ผมนอนไม่หลับมาหลายคืน เพราะเกรงว่า ทหารถือปืนจะมาล้อมปราบแก้แค้นและฆ่าประชาชนเรือนหมื่นที่ชุมนุมอยู่ที่แยกราชประสงค์ด้วยข้ออ้างว่ามีชายชุดดำ 5 คนทำให้ทหารตายเมื่อวันที่ 10 เมษายน
แม้มันเป็นเรื่องตลกสิ้นดี ที่กองทัพมาด้วยอาวุธพร้อมสรรพ และกระสุนจริงที่แสนหนักและเป็นภาระ แต่พยายามบอกและทำให้คนเชื่อเหลือเกินว่า “ไม่ได้ยิง” แม้จะตลกเหลือคณาที่ผู้เสียชีวิตรายแรกเกิดขึ้นก่อนการปรากฏตัวของนักรบชุดดำนานนับชั่วโมง แต่รัฐก็ยังป้ายสีว่า ผู้ชุมนุมมีผู้ก่อการร้ายมาทำทหารตาย ราวกับว่า ถ้าคุณไม่ยอมให้ทหารยิงและต่อสู้ คุณคือก่อการร้าย และทั้งๆ ที่ น่าสงสัยว่า รัฐตั้งใจจะปั้นข้อหาก่อการร้ายนี้ ผ่านเจตนาที่จะลายการชุมนุมในเวลาค่ำคืน หลอกคนชั้นกลางได้ ก็หลอกคนทั้งโลกไม่ได้ แม้กระทั่งตัวเองก็หลอกไม่ได้ ยังไม่ต้องนับขนาดสรรพาวุธระหว่างกองทัพและผู้ชุมนุมที่ราวมดกับช้าง แต่ก็ยังไม่ละอายที่จะประกาศว่า มดรังแกช้าง
ตลกและไร้ยางอายเอามากๆ ที่รัฐบาลป่าวร้องให้ประชาชนอย่าฟังสื่อด้านเดียว แต่รัฐกลับปิดสื่อทุกชนิดอย่างเหี้ยนเตียน ปล่อยคลิปวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เอาดารากระทิงแดงนวพลออกมาโลดเต้นผ่านสื่อยานเกราะ 2553 เพ่นพ่าน และสร้างมวลชนที่รับฟังสื่อด้านเดียวที่สนับสนุนรัฐและกองทัพให้ฆ่า ฆ่า และก็ฆ่า
มีฉากที่เราจะจินตนาการถึงมากมาย หากมีการล้อมปราบผู้ชุมนุมที่ราชประสงค์ หรือมีการรัฐประหาร หลังการนองเลือดใหญ่ การวินาศกรรมที่ส่งผลเสียหายต่อสถานที่ราชการและธนาคารใหญ่ๆ ที่สนับสนุนรัฐบาลและพันธมิตรฯ จะกลายเป็นเรื่องพื้นๆ ที่เป็นภารกิจของคนเสื้อแดงทั้งมวลโดยที่รัฐอาจจะไม่มีวันจับตัวผู้กระทำได้
ขณะที่ผู้ลงใต้ดิน หันไปติดอาวุธ จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อวินาศกรรมกลุ่มบุคคลที่สนับสนุนอำมาตย์โดยมุ่งหมายต่อชีวิต เราอาจจะจินตนาการได้ถึงการวินาศกรรมสื่อกระบอกเสียงบางสำนัก วางระเบิดห้องทำงานมุ่งหมายชีวิตอธิการบดีมหาวิทยาลัยบางแห่ง ลอบสังหารผู้นำมวลชน สีเหลือง ฆ่าสื่อมวลชนไร้จรรยาบรรณหลายคน รวมถึงผู้นำภาคประชาสังคมที่สนับสนุนให้เกิดโครงสร้างความรุนแรง เราอาจจะเห็นการลอบสังหารผู้นำรัฐบาล ผู้นำกองทัพ อย่างได้ผลเนื่องสายลับเสื้อแดงที่มากมายมหาศาล และแน่นอนเราก็จะเห็นการกวาดล้างชนิดที่ไม่มีขือมีแปเกิดกับฝ่ายเสื้อแดงเป็นการตอบแทน ในที่สุด สถานการณ์สงครามกลางเมืองจะนำซึ่งการประกาศแยกดินแดนของ 3 จังหวัดภาคใต้ และลามไปสู่ภูมิภาคอื่นของประเทศ
พูดจริงๆ นะครับ เราต่างก็รู้ว่า ฉากจินตนาการนี้ใกล้ที่จะเป็นจริงมากกว่า สันติภาพที่เป็นยิ่งกว่าความฝันเสียอีก
แต่ในท่ามกลางความเป็นจริงที่เขยิบมาใกล้ทุกทีๆ เราจำเป็นต้องมีความฝันถึงทางสู่สันติ
ผมไม่มีอะไรจะเสนอกับรัฐบาลและกองทัพมือเปื้อนเลือด เราอาจจะไม่จำเป็นต้องสนทนาวิสาสะกับนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือสุเทพ เทือกสุบรรณ อีกแล้ว ไม่ว่าวันนี้จะยังไม่มีสื่อเรียกเขาว่าทรราชย์ วันหน้าที่ผู้คนชั้นต่ำๆ อย่างคนเสื้อแดงมีค่าทัดเทียมกับผู้คนอื่นๆ อันเป็นสัจจะ มีพลังทางการตลาดมหาศาล วันนั้น ‘ทรราชย์’ ก็จะเป็นคำนำหน้าชื่อให้กับนายกฯ ที่อาจจะมีคนเกลียดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย หากยังไม่ยอมออกมารับผิดชอบในความขลาดเขลาของตนอย่างเลี่ยงไม่พ้น
