Skip to main content
sharethis

โฆษก ศอฉ.พร้อมตำรวจ ทหารอากาศ ดีเอสไอ ชี้แจงการปฏิบัติการที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติวันนี้ ระบุทำงานลำบาก เพราะแยกแยกผู้ชุมนุมออกจากประชาชนผู้บริสุทธิ์ยาก แต่ตั้งด่านสกัดพบผู้ต้องสงสัยขี่มอเตอร์ไซด์หนี ก่อนทิ้งถุงดำบรรจุกระสุน M79 จำนวน 62 นัดและมอเตอร์ไซด์ ปีนกำแพงหนีเข้าป่าหญ้าไปได้ ตอบคำถามพลทหารฯ ที่เสียชีวิตไม่เกี่ยวสภาพอากาศ

 
28 เม.ย.53 เวลาประมาณ 21.15 น.  ศอฉ. แถลงข่าวภายหลังเกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ดอนเมือง จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 19 คน และทหารบาดเจ็บ 2 นาย เสียชีวิต 1 นายนั้น พล.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. กล่าวว่า  เวลา 12.00น. เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้สนธิกำลังเข้าคลี่คลายสถานการณ์การก่อความวุ่นวายของกลุ่ม นปช. ที่ประสงค์จะเดินทางไปตลาดไท โดยเจ้าหน้าที่ได้ตั้งด่านสกัดไว้ที่ดอนเมือง  และขอให้ผู้ช่วยผู้บัญาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บังคับการทหารอากาศ ได้ชี้แจงรายละเอียด

พลตำรวจโทวรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงว่า สืบเนื่องจากมีการชุมนุมของ นปช. 2 จุด คือ ตลาดไทย และอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ดอนเมือง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องควบคุมสถานการณ์ เพราะทั้ง 2 จุด มีการประกาศ ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วซึ่งไม่สามารถชุมนุมได้ โดยกำลังตำรวจ ทหารบก ทหารอากาศ ได้ปฏิบัติงานร่วมกัน ขั้นตอนการเข้าคุมสถานการณ์นั้นได้เน้นย้ำเหน้าที่ให้ทำตามขั้นตอน จากเบาไปหาหนัก แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่าบางครั้งมีอาวุธร้ายแรงมาจากผู้ชุนุม ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเตรียมความพร้อมด้วย โดยในวันนี้ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้วยความยากลำบาก เพราะพื้นที่ตรงกลางระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ชุนนุมยังมีผุ้ใช้รถใช้ถนนอยู่ อีกทั้งผู้ชุมนุมใส่เสื้อหลากสี ทำให้การแยกแยะระหว่างประชาชนผู้บริสุทธิ์กับผู้ชุมนุมเป็นไปด้วยการยากลำบาก ต้องระมัดระวัง ส่วนการเจรจาเพื่อขอให้เลิกก็ทำไประยะหนึ่ง ปรากฏว่ามีหนังสติ๊กและกระสุนยิงเข้ามา เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องใช้ขั้นตอนต่อไป

ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า ผลการปฏิบัติการครั้งนี้ น่าเสียใจที่เกิดกาสูญเสียอีก โดยทหารเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 2 นาย ผู้ชุมนุมบาดเจ็บ 17 ราย เราพยายามจะแยกแยะผู้กระทำควาผิดด้วยการจับกุมแกนนำ ซึ่งจับได้ 14 คน ที่ตลาดไท 7 คน อนุสรณ์สถานฯ  7 คน ยึดรถจักรยานยนต์ที่ก่อเหตุได้อีก 1 คัน และเราสามารถยึดอาวุธสงคราม M 79 ส่วนประกอบเครื่องยิงด้วยจากการตั้งด่านของทหารอากาศร่วมกับตำรวจจราจร

พลอากาศตรี อานนท์ จารยะพันธุ์ ผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง ชี้แจงเพิ่มเติมว่า จากเหตุการณ์จับยึดกระสุน M79 ได้นั้น เมื่อประมาณ 16.30 น. ได้รับแจ้งว่าพบผู้ต้องสงสัยขี่จักรยานยนต์ มีลักษณะท่าทีจะเข้ามาร่วมกับผู้ชุมนุมบริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ จุดที่เกิดเหตุอยู่หน้าฐานทัพอากาศ ฝั่งถนนวิภาวดีขาเข้า เส้นทางคู่ขนาน ซึ่งกองทัพอากาศจัดกำลัง 2 กองร้อยเพื่อรักษาความสงบ และปฏิบัติหน้าที่บนทางด่วนโทลล์เวย์เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ก่อความไม่สงบยิงอาวุธร้ายแรงลงมาด้านล่าง และยังมีจุดสกัดที่พบจักรยานยนต์คันดังกล่าว โดยคนขับพยายามจะขับขี่ผ่านด่านทหาร แต่เมื่อผู้ต้องสงสัยเห็นด่านก็หลบหนี เจ้าหน้าที่ก็วิ่งตาม ผู้ต้องสงสัยออกไปทางถนนย่อยด้านข้าง หลบหนีทางหมู่บ้านบันฑิตโฮมซึ่งเป็นซอยตัน ขณะติดตาม ผู้ต้องสงสัยทิ้งถุงสีดำไว้ และได้ทิ้งจักรยานยนต์หลบหนีไปในป่าหญ้า หลังจากนั้น สารวัตรทหารได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตรวจวัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่ได้ใช้ปืนแรงดันน้ำความดันสูงเปิดถุงดังกล่าว พบกระสุน M79 จำนวน 62 นัด ในจำนวนนี้เป็นรุ่นเจาะเกราะ 42 นัด ถุงดังกล่าวเป็นถุงพลาสติก มีเอกสารอย่างที่ทางตำรวจชี้แจงตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ กระสุนททั้งหมด บรรจุใส่กล่องไปรษณีย์ ภายในกระสอบปุ๋ยและมีถุงดำห่อหุ้มอีกชั้นหนึ่ง

