Skip to main content
sharethis

21 พ.ค. 53 - รายงานข่าวแจ้งว่า จำนวนแนวร่วม นปช.ผู้ต้องหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ได้มีการยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 - 26 พ.ค.นี้ รวมทั้งสิ้น 114 คน แยกเป็นผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัว มาจากค่ายนเรศวร จ.เพชรบุรี 34 ราย และกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 จ.ปทุมธานี 45 ราย และส่วนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน จับกุม 30 ราย และ สน.ลุมพินี จับกุม 5 ราย

ส่วนกรณีที่ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ นปช.ยื่นคำร้อง ขอประกันตัวผู้ต้องหาคนละ 40,000 บาท นั้น ศาลมีคำสั่งยกคำร้องเนื่องจากเห็นว่าขณะนี้สถานการณ์อยู่ระหว่างประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีกทั้ง หากได้รับการปล่อยตัวเกรงว่าจะก่อความเสียหายอีก จึงไม่มีเหตุที่จะให้ประกันตัว ทั้งนี้เมื่อศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวทั้งหมดจะถูกนำตัวไปควบคุมที่ค่ายนเรศวร และ ตชด.ภาค 1 เช่นเดิม
 
ด้านความคืบหน้าล่าสุดในการควบคุมตัวแกนนำ นปช. 8 คนและกลุ่มแนวร่วม นปช.อีก 36 คน ที่ถูกจับกุมและเดินทางเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทั้งหมดถูกนำมาควบคุมตัวไว้ที่ศูนย์ปฏิบัติการกองกำกับการ 3 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ (ค่ายนเรศวร) อ.ชะอำ จ.เพชรบุรีนั้น

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 21 พฤษภาคม พล.ต.ต.เทพ อมรโสภิต ผบก. ค่ายนเรศวร อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพลร่มค่ายนเรศวรฯ นำตัวกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. จำนวน 34 คน ที่ให้การรับสารภาพหลังถูกจับกุมในคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ขึ้นรถบัสตำรวจของค่ายนเรศวร จำนวน 2 คัน นำตัวไปส่งฟ้องศาลแขวงประทุมวัน ถ.พระรามสี่ แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพฯ ท่ามกลางการควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจพลร่มค่ายนเรศวรฯ พร้อมอาวุธครบมือหลายสิบนาย

ส่วนแนวร่วมอีก 2 คนที่ให้การปฏิเสธ และแกนนำทั้ง 8 คนอันประกอบไปด้วยนายวีระ มุสิกพงศ์ นายแพทย์เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวิภูแถลง พัฒนภูไท นายขวัญชัย ไพรพนา นายนิสิต สินธุไพร และยศวฤทธิ์  ชูกล่อม หรือเจ๋ง  ดอกจิก ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ในบ้านพักรับรองจำนวน 2 หลัง บริเวณชายทะเลภายในค่ายนเรศวร อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ซึ่งบ้านพักรับรองดังกล่าวมีการล้อมลวดหนามโดยรอบและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาวุธเดินตรวจตราอยู่บริเวณอย่างเข้มงวด ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ห้ามบุคลภายนอกหรือเจ้าหน้าที่ๆที่ไม่เกี่ยวข้องและผู้สื่อข่าวล่วงล้ำในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงโดยเด็ดขาด ทั้งมีการตรวจรถยนต์และรถจักรยานยนต์ตั้งแต่บริเวณทางเข้าค่ายนเรศวร และวางจุดตรวจกระจายกำลังโดยรอบอาคารรับรองที่ควบคุมตัวแกนนำ นปช.อยู่ อย่างเข้มงวด

ส่วนนายวีระซึ่งมีอาการป่วย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานแพทย์จาก ร.พ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มาทำการรักษาให้ในบริเวณบ้านพัก

