Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

สัญญาณหลายอย่างเผยตัวออกมาชัดเจนขึ้นทุกทีว่า “ระบอบอภิสิทธิ์” คืออะไร?

รัฐบาลนี้ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จแบบไม่สนใจรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่ฝ่ายตนร่างขึ้นมาเอง ในทางปฏิบัติ คือการงดใช้รัฐธรรมนูญตามใจชอบ และทำให้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นกฎหมายสูงสุดยิ่งกว่ารัฐธรรมนูญ ควบคุมข่าวสารเด็ดขาด กวาดล้างจับกุมคุมขังผู้คนโดยไม่ต้องสนใจกระบวนการยุติธรรมหรือสิทธิของผู้คน ข่มขู่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองไม่ต่างกับ (หรือยิ่งกว่า) เผด็จการทหาร โดยเฉพาะในต่างจังหวัดและชนบทที่ไม่สนับสนุนรัฐบาล

รัฐบาลนี้เป็นเผด็จการมากถึงขนาดที่พูดข้างเดียว ฟังพวกเดียว ไม่แยแสว่าสิ่งที่ตนพูดจะสมเหตุสมผลหรือไม่ โกหกก็ไม่ต้องแคร์ ถูๆ ไถๆ ข้างๆ คูๆ ก็ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะน่าเชื่อหรือไม่ อาศัยอำนาจ (ปืนและสื่อ) ยัดเยียดประเด็นและคำอธิบายของตนให้แก่สังคม ทำมากๆ เข้าจนความเท็จกลายเป็นความจริง เรื่องไม่มีมูลกลายเป็นประเด็น

หลังประหัตประหารผู้คนเสร็จ ในขณะที่ทำการกวาดล้างจับกุมคุมขังฝ่ายตรงข้ามอย่างหนัก ก็ปรึกษาพวกเดียวกันว่าจะ “ปรองดอง” คือทำยังไงไม่ให้มวลชนลุกฮือต่อต้านอีก

ความอยุติธรรมแบบ  “สองมาตรฐาน” ยิ่งหนักกว่าเดิม แถมทำกันอย่างโจ๋งครึ่มโดยไม่ต้องปฏิเสธหรือแก้ตัวอีกต่อไปแล้ว

ทั้งผีทักษิณและผู้ก่อการร้ายเป็นการหาเหตุเพื่อการปราบปราม แต่จะยังคงอยู่ต่อไปอีกนานเพื่อหาเหตุให้คงรักษา พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไปโดยเฉพาะในต่างจังหวัดและชนบทที่เป็นฐานของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล

ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อความสงบหลังปราบปรามการชุมนุมเสื้อแดงเท่านั้น แต่เพื่อทำลายคู่ต่อสู้ทางการเมืองสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าเพื่อรักษาอำนาจของระบอบอภิสิทธิ์ด้วย

ระบอบอภิสิทธิ์คืออะไร? คือระบอบค้ำจุนอภิชนภายใต้รูปโฉมประชาธิปไตย อาศัยการเลือกตั้งและนิติรัฐเป็นความชอบธรรม อาศัยปืนและตุลาการเป็นอำนาจที่แท้จริง อาศัยประชาสังคมของอภิสิทธิชนเป็นฐานมวลชนโดยมีสื่อหลักๆ และนักเคลื่อนไหวภาคประชาชนคนสำคัญๆ เป็นผู้ปฏิบัติงานทางการเมืองในประชาสังคมนั้น

ครั้นถูกต่อต้าน ระบอบอภิสิทธิ์ก็เผยตัวตนที่แท้จริงว่าเป็นประชาธิปไตยแบบหนา ด้านได้อายอด เอาทั้งเล่ห์กล มนต์คาถา (โฆษณาชวนเชื่อ) สื่อเส้นหนาของอภิสิทธิชนประเภทต่างๆ (ปัญญาชน รัฐบาล และเหนือรัฐบาล) กฎหมายอัปลักษณ์ทั้งหลาย (กม.หมิ่นฯ  พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นต้น) และนักสิทธิมนุษยชนกำมะลอ  มาช่วยกันยัดเยียดให้ประชาชนต้องทนรับ

พวกเขาพยายามมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2550 แต่ไม่สำเร็จ คราวนี้จึงต้องโหดกว่าเดิม เด็ดขาดกว่าเดิม เหวี่ยงแหกว่าเดิม ภายใต้ข้ออ้างเดิมๆ ว่าเพื่อต่อสู้กับการซื้อเสียงและผีทักษิณ