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า จุดที่อันตรายอย่างยิ่งคือ การตรวจสอบวัตถุระเบิดร้ายแรงจำนวนมากดังกล่าว ในการพบอาวุธร้ายแรงแบบนี้เป็นความผิดตามกฎหมายซึ่งขณะนี้ได้มีมติให้คดีก่อการร้ายเป็นคดีพิเสษ การสะสมอาวุธร้ายแรงที่มีการเตรียมการไปใช้ที่เกิดเหตุเป็นความผิดฐานก่อการร้าย ดีเอสไอจะได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการสอบสวนเรื่องนี้ต่อไป เพื่อคลี่คลายความจริงให้ปรากฏและนำผู้กระทำผิดมาลงโทษต่อไป

พล.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความยากลำบาก เพราะผู้ชุมนุมใส่เสื้อหลากสี และปะปนกับผู้ใช้ถนน ประกอบกับวันนี้มีฝนตกหนัก และพบอาวุธงครามร้ายแรง ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่มั่นใจ และในเวลา 17.30 น.จึงยุติการปฏิบัติ เพราะเกรงว่าจะสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย ศอฉ.ของทำความเข้าใจว่า ในโอกาสต่อไปเพื่อให้การปฏิบัติภารกิจมีประสิทธิภาพ หากผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไปเห็นขบวนผู้ชุมนุมเคลื่อนมาขอให้พยายามเปลี่ยนเส้นทาง ขับหลบออกจากพื้นที่  หรือกรณีที่อยู่ในพื้นที่ปฏิบัติภารกิจก็ขอให้ล็อกรถและอยู่ในรถของท่านอย่าได้ออกมา เพราะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่  อย่างไรก็ตาม การกระทำเพื่อกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายต่อประชาชนและบ้านเมือง ศอฉ.จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาด ถ้าในการปฏิบัติดังกล่าวทำให้ประชาชนทั่วไปได้รับผลกระทบ ไม่สะดวกเหมือนการใช้ชีวิตปกติก็ต้องกราบขออภัย

ขณะที่เว็บไซต์มติชน รายงานเพิ่มเติมถึงการตอบคำถามผู้สื่อข่าวหลังแถลงข่าว โดยพ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า อาวุธที่เจ้าหน้าที่ยึดมาได้ไม่ใช่อาวุธในการครอบครองของกองทัพ แต่อาวุธประเภทนี้สามารถนำเข้ามาได้บริเวณชายแดน ซึ่งเราก็ต้องระมัดระวังไม่ให้มีการนำเข้ามา

เมื่อถามว่า ในการปราบปรามครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ใช้อาวุธจริงและกระสุนจริงหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจก็มีเลือดมีเนื้อเหมือนกัน และตลอดเวลาที่ผ่านมาเราจะเห็นว่าผู้ชุมนุมมีออาวุธสงคราม จึงเป็นความจำเป็นที่เจ้าหน้าที่จะไม่ยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้าใกล้แนวของเจ้าหน้าที่

เมื่อถามว่าได้ตรวจสอบหรือไม่ว่าพลทหารที่เสียชีวิต เสียชีวิตจากสาเหตุอะไร พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า คงต้องตรวจสอบกันก่อน เพราะในพื้นที่มีข้อจำกัดหลายอย่าง ทั้งสภาพดินฟ้าอากาศที่แปรปรวน แต่การที่กระโหลกเปิด ลูกตาถลนออกมาคงไม่ใช่ เพราะสภาพอากาศ ซึ่งเราต้องตรวจสอบอีกครั้ง

เมื่อถามว่า พลทหารถูกยิงจากเจ้าหน้าที่ด้วยกันหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่าเบื้องต้นยังไม่สามารถสรุปอะไรได้ ต้องให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อนเมื่อถามว่าจะสลายที่ราชประสงค์หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าว่า ยังตอบไม่ได้ 

เมื่อถามว่าแกนนำจะบุกเอ็นบีที ศอฉ. จะดำเนินการตามแนวทางเดิมหรือไม่  พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ก็จะใช้วิธีการเดิมครับ  

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net