Skip to main content
sharethis

11 เม.ย. 53 - ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) แถลงข่าวเมื่อเวลา 14.45 น. โดยนายปณิธาน วัฒนายากร รักษาโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รัฐบาลขอยืนยันว่าจะมุ่งมั่นและเดินหน้า คลี่คลายสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ดูแลความปลอดภัยให้ประชาชน พร้อมรักษากฎหมายทำให้ประเทศกลับสภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

กองกำลังทหารได้กลับเข้าที่ตั้งหน่วยและสังกัดเรียบร้อยแล้ว เพื่อปรับกำลัง ตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ ตรวจอาวุธที่โดนขโมยไป บัญชีอาวุธที่หายไป จะได้ดำเนินการติดตามนำคืนมา

สำหรับจำนวนผู้บาดเจ็บของเจ้าหน้าที่ของศอฉ.บาดเจ็บกว่า 200 คน สาหัส 90 คน เสียชีวิต 4 คน เป็นนายทหารระดับนายพัน 1 คนและจากการรวบรวมหลักฐานเบื้องต้นจากภาพถ่าย ทางศอฉ.จะได้ชี้แจงข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขขึ้นในช่วงเวลาเย็นและค่ำ เบื้องต้นได้พบว่ามีการใช้แก๊สน้ำตาแบบยิงที่เป็นคนละแบบกับของเจ้าหน้าที่

นายปณิธาน กล่าวว่า พบมีระเบิดหลายชนิดเอ็ม 79,67 อาวุธประดิษฐ์  ปืนกล อาก้าและเอเค 47 มีการบันทึกภาพของกลุ่มคนที่ไม่ใช่ทหารอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมมีปืนกลด้วย

ทางศอฉ.จะได้ทยอยแจ้งให้สาธารณชนรับทราบต่อไปขอยืนยันว่าการใช้อาวุธของ เจ้าหน้าที่เป็นไปตามกฎและหลักสากลที่ได้วางไว้ ป้องกันตัวเอง ยิงขึ้นฟ้า ไม่มีหลักฐานนเจ้าที่ใช้อาวุธกับประชาชน โดยรัฐบาลพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ตรวจสอบ

เบื้องต้นในกรณีที่จะต้องชันสูตรศพให้มีการตั้งบุคลากรจากนิติวิทยา ศาสตร์ของตำรวจ,นิติวิทยาศาสตร์ของสถาบันการศึกษา,กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อ  รวมทั้งกลุ่มที่เป็นกังวลว่าการชันสูตรจะไม่ได้รับความเป็นธรรมก็สามารถร่วม เป็นกรรมการชันสูตร

"รัฐบาลขอยืนยันจะคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็วที่สุด โปร่งใสยุติธรรม รอบครอบและระมัดระวังที่สุด"

รองนายกรัฐมนตรียืนยันรัฐบาลเดินหน้าบริหารประเทศชาติเพื่อให้เกิดความสงบสุขแก่ส่วนร่วม