เนื้อแท้ของระบอบอภิสิทธิ์คืออำนาจนิยมโดยอาศัย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และกฎหมายอื่นๆ ที่ให้อำนาจแก่รัฐบาลของอภิชนเหนือกว่ารัฐธรรมนูญใดๆ จะให้ได้ นี่แหละคือประชาธิปไตยแบบไทยๆ ที่พวกเขาพยายามสร้างขึ้นหลังการรัฐประหาร 2549 ทว่ายังไม่สำเร็จสักที

หากการเลือกตั้งคราวหน้ายังไม่สามารถรับประกันชัยชนะของระบอบอภิสิทธิ์ได้  เขาก็จะอ้างความไม่สงบเรียบร้อยในการเลือกตั้งเป็นเหตุเพื่อบิดเบือนผลการเลือกตั้ง หรือเลื่อนการเลือกตั้งออกไปจนกว่าจะชนะแน่ๆ เสียก่อน

นี่ไม่ใช่เส้นทางแบบพม่าดังที่มักกล่าวกัน แต่ตัวอย่างของอำนาจนิยมเบ็ดเสร็จของพลเรือนคือ "ระบอบมาร์คอส" ของฟิลิปปินส์

มาร์คอสไต่เต้าสู่อำนาจด้วยการเลือกตั้ง แต่รักษาอำนาจด้วย พ.ร.ก.ฉุกเฉินและอำนาจกองทัพ โดยอ้างว่าต้องรักษาความสงบต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เขาอาศัยอำนาจตาม พ.ร.ก. เหนือรัฐธรรมนูญ เข้ากวาดล้างจับกุมทำลายคู่ต่อสู้ทางการเมืองอย่างเด็ดขาดโหดร้าย แต่ความสำเร็จทางเศรษฐกิจในระยะแรกทำให้ระบอบมาร์คอสได้รับความสนับสนุนจากสาธารณชนโดยเฉพาะคนเมืองผู้มีอันจะกินอย่างมาก

ครั้นใกล้หมดเทอมของตน เขาก็แก้รัฐธรรมนูญเพื่อเปิดโอกาสให้ระบอบของเขามีอำนาจต่อไปได้ด้วยการอ้างผู้ก่อการร้ายเช่นเคย

มาร์ค กับ มาร์คอส  คือชื่อเดียวกัน ในคนละภาษาเท่านั้นเอง

ประเด็นสำคัญมิได้อยู่ที่ระบอบอภิสิทธิ์ใกล้เคียงหรือต่างกับระบอบมาร์คอสมากน้อยแค่ไหน เพราะแต่ละประเทศย่อมมีเงื่อนไขแตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น ลัทธิบูชาบุคคลของระบอบมาร์คอสบูชาตัวมาร์คอสเอง แต่นายมาร์คเป็นเพียงผู้รับใช้คนหนึ่งเท่านั้น

ประเด็นน่าคิดก็คือ  ถ้าอภิสิทธ์ชนของไทยหน้ามืดตามัวถึงขนาดเลือกทางเดินเดียวกับระบอบมาร์คอส เพื่อต่ออายุอำนาจของตนไว้ในระยะใกล้ น่าคิดว่าประชาธิปไตยแบบไทยๆ (หรือฟิลิปปินส์ๆ) จะเป็นรถไฟขบวนสุดท้ายของอภิชนาธิปไตยไทยจริงๆ

ปัญญาชนนักวิชาการ บรรณาธิการผู้ทรงอิทธิพล  ผู้ประกาศข่าวอันมีชื่อเสียงทั้งหลาย  จงช่วยกันเร่งฟืน เพิ่มความร้อนแรงของรถขบวนสุดท้ายนี้เข้าไปเถิด แล้วอย่ามาร้องหาความยุติธรรมในวันที่รถไฟตกรางก็แล้วกัน

เพราะรถไฟสายอภิชนกำลังวิ่งสวนทางกับรถไฟสาย  “ความเปลี่ยนแปลง” และไม่มีทางหยุดยั้งความเปลี่ยนแปลงที่ออกจากสถานีมาแล้ว

เพราะพวกท่านทำให้สังคมมืดบอดกันไปหมด อันจะทำให้รถไฟอภิชนตกรางอย่างรุนแรง พวกท่านขาดสติยั้งคิดถึงอนาคตเสียจนท่านเองเป็นผู้ทำร้ายสิ่งที่พวกท่านบูชา

เพราะ "ระบอบอภิสิทธิ์" จะกัดกร่อนทำลายอภิชนเองในที่สุด

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net