู้คนกลุ่มหนึ่ง ที่ทำอะไรบางอย่างเล็กบ้างใหญ่บ้าง เพื่อทำให้พวกเขากลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง

และตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่...

“เราคงต้องทำอะไรกันสักอย่างหนึ่ง”

 

หมายเหตุ: สำหรับผู้ที่สนใจติดตามความคืบหน้าการทำงานละครของกลุ่ม Iskra Drama สามารถเข้าไปดูได้ในเฟซบุ๊ค http://www.facebook.com/profile.php?id=100001269981064  

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท