Skip to main content
sharethis

‘สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์’ เผยพันธมิตรฯ ประชุมใหญ่ 18 เม.ย. เพื่อฟังมติมหาชนของคนทุกสีที่ต้องการให้รัฐบาลไม่ยุบสภาและไม่ลาออก หาวิธีให้รัฐบาลอยู่ทำงานต่อ ชี้ 10 เม.ย. เป็นเสียงปืนแตกกลางพระนครกองกำลังไม่ทราบฝ่ายทำให้ทหาร 243 กองร้อยถอยร่น  ‘พิภพ ธงไชย’ ชี้เสื้อแดงเป็นทุนนิยมอาชญากรรม ต้องการสงครามกลางเมือง

ASTVผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า เมื่อวานนี้ (16 เม.ย.) รายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ทางสถานีโทรทัศน์ ASTV ช่วงเวลา 20.30-21.30 น. มีนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้มีการเชิญ นายพิภพ ธงไชย และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาร่วมพูดคุยและวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมือง 

นายปานเทพ กล่าวเปิดประเด็นถึงกรณีการจัดประชุมเครือข่ายพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ 76 จังหวัด "ฝ่าวิกฤตประเทศไทย ปฏิรูปใหญ่เพื่อชาติ" ในวันอาทิตย์ที่ 18 เม.ย.นี้

 

สมเกียรติเผยพันธมิตรประชุม 18 เม.ย. หาวิธีให้รัฐบาลได้ทำงานต่อ

นายสมเกียรติ กล่าวประเด็นนี้ว่า พันธมิตรฯ เคยผ่านการชุมนุมมายาวนาน เพื่อปกป้องชาติและสถาบัน ซึ่งในวันอาทิตย์นี้เช่นเดียวกัน ประเทศไทยอยู่ในภาวะที่จะปล่อยกองทัพไปตามลำพังก็ไม่ได้ จะปล่อยรัฐบาลไปตามลำพังก็ไม่ได้ ดังนั้น จึงต้องฟังมติมหาชนของพี่น้องทุกสีที่ต้องการให้รัฐบาลไม่ยุบสภาและไม่ลาออก โดยคำถามต่อไปคือ ต้องหาวิธีทำอย่างไรให้รัฐบาลชุดนี้ทำงานต่อ จึงต้องเชิญพี่น้องทุกกลุ่มมาร่วมสำแดงพลัง เพราะเวลานี้ประเทศตกอยู่ในสงครามอันเลวร้ายที่มีความพยายามจะเปลี่ยนแปลง บ้านเมือง

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนได้ติดตามการเคลื่อนไหวของเครือข่ายปกป้องแผ่นดิน ทำให้เห็นว่าประเทศไทยกำลังเติบโตขึ้นทางด้านศีลธรรม โดยวันนี้ไม่ได้ตื่นขึ้นแค่คนเสื้อเหลือง แต่ได้แผ่กระจายไปยังคนเสื้อทุกสี ดังนั้น มันสะท้อนว่าการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ มาถูกทาง เพราะช่วยเปิดโปงระบบทุนนิยมสามานย์ที่เวลานี้มีเป้าหมายเกินกว่าการยุบสภา ซึ่งมาอ้างว่าทำเพื่อรักษาประชาธิปไตย แต่จริงๆมีการออกแบบการต่อสู้อื่นๆ

 

อ้าง 10 เม.ย. มีกำลังไม่ทราบฝ่ายเป็นลำรถบรรทุก ทำให้ทหาร 243 กองร้อยต้องถอยร่น

ทั้งนี้ หากยังจำได้เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา กลุ่มคนเสื้อแดงได้ประกาศสถาปนารัฐไทยใหม่ และวันรุ่งขึ้น 9 เม.ย. รัฐบาลถูกตราหน้าหาว่าหน่อมแน้มไม่ทำอะไรเลย วันต่อมา 10 เม.ย. รัฐบาลไม่กล้าใช้คำว่าสลายการชุมนุม ระบุเพียงว่าเป็นการขอพื้นที่คืน ซึ่งวันนั้นกองกำลังไม่ทราบฝ่ายขนกันมาเป็นรถบรรทุกจนทหาร 243 กองร้อยจำเป็นต้องถอยร่นออกมา ปฏิบัติการนี้เรียกว่าเสียงปืนแตกกลางพระนคร

"วันนี้รัฐได้ยินยอมใช้คำว่าผู้ก่อการร้ายและพื้นที่แยกราชประสงค์ อันตราย รวมทั้ง กลุ่มคนเสื้อแดงเป็นฝ่ายติดอาวุธทุกสถานการณ์ ชิงยกระดับเป็นการชุมนุมแบบก่อการร้าย รัฐบาลจึงใช้กฎหมายมั่นคงเรียกหัวโจกมารายงานตัว ซึ่งบัดนี้แกนนำคนสำคัญยังไม่ปรากฏตัว ดังนั้น การประชุมวันอาทิตย์นี้ จึงเป็นการกำหนดท่าทีว่าเราควรแสดงพลังว่ารัฐบาลชุดนี้ควรเดินหน้าสู้ต่อไป หรือยอมจำนน พี่น้องประชาชนต้องตอบคำถามนี้" นายสมเกียรติ กล่าว

