Skip to main content
sharethis

ศอฉ.ประกาศห้ามมิให้บุคคลใดในเขตพื้นที่ กทม.และพื้นที่ประกาศสถานการณ์สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงทั่วประเทศ ออกนอกเคหะสถานภายในเวลาตั้งแต่ 20.00 น. ของวันที่ 19 พ.ค. 53 ถึงเวลา 06.00 น.ของวันที่ 20 พ.ค.53

 

 

 

24 จังหวัดภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน และประกาศห้ามออกนอกเคหะสถาน (เคอร์ฟิวส์)

 

ข้อกำหนด

ออกตามความในมาตรา 9 (1)

แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

----------------------------------

             ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง  ลงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553 และประกาศสถานการณ์สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2553 และนายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ลงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553 แล้วนั้น 

             เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินให้สามารถกระทำได้โดยรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ทันท่วงที และเพื่อเป็นการป้องกันและรักษาความปลอดภัยให้ชีวิตและทรัพย์สินของบุคคล อาศัยอำนาจตามมาตรา 9  แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล  ซึ่งมาตรา  29 ประกอบกับมาตรา 32  มาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 36 มาตรา 38 มาตรา 41 มาตรา 43 มาตรา 45 และมาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดต่อไปนี้ 

            1. ห้ามมิให้บุคคลใดในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ออกนอกเคหะสถานภายในเวลาตั้งแต่ 20.00  นาฬิกา ของวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553  ถึงเวลา 06.00 นาฬิกา ของวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

            2. ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เข้าปฏิบัติหน้าที่ในเขตพื้นที่และระยะเวลาที่กำหนดได้

            3. ให้ประชาชนที่อยู่ในเขตพื้นที่ที่กำหนดกลับเข้าสู่เคหะสถานและมิให้ออกมายังพื้นที่ที่กำหนด เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

            ในการนี้มอบหมายให้ผู้กำกับการปฏิบัติงาน/ผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินสามารถกำหนดพื้นที่และรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อมิให้มีการปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนเกินสมควรแก่เหตุได้

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป  

ประกาศ ณ วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553   

 (นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ)

นายกรัฐมนตรี

 

...........................................................

 

ข้อกำหนด

ออกตามความในมาตรา 9 (1)

แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 2  

----------------------------------

           ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง  ลงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553 และประกาศสถานการณ์สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 และนายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ลงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553 แล้วนั้น              

           เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินให้สามารถกระทำได้โดยรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ทันท่วงที และเพื่อเป็นการป้องกันและรักษาความปลอดภัยให้ชีวิตและทรัพย์สินของบุคคล อาศัยอำนาจตามมาตรา 9  แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล  ซึ่งมาตรา  29 ประกอบกับมาตรา 32  มาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 36 มาตรา 38 มาตรา 41 มาตรา 43 มาตรา 45 และมาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดต่อไปนี้             

          1. ห้ามมิให้บุคคลใดในเขตพื้นที่จังหวัดนนทบุรี  จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดปทุมธานี  จังหวัดนครปฐม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดชลบุรี จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดลำปาง จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดน่าน จังหวัดขอนแก่น จังหวัดอุดรธานี จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดสกลนคร จังหวัดกาฬสินธุ์ และจังหวัดมุกดาหาร ออกนอกเคหะสถานภายในเวลาตั้งแต่ 20.00 นาฬิกา ของวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553  ถึงเวลา 06.00 นาฬิกา ของวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553            

          2. ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เข้าปฏิบัติหน้าที่ในเขตพื้นที่และระยะเวลาที่กำหนดได้            

          3. ให้ประชาชนที่อยู่ในเขตพื้นที่ที่กำหนดกลับเข้าสู่เคหะสถานและมิให้ออกมายังพื้นที่ที่กำหนด เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่           

          4. ผู้ใดฝ่าฝืนข้อห้ามตามประกาศนี้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548             

          ในการนี้มอบหมายให้ผู้กำกับการปฏิบัติงาน/ผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินสามารถกำหนดพื้นที่และรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อมิให้มีการปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนเกินสมควรแก่เหตุได้

 ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 

(นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ)

นายกรัฐมนตรี 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net