ผมตั้งใจจะสื่อสารกับคนเสื้อแดงและแกนนำ และเช่นเดียวกับมวลชนคนเสื้อแดงทั้งหลายคิดคือ ‘ไม่ถอย’ หากแต่เราจำเป็นต้องคิดถึงอนาคตยาวไกลในสงครามชิงมวลชนที่จะเกิดขึ้นในยุคสงครามกลางเมือง
มาบัดนี้ พวกท่านมีความจำเป็นต้องรุกครั้งใหญ่และแหลมคมมากกว่าเดิม กระทั่งกล้าหาญมากกว่าเดิม การเสียชีวิตของคนเสื้อแดงและทหารที่ถอดร่างเป็นวีรชน 24 ราย จะเป็นวิญญาณและสปิริตให้คนเสื้อแดงและมวลชนได้ต่อสู้ แต่เราต่างก็รู้ว่า เราไม่ต้องการมีวีรชนเพิ่มเติมอีก กระนั้นเราก็มั่นใจได้ถึงความอำมหิตของรัฐ กองทัพที่ไม่ยอมรามือ และพร้อมจะปิดประเทศปกครองด้วยระบบอภิสิทธิ์
เมื่อจำต้องสู้ อะไรคืออาวุธของคนเสื้อแดงที่ทรงพลังที่สุดที่มีในขณะนี้ มวลชนอันฮึกเหิมที่พร้อมจะสู้ตายหรือ หรือกองกำลังชุดดำ หรือทหารแตงโม ตำรวจมะเขือเทศ
เปล่าเลย อาวุธที่ทรงพลังคือ ความได้เปรียบทางความชอบธรรมที่รัฐไม่อาจจะมีหรือบิดเบือนได้หลังปราบปรามเข่นฆ่าผู้คน หรือหากยังไม่ลงใจว่า คือการปราบปรามเข่นฆ่าผู้คน อย่างน้อยไม่ว่าแดง เหลือง กระทั่งกลุ่มคนหลากสี รู้ดีว่า จะอย่างไรเสีย การเสียชีวิตของผู้คนอย่างน้อย 24 คน รัฐและนายกฯผู้สั่งการต้องมีความรับผิดชอบ
เมื่อมันคืออาวุธที่ทรงพลังก็จงเอามันออกมา และปิดปากผู้คนที่เชียร์ให้เข่นฆ่า เพียงเพราะความมืดบอดถึงหนทางที่เขาจะจัดการกับผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง
ผมเสนอให้คนเสื้อแดง ปลุกการรุกทางสันติวิธีครั้งใหญ่ เดินทัพจากราชประสงค์คืนสู่ผ่านฟ้า ยื่นกำหนดเวลา 7 วัน หากรัฐไม่ลาออกหรือยุบสภา คนเสื้อแดงจะ ‘ขอคืนพื้นที่’ ราชประสงค์
เมื่อรุกกลับไปที่ผ่านฟ้า รัฐบาลจะต้องเผชิญกับคำถามเรื่อง การเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, การปิดกั้นสื่อ, และความรับผิดชอบที่มีต่อการสลายการชุมนุมที่ผ่านฟ้า อันเป็นสถานที่รัฐไม่ได้มองว่ามันเป็นปัญหาในการชุมนุม
ไม่เป็นไร หากรัฐจะยังไม่ตอบรับข้อเสนอ อย่างน้อย ‘ราชประสงค์’ ที่สื่อและคนชั้นกลางไม่เคยคิดว่ามันเป็นของคนเสื้อแดง ก็จะกลายเป็นของผู้ชุมนุมเสื้อแดงอย่างชอบธรรม
อย่างน้อยกองทัพและพันธมิตรก็จะไม่มีเหตุผลในการมีงานทำ และกลับกรมกองสำนึกผิด ไม่ต้องออกมายุ่งกับการเมือง พัฒนาตัวเองให้เป็นมืออาชีพ ให้ประชาชนทุกฝ่ายได้หายใจหายคอ และให้อภิสิทธิ์-สุเทพ-ประชาธิปัตย์ กอดคอหาทางสู้กันเองโดยลำพัง
ย้ำอีกครั้ง นี่คือการรุก ไม่ใช่การถอย และเป็นเรื่องที่แกนนำคนเสื้อแดงและมวลชนมีสิทธิพิจารณาโดยสิทธิขาด
ผมเพียงแต่เห็นว่า การกดดันรัฐไม่จำเป็นต้องรุกสู่พื้นที่อื่น ไปสีลม หรือไปสนามบิน อันเป็นหนทางที่พันธมิตรเคยใช้ แล้วไง...แต่พื้นที่ราชประสงค์เพียงพอแล้ว เพราะรัฐได้ปั่นกระแสมูลค่าเพิ่มให้กับแยกราชประสงค์เอง
เมื่อมันสำคัญดังที่ปั่นขนาดนั้น รัฐต้องยุบสภาและลาออกใน 7 วัน ก่อนที่คนเสื้อแดง จะไปขอพื้นที่คืน