ดีเอสไอเสนอ ศอฉ.สั่งห้าม"จตุพร"ออกนอกประเทศ เผยสำนวนคดีเกี่ยวพันก่อการร้าย

ด้านนายธาริต  เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงการดำเนินคดีก่อการร้ายกับนายจตุพร  พรหมพันธ์  แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ว่า นายจตุพรได้ใช้เอกสิทธิความเป็นส.ส.คุ้มครอง  ดีเอสไอจึงไม่สามารถควบคุมตัวในระหว่างสมัยประชุมได้  แต่คดีดังกล่าวเป็นคดีร้ายแรงดีเอสไอกังวลว่านายจตุพรอาจเดินทางออกนอกประเทศ   ล่าสุดศอฉ.ได้มีคำสั่งที่ 64/53 ห้ามนายจตุพรเดินทางออกนอกราชอาณาจักร  อย่างไรก็ตามสำหรับการสอบสวนคู่ขนานในคดีก่อการร้าย ดีเอสไอได้รับสำนวนการสอบสวนแล้ว 115 คดี หลังจากนี้คาดว่าจะมีสำนวนคดีทยอยส่งเข้ามาเพิ่มเติมจำนวนมาก อาทิ คดีวางเพลิงและเผาทรัพย์หลายจุด ซึ่งเป็นความผิดในข่ายการก่อการร้ายที่ตำรวจต้องสอบสวนเบื้องต้นก่อนส่งให้ดีเอสไอ

นายธาริต กล่าวถึง กรณีที่ศอฉ.มีคำสั่งระงับการทำธุรกรรมเพิ่มเติมอีก 20 ราย ว่า เดิมคำสั่งของศอฉ.กำหนดให้ธนาคารและสถาบันการเงินส่งรายงานเอกสารธุรกรรมการเงินย้อยหลัง 9 เดือน  ในวันที่ 23 พ.ค. แต่ขณะนี้มีวันหยุดตอเนื่องหลายวัน ดังนั้นเพื่อไม่ให้สถาบันการเงินต้องทำงานเร่งรีบเกินไป ดีเอสไอจึงขอเสนอเรื่องให้ศอฉ.ผ่อนผันการส่งรายงานธุรกรรมออกไปเป็นวันที่ 26 พ.ค.   อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการสอบสวนดีเอสไอจะพยายามไม่ขยายเครือข่ายผู้ที่ต้องถูกระงับการทำธุรกรรมทางการเงินแบบเหวี่ยงแห  แต่จะสั่งห้ามเฉพาะรายเพื่อให้กระทบสิทธิของผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

“ในระหว่างที่เหตุการณ์กำลังจะเข้าสู่ความสงบ จึงขอเตือนไปยังผู้ที่พยายามจะก่อความเสียหายหั้บบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแดงสยามหรือกลุ่มอื่น ๆให้หลีกเลี่ยงการดำเนินการที่จะเป็นความผิดเกี่ยวเนื่องกับการก่อการร้าย” นายธาริต กล่าว

นายธาริต ยังกล่าวอีกว่า ศอฉ.ได้มีคำสั่งเห็นชอบตามข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการอำนวยความยุติธรรม(ศป.ยธ.) ซึ่งเป็นการทำงานร่วมระห่าง 6 หน่วยงานประกอบด้วย กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)  กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191)  ดีเอสไอ  สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์  สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามกี่ทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)  และสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งจะทำหน้าที่สนับสนุนการดำเนินการของศอฉ. และเป็นชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อระงับเหตุร้ายและเข้าช่วยเหลือประชาชน ขอให้ผู้ประสบเหตุโทรเข้ามาแจ้งได้ที่สายด่วน 1688

ตร.จู่โจมค้นบ้าน แรมโบ้อีสาน ที่โคราชไร้วี่แวว

เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 21 พ.ค. พ.ต.ต.ชินม์ภัทร์ วงศ์กำแหง สารวัตรกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราบ ประสานตำรวจ สภ.ครบุรี จ.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ต.ถิรวุฒิ เขียนโคกกรวด สว.สส.สภ.ครบุรี นำหมายค้นของศาลอาญาเลขที่ 142/ 2553 ลงวันที่ 20 พ.ค.2553 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 111 ม.11 บ้านเฉลียงพัฒนา ต.เฉลียง อ.ครบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อายุ 46 ปี แกนนำ นปช. ผู้ต้องหาตามหมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบนางสุ้น อัตถาวงศ์ อายุ 78 ปี แม่ของนายสุภรณ์ จึงดำเนินการขั้นตอนเข้าตรวจค้นบ้านในเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ ปรากฏว่าไม่พบตัวนายสุภรณ์ แต่ได้อายัดกระสุนปืนขนาด 9 มม. 50 นัด บรรจุอยู่ในกล่องพบในตู้เสื้อผ้าในห้องนอน และซีดีการปราศรัยประมาณ 100 แผ่น วางอยู่ภายในห้องประชุมชั้นล่างของบ้าน

นางสุ้น กล่าวว่า นายสุภรณ์ ไม่ได้กลับมาพักที่บ้านนานแล้ว โดยมีการติดต่อกันทางโทรศัพท์บ้าง ส่วนไปพักอยู่ที่ไหนนั้น ไม่ทราบเนื่องจากไม่ได้พูดคุยติดต่อนานแล้ว.
 