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา  เวลา 14.00 น. ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน กรมพลทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ศอฉ. กล่าวถึงเหตุการณ์ปะทะกันในระหว่างการเข้าสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิตทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมและทหารว่า ในฐานะที่เป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ดูแลเรื่องความมั่นคง นั้น ได้ยึดหลักการว่า ต้องทำให้กฎหมายบ้านเมืองใช้บังคับได้ แต่หลักเลี่ยงไม่ให้มีการสูญเสีย การปฏิบัติการดังกล่าวไม่ใช่การสลายการชุมนุม เพียงแต่จะขอพื้นที่คืนจากลานพระบรมทรงม้า จนถึงบริเวณสี่แยก จปร. เพื่อให้การจราจรที่มาจากฝั่งธนบุรีกับกรุงเทพฯ สามารถทำได้สะดวกขึ้น พร้อมกล่าวว่า "ผู้ชุมนุมอาจจะมาด้วยความเชื่อ ด้วยเหตุที่มีคนให้ข้อมูลข่าวสารด้านใดด้านหนึ่ง และเข้าใจผิดก็ออกมาต่อต้าน แต่การต่อต้านของผู้ชุมนุมไม่ได้ทำให้เกิดโศกนาฎกรรมอะไร เพียงแต่ว่าในกลุ่มของผู้ที่มาชุมนุมได้วางแผนไว้แล้ว และก็แฝงตัวเข้ามาดำเนินการ จะเรียกว่า การชุมนุมมีภาพซ้อนหลายมิติ แฝงกันมาหลายกลุ่ม ทราบกันหรือไม่ทราบกัน ผมก็ตอบไม่ได้ แต่ว่าในวันข้างหน้าในการสืบสวนก็จะชัดเจนเอง คนที่แฝงมามีอาวุธสงคราม ทั้งปืนอาก้า เอ็ม 16 เอ็ม 79 พอได้จังหวะยิงเข้ามาใส่ ผมได้ติดตามดูจากการถ่ายทอดสื่อมวลชน และที่ประชาชนส่งมา บางภาพยิงถูกผู้ชุมนุมกันเอง บางภาพยิงถูกประชาชนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย บางภาพก็ยิงทหาร มันทำให้เกิดการสูญเสีย ในฐานะคนที่รับผิดชอบขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวผู้ที่ต้องสูญเสียไม่ว่าพลเรือน ทหารและผู้สื่อข่าว"

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหลายฝ่ายแสดงความเป็นกังวล เสนอแนวทางว่าควรมีการเจรจานั้น รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลพยายามที่จะเจรจาอยู่แล้ว นายกรัฐมนตรีเองก็ได้ลงไปเจรจาด้วยตัวเองมาแล้ว ไม่เคยมีประเทศไหน และการเจรจาทำต่อหน้าประชาชน มีการถ่ายทอด และผลก็เป็นอย่างที่ได้เห็น แต่ถ้าจะมีการเจรจากันอีกรัฐบาลก็ยินดี เพื่อให้บ้านเมืองคืนสู่ความสงบสุข

