Skip to main content
sharethis
 

26 เม.ย.53 เว็บไซต์ไอเอ็นเอ็นรายงานว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) แถลงข่าวท่าทีการเคลื่อนไหวของกลุ่ม หลังครบ 7 วัน การประชุมหารือแกนนำจากทั่วประเทศ โดยนายพิภพ ธงชัย พธม.กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศกำลังเข้าสู่สภาวะไร้อำนาจของรัฐ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก มีอำนาจแต่ไม่สามารถนำมาใช้ เพราะมีความรู้สึกหวาดกลัว และจะนำไปสู่ความวิบัติ และสงครามระหว่างประชาชน

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงาน เครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า รัฐบาลควรประกาศกฎอัยการศึก ในพื้นที่ที่มีปัญหาเช่นจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ถูกขัดขวางการปฏิบัติงาน นอจากนี้ยังกำหนดมาตรการเคลื่อนไหว ประกอบด้วย ให้พันธมิตรทั่วประเทศส่งตัวแทนยื่นหนังสือ กระตุ้นการทำหน้าที่ของทหารพร้อมกัน 29 เม.ย. นี้ 10.00 น. ซึ่งทางส่วนกลาง ไปยื่นที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ โดยยื่นหนังสือและกลับทันที พร้อมให้กลุ่มพันธมิตร ทั่วประเทศต่อต้านธุรกิจในเครือกลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่มพันธมิตรในต่างจังหวัด ที่มีความพร้อมสามารถจัดชุมนุมได้อย่างสงบสันติ ขณะที่ยังเตรียมแจกซีดี และเอกสารเปิดโปงขบวนการล้มสถาบัน และขบวนการก่อการร้าย รวมถึงให้กลุ่มพันธมิตรทั่วประเทศ ร่วมเป็นพลเมืองอาสาต่อต้านการกระทำที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้ หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น กลุ่มพันธมิตรจะยกระดับความเคลื่อนไหวขึ้นอีก

ด้าน นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำ พธม.กล่าวว่า ขอให้ทุกชุมชนมีความเข้มแข็ง เพื่อป้องกันตนเอง และพล.ต.จำลอง ยังย้ำว่า ไม่มี่ทางเจรจา 3 ฝ่าย ระหว่างรัฐบาล กลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่มพันธมิตร

 

แถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ฉบับที่ 9/2553
รวมพลังประชาชน หยุดยั้งอำนาจรัฐเถื่อน


สืบเนื่องจากมติของที่ประชุมเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วประเทศเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2553 ที่ ม.รังสิต โดยมติที่ประชุมได้ให้เวลารัฐบาลดำเนินการจัดการกับการชุมนุมที่ผิดกฎหมายและดำเนินการกับกลุ่มก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในที่ชุมนุมภายใน 7 วันตามแถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยฉบับที่ 8/2553 นั้น
      
      
บัดนี้ระยะเวลาดังกล่าวได้ครบกำหนดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่กลับพบว่ารัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงยังมิได้ดำเนินการตามที่ภาคส่วนต่างๆ รวมทั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเรียกร้อง ส่งผลให้สถานการณ์เข้าสู่วิกฤติมากขึ้น ผลกระทบและความเสียหายต่อภาคเศรษฐกิจและสังคมรุนแรงและขยายตัวอย่างน่าเป็นห่วง ความรุนแรงในรูปแบบของการท้าทายกฎหมายและกติกาของบ้านเมือง ได้กลายเป็นค่านิยมที่ลุกลามไปยังต่างจังหวัดไม่ว่าจะเป็นการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธ ตั้งด่านยึดรถทหารและตำรวจ ตรวจค้นเอาผิดกลุ่มประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง เป็นต้น
      
      
จึงกล่าวได้ว่าวิกฤตการณ์ประเทศไทยได้ขยายตัวรวดเร็วและรุนแรงจนเรียกได้ว่าเข้าสู่มิคสัญญีแล้ว แต่ในขณะเดียวกันรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงกลับยังไม่มีมาตรการที่สามารถยับยั้งและหยุดความเลวร้ายของวิกฤติการณ์ลงได้ ปล่อยให้การชุมนุมที่ผิดกฎหมาย และมีลักษณะก่อการร้าย ตลอดทั้งการก่อวินาศกรรมคุกคามสังคมและประชาชน เสมือนจับประชาชนเป็นตัวประกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
      
     
รัฐบาลในฐานะที่ต้องทำหน้าที่เป็นผู้ปกป้องประชาชนกลับไม่ได้ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ซ้ำร้ายรัฐบาลยังแสดงความอ่อนแอไม่บังคับใช้กฎหมาย จนเจ้าหน้าที่สับสน ฉวยโอกาสเฉื่อยงานกระทั่งเป็นไส้ศึกให้กับกลุ่มก่อการร้ายจนเกิดภาวะ สุญญากาศทางอำนาจ
      
      
สภาวะไร้ระเบียบทางทางการเมืองหรือ อนาธิปไตย ดังที่กล่าวมาข้างต้น พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงมีความเห็นและความจำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 70 เพื่อทำหน้าที่เป็นพลเมืองปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดังนี้
      

1. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเห็นว่าสถานการณ์ในขณะนี้กลุ่มคนเสื้อแดงได้ทำการยึดอำนาจรัฐในหลายพื้นที่ไปแล้วไม่ว่าจะเป็นการยึดรถทหารและตั้งด่านตรวจค้นที่จังหวัดขอนแก่น การบุกเผาที่ราชธานีอโศก การปิดถนนตรวจค้นประชาชนทั่วไปที่ถนนพหลโยธิน การก่อวินาศกรรมและความรุนแรงในหลายๆ พื้นที่ กลุ่มคนเสื้อแดงได้สถาปนาอำนาจรัฐเถื่อนขึ้นมาซ้อนอำนาจรัฐ แต่รัฐบาลกลับปล่อยให้ประชาชนเผชิญหน้ากับอำนาจรัฐเถื่อนตามลำพัง
      