 

ยัน นพ.ตุลย์ เคลื่อนไหวเองไม่ได้ติดต่อแกนนำพันธมิตรฯ

นายพิภพ กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า วันนี้กรณีคนหลากสีแสดงออก มีการรู้กันภายในว่ารัฐบาลต้องการจะหมายให้เป็นกลุ่มคนเสื้อเหลือง ซึ่งพันธมิตรฯ ระวังประเด็นนี้มากเป็นพิเศษ เพราะอยากให้เป็นการแสดงออกของคนเสื้อหลากสี เพื่อแสดงพลังว่าทุกกลุ่มต้องการแก้ไขปัญหาร่วมกัน

นายสมเกียรติ กล่าวถึงกรณีการแสดงออกของกลุ่มคนเสื้อหลากสี นำโดย นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ มีคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่เป็นแนวร่วมพันธมิตรฯ ว่า ประเด็นนี้ตนอยากชี้แจงว่า การรวมตัวกันดังกล่าว ไม่ได้มีการติดต่อหรือปรึกษามายังแกนนำพันธมิตรฯ แต่สิ่งที่กระทำดังกล่าวได้สร้างความสุขใจที่ได้พบเห็นการแสดงเสรีภาพดัง กล่าว

 

พิภพชี้เสื้อแดงเป็นทุนนิยมอาชญากรรม ต้องการสงครามกลางเมือง

นายพิภพ กล่าวถึงท่าทีพันธมิตรฯว่า การที่ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะเมื่อก่อนพันธมิตรฯเคยต่อสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เวลานี้ประเด็นดังกล่าวมันไม่ใช่แค่นั้น กลับกลายเป็นระบอบทุนนิยมสามานย์เปลี่ยนเป็นทุนนิยมอาชญากรรมที่มีพวกฝ่าย ซ้ายหัวรุนแรงเข้ามาร่วมปฏิบัติการ มีผู้ใช้อาวุธสงครามอย่างชัดเจน พวกนี้ต้องการประกาศสงครามกลางเมือง เหมือนเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ถือเป็นวันเสียงปืนแตกได้ โดยคราวนี้มันไม่ใช่เรื่องของพันธมิตรฯ กับพ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันชาติบ้านเมืองด้วย เนื่องจากมีความคิดเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองหรือจะเป็นการสถาปนารัฐไทยใหม่

นายพิภพ กล่าวต่อว่า การต่อสู้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าเอาประชาชนเป็นโล่และสุดท้ายก็กลายเป็นเหยื่อความรุนแรง ดังนั้น ต้องมีการตีความใหม่ว่าเป็นการต่อสู้แบบประชาธิปไตยหรือไม่ ถ้าไม่ตีความตรงนี้ ก็จะกล่าวหารัฐได้ว่าทำอะไรไม่ได้ เพราะพวกนี้สู้แบบประชาธิปไตย แต่เมื่อเห็นวันที่ 10 เม.ย. มันชัดเจนว่ามีกลุ่มคนติดอาวุธ จึงไม่ใช่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแล้วแต่เป็นการต่อสู้เพื่อยึดอำนาจรัฐ

 

ไม่ใช่สันติอหิงสากลายเป็นการก่อการร้าย อนุพงษ์เป็น ผอ.ศอฉ.คือดึงทหารมานำการเมือง

นายพิภพ กล่าวว่า ดูเหมือนรัฐมีความล้มเหลวในวันที่ 10 เม.ย. ขณะเดียวกันเป็นการเปิดหน้าของขบวนการทักษิณ ชินวัตร ที่มีการใช้อาวุธสงคราม จนทำให้คำว่าสันติอหิงสามันหายไปทันที โดยเปลี่ยนมาเป็นขบวนการก่อการร้ายแทน

นายพิภพ กล่าวถึงกรณีปฏิบัติการจู่โจมจับแกนนำคนเสื้อแดงที่ รร.เอสซีปาร์ค ว่า ตนไม่มั่นใจว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง รู้หรือไม่ว่ากำลังใช้นายตำรวจในระบอบทักษิณเข้าไปดำเนินการ ซึ่งข่าวมันรั่วตั้งแต่ตี 4 เพราะฉะนั้น วันนี้ไม่ใช่ปัญหาการเมือง มันเป็นการก่อการร้าย วันนี้กลายเป็นปัญหาประเทศชาติ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. จึงต้องลงมาช่วย เสมือนเป็นการเปลี่ยนแผนใช้ทหารขึ้นมานำการเมือง

 

ที่มา: เรียบเรียงจาก

"พิภพ" เชื่อ นายกฯ ปรับทัพเอา "ป๊อก" เสียบ ชูทหารนำการเมืองต่อกร "อาชญากรแม้ว", ASTVผู้จัดการออนไลน์, 17 เมษายน 2553 http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000052618

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net