ศอฉ.สั่งตำรวจปิดถนนพระราม 4 ตั้งแต่แยกอังรีดูนังต์-แยกวิทยุ สกัดคนร่วมชุมนุม

21 เม.ย. 53 - เวลา 12.31 น. เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่าพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษา(สบ10 ) มีคำสั่งด่วนถึงผบช.น. ผบช.ภ.1 และ 7 ตามที่ ศอฉ.มีหนังสือด่วนมากถึง ศปก.ตร. ส่งแบบคำสั่งเรียกบุคคลที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ณ จุดตรวจ หรือด่านบริเวณรอบพื้นที่ชุมนุมใช้เป็นหลักฐานเรียกบุคคลที่กระทำความผิด เกี่ยวกับการชุมนุม โดยให้ประชาสัมพันธ์กลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่าจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการชุมนุมในเขตพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เพื่อมิให้เดินทางไปเข้าร่วมชุมนุม และชี้แจงให้ทราบถึงโทษของการกระทำดังกล่าวว่า หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากบุคคลดังกล่าวยังคงมีพฤติการณ์ที่จะเข้าร่วมชุมนุม ให้หัวหน้าจุดตรวจหรือด่าน ระดับสัญญาบัตรเป็นผู้ออกคำสั่งเรียกบุคคลนั้นไปพบพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานีตำรวจในท้องที่

นอกจากนี้ พล.ต.ต.บุญส่ง พานิชอัตรา รอง ผบช.น.ได้แจ้งผบก.จร.ผบก.น.5 และ 6 ผบก.อก.และ ผบก.ประจำ บช.น.ทราบและดำเนินการตามคำสั่งของ ผอ.ศอฉ.ให้เตรียมการปิดการจราจรโดยเด็ดขาดทั้งพื้นถนนและบนสะพานในถนนพระราม 4 ตั้งแต่แยกอังรีดูนังต์ถึงแยกวิทยุ เมื่อได้รับคำสั่งและเตรียมการแก้ไขปัญหาการจราจร และผลกระทบต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าว

ทั้งนี้ ผอ.ศอ.ฉ. แจ้งว่าเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายและการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในพื้นที่รับผิดชอบของ ศอฉ.บริเวณถนนสีลมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทันเวลา และสอดคล้องกับสถานการณ์ จึงให้ ศปก.ตร.เตรียมการปิดการจราจรโดยเด็ดขาดพื้นที่ถนนและบนสะพานในถนนพระราม 4 ( ตั้งแต่บริเวณแยกอังรีดูนังต์ ถึง แยกวิทยุ ) เมื่อมีสั่งการรวมทั้งเตรียมการรับผลกระทบต่อการดำเนินการดังกล่าว โดย ศอฉ.มอบหมายให้ ผบ.พล.ม.2 รอ.เป็นผู้รับผิดชอบในการประสานการปฏิบัติโดยตรงกับ ศปก.น.ในการปิดการจราจรดังกล่าว

ศปก.ตร.สรุปยอดเสื้อแดง 4 หมื่น เผย ศอฉ.สั่งตำรวจติดอาวุธ

มติชนออนไลน์รายงานว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)  เมื่อวันที่ 21เมษายน  พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ที่ปรึกษา (สบ10)  ประชุม ศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.) เพื่อติดตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ แห่งชาติ( นปช.) โดยกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ได้รายงานสภาพรวมทั่วไปของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยระบุว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา (20 เม.ย.) มีมวลชนเข้าร่วมการชุมนุมที่บริเวณแยกราชประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียงจำนวน ประมาณ 40,000 คน และมีการสร้างความมั่นคงของด่านตรวจอย่างต่อเนื่อง โดยมีการนำยางรถยนต์และไม้ไผ่ปลายแหลมมาเสียบเป็นแนวป้องกัน ส่วนมวลชนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) ที่เริ่มมีการตั้งเวทีคู่ขนาน เท่าที่ตรวจสอบมีที่ จ.สตูล มีผู้ชุมนุมประมาณ1,500 คน ในอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ประมาณ 500 คน ในกรุงเทพฯก็กลุ่มเสื้อหลากสีจำนวน 2,500 คน และพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังว่ามวลชนของทั้งสองฝั่งอาจมีการปะทะกัน ประกอบด้วย พื้นที่ใน จ.เชียงใหม่ อุดรธานี และพัทยา จ.ชลบุรี