2.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอเรียกร้องให้รัฐบาลประกาศจุดยืน นโยบายและกรอบปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมต่อการเอาผิดการชุมนุมที่ผิดกฎหมายและการก่อการร้าย โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำประเทศจะต้องแสดงให้เห็นถึงมาตรการและแนวทางที่ชัดเจนต่อการ กอบกู้วิกฤติการณ์ของบ้านเมืองในครั้งนี้ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีทราบดีว่าวิกฤติในขณะนี้เป็นวิกฤติความมั่นคงของประเทศ ซึ่งต้องใช้มาตรการทางการทหารและเป็นการยากที่จะแก้ด้วยวิถีทางการเมืองปกติ ซึ่ง ผบ.ทบ.ก็กล่าวยอมรับในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยว่าพร้อมปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลทุกประการ แต่ที่ผ่านมารัฐบาลยังไม่ได้ประกาศมาตรการที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการกับกลุ่มกลุ่มการร้ายอย่างไร จนสร้างความสับสนให้กับประชาชน
      

จนทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ แม้นายกรัฐมนตรีจะได้มอบอำนาจให้กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. รับผิดชอบศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการควบคุมสถานการณ์ก็ตาม แต่ทุกอย่างยังคลุมเคลือไม่รู้ว่าใครมีอำนาจสูงสุดเด็ดขาดในการสั่งการและจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในขณะนี้
      

3.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในจังหวัดที่มีพื้นที่สุ่มเสี่ยงและมีการสถาปนาอำนาจรัฐเถื่อนซ้อนอำนาจรัฐ และเพื่อให้มาตรการในการกอบกู้สถานการณ์บ้านเมืองเท่าทันและมีประสิทธิภาพ รัฐบาลและกองทัพจะต้องใช้มาตรการทางทหารโดยการประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่ที่จำเป็นเร่งด่วนเพื่อยุติการชุมนุมที่ผิดกฎหมายและจัดการกับกลุ่มก่อการร้ายโดยเร็ว
      

4.สำหรับแนวทางการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภายหลังจากครบเงื่อนไข 7 วันนั้น ที่ประชุมมีมติและกำหนดมาตรการเคลื่อนไหว 5 มาตรการโดยลำดับดังนี้
      

4.1 ขอให้พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วประเทศสนับสนุนและเข้าร่วมเป็นพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดินร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนกลุ่มต่างๆ และดำเนินการจัดตั้งกลุ่มทุกระดับทั้งในระดับหมู่บ้าน ระดับตำบล ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับภูมิภาค เพื่อทำหน้าที่เฝ้าระวัง ปกป้องชุมชนของตัวเอง ต่อต้านการกระทำที่ผิดกฎหมายและเป็นภัยต่อราชบัลลังก์และความมั่นคงของประเทศ
      

4.2 ขอให้พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทุกจังหวัดจัดกลุ่มและตัวแทนไปยื่นหนังสือให้กับหน่วยงานทหารในแต่ละจังหวัดเพื่อกระตุ้นสำนึกให้กองทัพและทหารออกมาทำหน้าที่ทหารหาญของชาติเพื่อจัดการขบวนการก่อการร้ายและการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย คืนความสันติสุขให้กลับคืนสู่สังคมไทยโดยเร็ว โดยนัดหมายยื่นหนังสือพร้อมกันทั่วประเทศหน้าหน่วยทหารในแต่ละจังหวัดเพื่อทวงถามนโยบายและแนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการจัดการกับขบวนการก่อการร้าย ในวันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ.2553 เวลา 10.00 น โดยแกนนำส่วนกลางจะไปยื่นหนังสือที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
      
4.3 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะจัดพิมพ์เอกสาร และซีดีเปิดโปงขบวนการล้มเจ้า และแผนการยึดอำนาจรัฐเพื่อทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเบื้องหลังของขบวนการก่อการร้าย เพื่อเผยแพร่ให้กับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศได้รับรู้ข้อเท็จจริงและสาเหตุของวิกฤติการณ์ในครั้งนี้
      

4.4 ขอให้พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วประเทศไม่สังฆกรรมกับกลุ่มผู้สนับสนุนการชุมนุมที่ผิดกฎหมายและการก่อการร้าย ไม่ซื้อขายสินค้าและต่อต้านธุรกิจในเครือของคนเสื้อแดง โดยให้ติดตามรายละเอียดในคำประกาศของพันธมิตรฯ อีกครั้งหนึ่ง
      
4.5 ขอให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในแต่ละจังหวัดที่มีความพร้อมจัดชุมนุมโดยสงบ สันติ และรณรงค์ในแต่ละจังหวัดให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องกับประชาชนทั่วไป
      
ทั้งนี้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะมีการประเมินสถานการณ์และมาตรการการเคลื่อนไหวเป็นระยะๆ และหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นจะยกระดับการเคลื่อนไหวให้มีความเข้มข้นขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งจะมีการประชุมรับฟังความคิดเห็นและมีการประเมินผลจากพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง จนกว่าความสงบสุขจะกลับคืนสู่สภาวะปกติ
      
       ด้วยจิตคารวะ
       พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
       26 เมษายน พ.ศ. 2553
       ณ บ้านพระอาทิตย์
 

 
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net