ตัดสินแดงขอนแก่นจำคุก 2 ปีแต่รอลงอาญา

ศาลแขวงขอนแก่น ได้มีการอ่านคำพิพากษาตัดสินแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่มผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมตัว ภายหลังสลายการชุมนุม บริเวณภายในสวนรัชดานุสรณ์ หน้าศาลากลาง จ.ขอนแก่น เมื่อวานที่ผ่านมา โดยศาลได้พิพากษา 13 แกนนำ ในข้อกล่าวหาฝ่าฝืนคำประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้จำคุก 2 ปี ปรับ 20,000 บาท แต่เนื่องจาก ผู้ต้องหาทั้งหมด ไม่เคยต้องคดีความมาก่อน ให้รอลงอาญา 2 ปี และให้ปรับคนละ 20,000 บาท พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร รอง ผบช.ภ.4 รักษาการผู้บังคับการตำรวจภูธรขอนแก่น กล่าวว่า ได้มีการออกหมายจับแกนนำเพิ่มเติมที่ก่อเหตุเผาศาลากลางจังหวัด และสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีขอนแก่น อีก 8 ราย ในจำนวนนี้ 3 ราย ถูกคำพิพากษาตัดสินและได้มีการอายัดตัวทันที ขณะที่ การจับกุมแกนนำล่าสุด สามารถจับกุมได้เพิ่มอีก 1 ราย

อุดรฯ ชะลอส่งฟ้อง 45 นปช.

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ที่ห้องประชุมชั้น 3 เหล่ากาชาด อุดรธานี ข้างศาลากลาง จ.อุดรธานี นายอำนาจ ผการัตน์ ผวจ.อุดรธานี เป็นประธานประชุมสรุปเหตุการณ์ กลุ่มคนเสื้อแดงบุกเผาศาลากลาง จ.อุดรธานี และเทศบาลนครอุดรธานี แต่ขณะจะบุกเผาที่ว่าการอำเภอเมืองอุดรธานี จึงถูกทหาร และ อส. ตอบโต้ด้วยอาวุธจนมีผู้บาดเจ็บ 3 ราย เสียชีวิต 1 ราย และจับกุมผู้ชุมนุมได้ 54 คน โดยมี พล.ต.ต.เดชา ชวยบุญชุม ผบก.ภ.จว.อุดรธานี , พ.ต.อำนาย จุลโนนยาง เสนาธิการ มทบ.24    

นายอำนาจ ผการัตน์ ผวจ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน ให้ความเป็นธรรมกับผู้ต้องหาทุกคน เพราะนอกจากคดีฝ่าฝืนประกาศของ พรก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ชุมนุมเกินกว่า 5 คน ยังมีโทษความผิดฐาน “วางเพลิง” ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต การจะกล่าวหาต้องมีพยานและหลักฐานที่ชัดเจน เช่น ภาพเหตุการณ์ที่หลายฝ่ายบันทึกไว้ ว่าเป็นการมาชุมนุมเฉยๆ ไม่ได้ไปก่อเหตุรุนแรง ถึงขั้นทำลายทรัพย์สินทางราชการ รุนแรงจนไปถึงมีส่วนในการเผาศาลากลาง  หากมีการกระทำในความผิดใดก็ว่าตามนั้น

นายอำนาจ กล่าวอีกว่า ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าติดตามดูแลและเยียวยา กลุ่มผู้ชุมนุมที่กลับจาก กทม. ให้มีความรู้สึกดีดีต่อกัน ไม่โกรธเกลียดหรือโทษกัน เพราะสังคมผู้ชุมนุมอยู่ด้วยกันแรมเดือน ก็จะมีความเครียดพอสมควร ต้องได้รับการเยียวยาจิตใจ ก็ให้ อสม. และสาธารณสุข ไปช่วยกันดูแล ทุกอย่างมันจบลงไปแล้ว

“ขณะนี้สถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วง มวลชนแบบเดิมอาจจะลำบาก กลุ่มใหญ่เหมือนเดิมคงไม่มี จะมีก็เป็นกลุ่มเล็กๆ เพราะคนยังคงมีอารมณ์กันอยู่บ้าง ซึ่งเราก็ต้องเร่งทำความเข้าใจ โดยคืนที่ผ่านมามีเหตุเผายางระยนต์ 3 จุด ที่ บ.ม่วง อ.เมือง , ต.นาข่า อ.เมือง และ ต.โนนสูง อ.เมือง นอกจากนี้ยังมีการเผาศาลาพักของโรงเรียนในพื้นที่ อ.บ้านดุง “

นายอำนาจ ตอบข้อซักถามการยกเลิกนำตัวผู้ต้องหา ที่ถูกจับกุมที่ทุ่งศรีเมืองสั่งฟ้องวันนี้ว่า ไม่ใช่เป็นการยกเลิกการส่งฟ้อง โดยทางพนักงานสอบสวนจะเร่งคดี ส่งฟ้องในส่วนที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่าได้ร่วมกันชุมนุมที่มีความผิดตาม พรก.ฉุกเฉิน ขณะที่ฝ่ายสืบสวนกำลังติดตามหาหลักฐานพยาน เพื่อเอาผิดกับบุคคลที่มีส่วยการวางเพลิง เกรงว่าหากศาลตัดสินแล้วผู้ต้องจะประกันตัว ในส่วนผู้มี่มีคดีวางเพลิงก็จะหลบหนี จึงให้รอหลักฐานเพิ่มเติม

ที่ห้องประชุมชั้น 3 เหล่ากาชาด อุดรธานี เมื่อเวลา 13.00 น.  วันที่ 21 พ.ค. นายมงคล สุขสัจจะ อธิบดีกรมการปกครอง เดินทางมาประชุมรับทราบข้อเท็จจริง และสั่งการ เหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง โดยมีนายอำนาจ ผการัตน์ ผวจ.อุดรธานี นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.หนองบัวลำภู นำคณะนายอำเภอจาก 2 จังหวัดเข้าร่วมประชุม โดยเป็นการประชุมลับ

อธิบดีกรมการปกครอง เปิดเผยว่า ตนมาเยี่ยมให้กำลังกับผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าหน้าที่ทุกคน ซึ่งจากการรับฟังบรรยายสรุปเหตุการณ์ถึงปัจจุบันก็เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งต้องขอขอบคุณทางผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกลุ่มพลังมวลชนทุกหมู่เหล่า ที่ได้ช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อย จนถึงขณะนี้ที่เรียกได้ว่า เราสามรถจะดูแล ควบคุม สถานการณ์ไว้ได้ ในขณะเดียวกันทางผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานทั้งหลาย ที่ได้ประสานทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนว่า ให้ช่วยกัน ร่วมมือกัน ที่จะทำให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบ และสู่ความปกติโดยเร็ว

"ความจริงในเรื่องของความเป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็มีความเชื่อมั่นต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่า ทุกคนจะประสานทำความเข้าใจต่อประชาชน รวมถึงความเชื่อมั่นว่าพี่น้องประชาชนทุกคนต้องการความสงบ อยากให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว และต้องการให้ประชาชนทุกคนกลับมารักกัน สามัคคีกันเหมือนเดิม ฉะนั้นในความเชื่อมั่นตรงนี้ ผมถือได้ว่า จะทำให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว"

นายมงคล กล่าวอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว และจากการปรึกษาหารือกันได้ข้อสรุปว่า เราจะต้องเร่งสร้างความรัก ความสามัคคี สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในชาติ เพื่อให้บ้านเมืองสู่ความสงบสุข ประชาชนอยู่ได้ด้วยความสงบสุข และน้อมนำพระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาปฎิบัติ

"ส่วนความเสียหายของตัวศาลากลางและสำนักงานเทศบาลนครอุดรธานี ทางจังหวัดกำลังเร่งประมาณการ และนำเสนอมาแล้ว ซึ่งผมได้รับเรื่องเข้าไป และจะจัดหางบประมาณมาสนับสนุน เพื่อดำเนินการต่อไป"

 

ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: ไอเอ็นเอ็น, มติชนออนไลน์

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net