รายงานข่าวจาก  ศปก.ตร.ระบุว่า ขณะนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ใช้กำลังตำรวจในการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวน 12,286 นาย และได้มีคำสั่งจาก ผอ.ศอฉ.ให้ตำรวจติดอาวุธ โดยระบุว่า ตำรวจ 1กองร้อย ให้บรรจุปืนลูกซองไว้จำนวน 10 กระบอก โดยแต่ละกระบอกต้องมีจำนวนกระสุน30 นัด พร้อมกันนี้ให้เฝ้าระวังในพื้นที่การชุมนุมอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ยังมีการประเมินว่า กลุ่ม นปช.มีศักยภาพในการเรียกผู้สนับสนุนได้อย่างรวดเร็ว โดยยกตัวอย่างว่า หากมีกลุ่มผู้ชุมนุม 20,000 คน ภายในหนึ่งชั่วโมง สามารถเรียกมวลชนได้เกือบ100,000 คน

ขณะที่มีรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่สถานทูตญี่ปุ่น ได้ประสานมายัง พล.ต.อ.ภาณุพงศ์  สิงหรา  ณ อยุธยา ที่ปรึกษา (สบ 10) เพื่อขอรายงานผลการชันสูตรศพของผู้สื่อข่าวชาวญุ่ปุ่น ที่ทางพฐก. ได้รายงานทางวาจาให้กับสำนักงานของ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ ทราบแต่ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ ได้ปฎิเสธไป โดยอ้างว่า รายงานผลอย่างเป็นทางการยังไม่เสร็จสิ้น

ศอฉ.เตรียมออกหมายจับเอี่ยวแดง 31 รายเบี้ยวหมายเรียก ระลอก 2 เรียกอีก 54 รวม 106 คน ย้ำสกัด นปช.เคลื่อนพล

ก่อนหน้านี้มติชนออนไลน์รายงานว่า พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงผลการประชุมศอฉ. ว่า ที่ประชุมได้มีการพูดใน 3 ประเด็น คือ ประเด็นที่ 1.หมายเรียกชุดที่หนึ่งที่ออกไปให้บุคคล 52 ท่านมาพบเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ข้อมูลข่าวสาร โดยมีบุคคลตามหมายเรียกมาพบแล้ว 21 ท่าน ยังไม่มาพบอีก 31 ท่าน ซึ่งในส่วนของกำลังพลศอฉ.จะประสานฝ่ายกฎหายและตำรวจว่า มีการดำเนินการส่งหมายเรียกเรียบร้อยหรือยัง หากมีการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว คงมีการปรับเปลี่ยนเป็นหมายจับในโอกาสต่อไป ส่วนหมายเรียกชุดที่สองจะเรียกมา 54 ท่าน รวมสองชุดมีทั้งหมด 106 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวิทยุชุมชน แท็กซี่ จักรยานยนต์ และการ์ดนปช.ที่ชัดเจนในที่อยู่

"ประเด็นที่ 2 บริเวณที่ชุมนุมแยกราชประสงค์ หลังจากที่สื่อมวลชนมีการนำเสนอให้เป็นที่ประจักษ์ว่า ไม่ปลอดภัย เพราะมีการสะสมอาวุธหลายรูปแบบ มีการจัดทำเป็นห้องประตูหอรบนั้น เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ซึ่งทางศอฉ.ได้ชี้แจงกับประชาชนไปแล้ว ดังนั้นต่อไปนี้ทางศอฉ. เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจจะดำเนินการอย่างเฉียบขาดไม่ปล่อยให้มีการเคลื่อนมวลชนไปในพื้นที่ ต่างๆอีกต่อไป และจะอยู่ได้แค่แยกราชประสงค์" พ.อ.สรรเสริญ กล่าว

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ประเด็นที่ 3 มีบางสำนักข่าวเสนอว่า กองพิสูจน์หลักฐานได้ชี้แจงข้อมูลลักษณะว่า นักข่าวญี่ปุ่นเสียชีวิตจากกระสุนทหาร ซึ่งตนได้ติดต่อกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เรียนกับพล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ ผู้บังคับการ และ พ.ต.อ.ธวัชชัย เมฆประเสริฐ รองผู้บังคับการ ซึ่งท่านบอกว่า ขณะนี้ยังอยู่ในการดำเนินการในเรื่องการตรวจสอบหลักฐาน ยังไม่ได้สรุปผลการตรวจ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท