Skip to main content
sharethis

"กลุ่มปกป้องที่ดินวะกัฟและขอทวงคืน" อ.จะนะ จ.สงขลา นำป้ายทวงคืนที่ดินวะกัฟติดคู่กับป้ายแสดงความยินดีที่นายอาศีส พิทักษ์คุมพลได้รับเลือกเป็นจุฬาราชมนตรีคนที่ 18 ที่มีผู้นำมาติดตั้งก่อนไว้แล้ว

วานนี้ (14 มิ.ย.) เวลาประมาณ 10:30 น. ตัวแทนกลุ่มปกป้องที่ดินวะกัฟและขอทวงคืน อ.จะนะ จ.สงขลา จำนวนประมาณ 20 คน เดินทางมาบริเวณสี่แยกหอนาฬิกา อ.จะนะ  จ.สงขลา เพื่อนำแผ่นป้ายไม้กระดานมีข้อความว่า “ท่านจุฬาฯ ขอรับ ช่วยคืนดินวะกัฟให้กับอัลลอฮฺ” มาติดตั้งไว้คู่กับป้ายแสดงความยินดีต่อนายอาศีส  พิทักษ์คุมพล เนื่องในโอกาสรับเลือกเป็นจุฬาราชมนตรี คนที่ 18 ซึ่งมีผู้อื่นนำมาติดตั้งไว้ก่อนแล้ว

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 53 ตัวแทนกลุ่มปกป้องที่ดินวะกัฟได้เดินทางไปร่วมแสดงความยินดีกับผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นจุฬาราชมนตรีคนใหม่ โดยทางกลุ่มเองก็ไม่ทราบมาก่อนว่าจะเป็นใคร ภายหลังจากทราบผลการเลือกตั้งชัดเจนแล้วจึงได้ประสานงานขอยื่นหนังสือเพื่อแสดงความยินดีและร้องเรียนให้จุฬาราชมนตรีคนใหม่แก้ไขปัญหากรณีที่ดินวะกัฟ ซึ่งเป็นทางสาธารณประโยชน์ในพื้นที่อำเภอจะนะ

เนื่องจากสำนักจุฬาราชมนตรีในชุดก่อนได้ทำการวินิจฉัยเรื่องนี้ไว้ว่า “ไม่มีหลักฐานชัดเจนที่แสดงว่าทางสาธารณะดังกล่าวได้มาโดยการวะกัฟของชาวมุสลิม”  และเห็นด้วยกับกับการแลกเปลี่ยนที่ดินวะกัฟหรือทางสาธารณประโยชน์ดังกล่าวให้แก่ บริษัท ทรานส์ ไทย – มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อใช้เป็นที่ตั้งโรงแยกก๊าซของ บริษัท ทรานส์ ไทย – มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด ทั้งที่การวินิจฉัยครั้งนั้นไม่ได้มีกระบวนการสอบสวนรับทราบข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง เป็นการใช้กระบวนการรับฟัง สรุปข้อเท็จจริงด้านเดียว ฝ่ายเดียว คือข้อมูลจากฝ่ายราชการ และบริษัทผู้ได้ประโยชน์จากการใช้ที่ดินวะกัฟ  ไม่เคยรับฟังข้อมูลจากกลุ่มผู้ร้องเรียนซึ่งประกอบด้วยทายาท พยานของการวะกัฟเส้นทาง รวมถึงไม่เคยรับฟังข้อเท็จจริงของประชาชนผู้เดือดร้อนจากการปิดกั้นเส้นทางสาธารณประโยชน์จากการกระทำของบริษัทฯ ซึ่งทำให้ประชาชนไม่สามารถสัญจร ใช้ประโยชน์ในเส้นทางวะกัฟดังกล่าวได้ต่อไป     จึงเป็นการวินิจฉัยโดยมิได้เป็นไปตามหลักนิติศาสตร์อิสลาม ทำให้หลักการสำคัญของการวะกัฟตามหลักการศาสนาต้องถูกบิดเบือนไป ตามความประสงค์ของอำนาจฝ่ายรัฐและผลประโยชน์ของฝ่ายทุน
นายประกอบ  หลำโส๊ะ ผู้มาร่วมติดตั้งป้ายดังกล่าว กล่าวว่า “วันที่พวกเราไปยื่นหนังสือนายอาศีส  พิทักษ์คุมพล กลับปฏิเสธไม่ยอมรับหนังสือ และเดินหนีไปขึ้นรถเดินทางออกจากศูนย์บริหารกิจการศาสนาฯ อย่างรีบร้อนโดยไม่ยอมรับฟังคำชี้แจงใดๆ จากพวกเรา ที่แย่ไปกว่านั้นคือผู้ติดตามของนายอาศีส  พิทักษ์คุมพล ยังพยายามข่มขู่คุกคามตัวแทนกลุ่มฯ อีกด้วย พวกเรารู้สึกผิดหวังในตัวว่าที่จุฬาราชมนตรีคนใหม่มาก”

นางจันทิมา  ชัยบุตรดี ตัวแทนกลุ่มปกป้องฯ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า “ในวันนั้นพวกเราเห็นว่า เมื่อผลเลือกตั้งเป็นเช่นนี้ก็เป็นโอกาสดีที่เราน่าจะเข้าถึงตัวจุฬาราชมนตรีได้ง่ายขึ้น เพื่อทำความเข้าใจ หาทางแก้ไขปัญหาที่ดินวะกัฟเพราะท่านเป็นคนบ้านเรา แต่กลับกลายเป็นตรงกันข้าม ท่านไม่ยอมคุยกับเรา เราจึงต้องนำป้ายนี้มาติดตั้งเพื่อรณรงค์สร้างความเข้าใจให้กับสาธารชน และเรียกร้องให้ท่านจุฬาฯ คนใหม่จริงจังแก้ปัญหานี้”

นายเจะหมัด  สังข์แก้ว กล่าวเพิ่มเติมว่า “หลังกลับจากไปร่วมฟังผลการเลือกตั้งจุฬาฯ มีการข่มขู่มาจากฝ่ายผู้ติดตามท่านอาศีสว่าไม่พอใจถึงขั้นจะเอาชีวิตพวกเรา เราจึงอยากจะฝากถึงท่านอาศีสว่าช่วยควบคุมดูแลพฤติกรรมคนของท่านด้วย นอกจากนี้หลายคนมีความเห็นตรงกันว่า การที่ท่านไม่ยอมรับหนังสือร้องเรียนในครั้งนี้ ยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีกเนื่องจากอาจทำให้ผู้ที่ทราบเรื่องราวเข้าใจไปได้ว่า นายอาศีส  พิทักษ์คุมพลเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยที่ผ่านมา โดยตั้งใจให้เป็นไป “เพื่อสมประโยชน์ของบริษัท  ทรานส์ ไทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด”  ซึ่งเป็นการสร้างความเสียหายแก่ตัวนายอาศีสเอง และสร้างความเสียหายต่อพี่น้องมุสลิมโดยรวมเช่นกัน”

หลังจากนั้นสมาชิกกลุ่มจึงเดินทางไปติดตั้งป้ายรณรงค์เพิ่มเติมบริเวณสามแยกบ้านสะหลุดทางไปอำเภอนาทวี และริมถนนทางเข้าโรงแยกก๊าซธรรมชาติทรานส์ไทย-มาเลเซีย แล้วจึงแยกย้ายกันกลับบ้านเวลาประมาณ12:30 น.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net