ผู้สื่อข่าวถามว่า เท่ากับว่ารัฐบาลยอมจำนนกับความรุนแรงที่เขาทำให้หวั่นกลัว จนทำให้ต้องยอมกลุ่มคนเสื้อแดง รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การรักษากฎหมายบ้านเมือง การรักษาความเรียบร้อยยังเป็นหน้าที่ของรัฐบาลอยู่ แต่ต้องแยกกัน 2 อย่างคือ 1.ต้องทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย ให้พีน้องประชาชนใช้ชีวิตได้ตามปกติสุข ใครทำผิดก็ว่ากันตามกฎหมาย 2.กรณีที่เป็นเรื่องการเมืองก็ต้องเจรจากัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ผู้ชุมนุมบอกว่า จะเกิดสงครามกลางเมือง มีการพูดถึงกองกำลังติดอาวุธ และวันนี้เป็นบทสรุปสถานการณ์การชุมนุมในวันนี้หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังไม่ใช่บทสรุป แต่เรื่องนี้ได้พูดกับสื่อมวลชนไว้แต่ต้นว่า เขามีการเตรียมการอย่างนี้ไว้จริง ๆ มีการพยายามที่จะตั้งกองทัพประชาชน มีกองกำลังติดอาวุธ และมีเรื่องที่จะก่อวินาศกรรม เพียงแต่ว่าเหตุการณ์เมื่อวันเสาร์เกินการคาดการณ์กว่าที่คิดไว้ และไม่คิดว่า คนไทยด้วยกันจะโหดเหี้ยมอำมหิตกันอย่างนี้ และทำร้ายพี่น้องร่วมชาติ ทำร้ายประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ระบุว่ามีคนเตรียมการนี้ไว้ รัฐบาลหาเจอหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กำลังทำงานอยู่ มีทีมงานสืบสวนสอบสวนรวบรวมข้อมูล ดำเนินการตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่ดูแลด้านความมั่นคง คิดว่าปัญหาความมั่นคง ไปไกลกว่าการเปลี่ยนแปลงตามการเมืองปกติ ในเรื่องการยุบสภา แต่พยายามเปลี่ยนโครงสร้างการปกครองอยู่หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า บางฝ่ายคิดอยากจะเปลี่ยนแปลงไปตามใจที่เขาปรารถนา ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับคนไทยส่วนใหญ่ แต่ในส่วนของรัฐบาลต้องยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และต้องต่อสู้เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดของประเทศไทย ต้องช่วยกันทำหน้าที่ ไม่ใช่แค่ฝ่ายรัฐบาล แต่ประชาชนด้วยที่ต้องพูดกันตามความเป็นจริง ขณะนี้มีการบิดเบือนพยายามสร้างภาพให้เห็นผิดไปจากข้อเท็จจริง มีการปลุกปั่นให้โกรธกันมากขึ้น แค้นกันมากขึ้น ไม่เป็นประโยชน์เลย อยากบอกให้พี่น้องกลับบ้านไป ขอบ้านเมืองสงบเรียบร้อยสักระยะ อะไรที่เป็นเรื่องทางการเมืองมาว่าตามวิถีทางทางการเมือง แล้วอะไรที่แฝงตัวมาทำความผิดคือ ผู้ก่อการร้าย อย่างนี้ต้องดำเนินการตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องมีการประกาศกฎอัยการศึกเพื่อจัดการกับผู้ก่อการ้ายเหล่านี้หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่ไปไกลถึงขณะนั้นในเวลานี้ เพราะกฎหมายบ้านเมืองที่มีอยู่พอจะนำมาใช้แก้ปัญหาได้ ที่สำคัญกลไกของรัฐบาลทั้งหลายต้องทำงานให้เต็มที่ เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานให้แข็งแรงช่วยเหลือประชาชนได้ ยามวิกฤตอย่างนี้ คิดว่ากฎหมายอะไรก็ใช้ไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าคนไม่เชื่อฟัง และคนรักษากฎหมายไม่สามารถดำเนินมาตรการบังคับใช้กฎหมายได้ ก็ต้องแก้กันไป และคิดว่า ต้องอดทนกันทุกฝ่าย มีสติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นการบีบให้รัฐบาลต้องใช้อาวุธในการปราบปรามหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เคยมีความคิดจะไปปราบปรามเข็นฆ่าปาระชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการตรวจสอบเชิงลึกอาวุธที่นำมาจากสมุทรปราการหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการข่าวบอกว่ามีมาจากสมุทรปราการ และสุรินทร์บ้าง และให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปสอบสวน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เงื่อนไขของกลุ่มผู้ชุมนุมขอให้ยุบสภาและให้นายกฯ ออกนอกประเทศ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องถามประชาชนทั้งประเทศว่าเห็นอย่างไร เมื่อถามว่าแนวทางดำเนินการในการทวงคืนพื้นที่ครั้งต่อไปเป็นอย่างไร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพื่อลดดีกรีความร้อนแรง ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปพักฟื้น ฟื้นฟูกำลังพลก่อน ซึ่งจะใช้เวลาฟื้นฟูไม่นาน เพราะเขาทำงานหนัก และได้รับผลค่อนข้างรุนแรง และมีความเสียใจมาก เพราะได้เป็นคนบอกให้เจ้าหน้าที่เหล่านี้ออกไปปฏิบัติหน้าที่ด้วยมือเปล่ามีเพียงโล่และกระบอง เสียใจอย่างยิ่งที่เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ และเสียชีวิต และเข้าใจความรู้สึกของเจ้าหน้าที่เหล่านั้นดีว่าเขาเสียสละต่อบ้านเมือง เขามาทำหน้าที่ปกป้องระบอบประชาธิปไตย แล้วทำไมต้องไปทำกับเขาอย่างนั้น เขาไม่คิดทำร้ายประชาชนเลย ได้มีการพูดกับเจ้าหน้าที่ตลอดเวลาว่า ประชาชนไม่ได้เป็นศรัตรู แต่ก็ต้องมาเสียชีวิต บางคนมีความหมายมีความสำคัญกับครอบครัว เป็นหลักของครอบครัว บางคนเป็นผู้ที่มีอนาคต เป็นคนดีมีฝีมือ เป็นคนสำคัญของกองทัพ ชีวิตของพี่น้องประชาชนที่บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบไปด้วยยิ่งเป็นที่น่าเสียใจมากกว่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพราะการตัดสินใจทางการเมือง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่อยากให้มองอย่างนั้น อยากให้ทุกฝ่ายไปลำดับเหตุการณ์และทบทวนให้ดีก็จะได้คำตอบ และชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีสื่อมวลชนอยู่ในสถานที่บริเวณนั้นมากมาย และมีภาพที่ชัดเจน เพราะฉะนั้นสื่อต้องนำเรื่องนี้มาเผยแพร่ให้พี่น้องประชาชนได้เห็น เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการดึงอาวุธปืนที่ดึงไปจากเจ้าหน้าที่ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็เป็นห่วง และต้องหาทางแก้ไขปัญหา และได้บอกกับรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า ตำรวจต้องช่วยนำอาวุธที่ถูกยึดกลับมา ถ้าถูกนำเอาไปใช้ก่อเหตุร้ายก็จะทำให้บ้านเมืองยิ่งมีปัญหามากขึ้น เมื่อถามว่าจะทำให้รัฐบาลทำงานยากขึ้นหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทำยากอยู่แล้ว แต่จะพยายามพูดจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้สื่อข่าวถามว่า หากปล่อยให้การชุมนุมยืดเยื้อออกไปจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นจำเลย รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็ต้องยอมรับ เพราะได้ทำงานและต้องอธิบายให้สาธารณชนได้ทราบด้วย พยายามคลี่คลายและอธิบายนำข้อเท็จจริงมาให้ประชาชนได้ทราบ และนายกรัฐมนตรีได้เรียนไปแล้วทุกขั้นตอนที่รัฐบาลทำจะรายงานให้ทราบเป็นระยะ และทำทุกอย่างโปร่งใส เมื่อถามว่ารัฐบาลยังยึดความอดทนอยู่หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องอดทน พี่น้องประชาชน ทหาร ตำรวจก็อดทน

ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้เสถียรภาพรัฐบาลสั่นคลอนหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มั่นใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลเข้าใจเหตุการณ์ดีว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะทุกขั้นตอนในการตัดสินใจในการดำเนินการได้เรียนให้พรรคร่วมรัฐบาลทราบตลอด แม้แต่ในวันที่เราประกาศ พ.ร.ก.

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการเจรจากับกลุ่มนปช.เรื่องที่จับทหาร 4 นายเป็นตัวประกันหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.วิชัย สังขไพ ผบก.น1 ไปเจรจาเพื่อขอตัวคืนมา เพราะจับทหารไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ทหารเหล่านั้นก็เป็นลูกหลานประชาชน ตนไม่ทราบว่ามีเหตุผลอะไรจึงจับตัวไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำงานของรัฐบาลก็ถือว่าเป็นความรับผิดชอบร่วมกันไม่ใช่ให้นายกฯ และพรรคประชาธิปัตย์รับผิดชอบอย่างเดียว รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรารับผิดชอบร่วมกันมาตลอด ทุกขั้นตอนปรึกษาหารือกันตลอด และจะทำอย่างนั้นต่อไป

เมื่อถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะความผิดพลาดของ ศอฉ.หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะทำงานต่อไป เราไม่มีสิทธิ์ที่จะท้อแท้ ท้อถอย ต้องปฎิบัติหน้าที่ให้สมบูรณ์ เดินหน้าปฏิบัติหน้าที่ไป อย่างไรก็ตามการตัดสินใจสลายการชุมนุมขึ้นอยู่กับมุมมอง แต่ส่วนมากก็เห็นว่าเหตุการณ์นี้ยืดเยื้อมา 20 กว่าวันแล้ว รัฐบาลมัวแต่เจรจา และถอยอยู่ แต่พอรัฐบาลทำไปแล้วมันก็เกิดปัญหาขึ้น ก็มีคนตำหนิก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ตนคิดว่าประเทศไทยวันนี้จ้องตำหนิกันคงไม่ได้ แต่ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องมีคนรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่ต่อการตัดสินใจครั้งนี้ หรือใจร้อนเกินไปหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีอะไรใจร้อน ก่อนตัดสินก็ดูความเป็นไปได้ต่าง ๆ นานา จะเห็นว่าตอนที่เข้าไปยึดสถานีไทยคม ก็พยายามที่จะถอยยอม ซึ่งเสียหายต่อเกียรติภูมิของทหาร และกองทัพมากที่ยอมจำนน เพราะประชาชนหวังว่าเราจะต้องยึดไว้ได้ ทหารก็ยอม แต่ว่าพื้นที่ในถนนราชดำเนิน และถนนราชประสงค์รัฐบาลไม่ดำเนินการประชาชนก็จะรู้สึกว่ารัฐบาลยอมให้จับคนกรุงเทพฯมาเป็นตัวประกัน แล้วนานแค่ไหนถึงจะมีคำตอบ เราก็ต้องตัดสินใจทำ แต่ว่าที่ทำไม่ใช่เพราะว่ามีใครกดดัน แต่เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องทำในการรักษาบ้านเมือง

ผู้สื่อข่าวถามว่า การสูญเสียต้องมีคนรับผิดชอบหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นปกติไม่มีปัญหาอะไร เวลาสอบสวนและทำรายงานข้อเท็จจริงสาธารณะก็จะรู้ว่าการรับผิดชอบจะเป็นอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้นำเหล่าทัพอึดอัดต่อท่าที่ในการตัดสินใจครั้งนี้หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าไม่มี ผู้นำทางทหาร และรัฐบาลเข้าในกันดี เพราะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีวิธีการให้ผู้ชุมนุมกลับบ้านเมือง ผู้ชุมนุมถูกล้างสมองให้ชุมนุมต่อไปเพื่อล้มล้างรัฐบาล ท่านคิดว่าจะได้ผลหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เวลาพอผ่านไปซักระยะ คงมีการทบทวนของผู้ชุมนุมเอง และคิดว่า เขาได้มาแสดงออกก็น่าจะเพียงพอแล้ว และเขาควรตระหนักว่า เขาแสดงออกไปจนกระทั้งมีผู้สูญเสียชีวิต บาดเจ็บเป็นร้อย ๆ คน น่าคิดได้ ถ้าเขาจะกลับบ้านไปรอดูการคลี่คลายสถานการณ์จะทำอย่างไร คุ้มค่ามากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในทางกลับกันอาจจะคุ้มคลั่ง ทำอะไรที่รุนแรงขึ้นหรือเปล่า รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็กังวลใจ มีการความพยายามปลุกปั่น เอาศพไปแสดงยั่วยุ ต้องเตือนสติพี่น้องคนไทยด้วยกัน และการที่ผู้ชุมนุมจะแห่ศพรอบกรุง ไม่ทราบเขาจะมีอย่างนี้ขึ้น ตอบไม่ได้ อยู่ ๆ อารมณ์ของคนเกิดขึ้นไม่ได้ต้องมีคนปลุก และการปลุกต้องผ่านสื่อ ดังนั้นสื่อก็ต้องช่วยกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า น่าเป็นห่วงหรือไม่การที่พีทีวีกลับมาถ่ายทอดได้อีกครั้ง รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังคิดอยู่ ถ้าเราเข้าไปที่ไทยคมอีก ก็มีปัญหาอยู่อีก ต้องตัดสินใจ และปฏิเสธว่า ไม่ได้ติดต่อขอพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ดูไบ แต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวถามว่า เวลานี้หมายจับไม่มีประสิทธิภาพใช่หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หมายจับมีประสิทธิภาพ แต่คนจับไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ต้องพยายามไปทำให้มีประสิทธิภาพ ส่วนการขอพื้นที่คืนจะมีเกิดขึ้นอีกหรือไม่นั้น คงต้องดูตามสถานการณ์

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทหารจะเยียวยาอย่างไร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีการปูนบำเหน็จ และพยายามดูแล พร้อมกล่าวแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของผู้สื่อข่าวต่างประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีการเรียกพรรคร่วมรัฐบาลหารือนั้น รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลก็เป็นปกติของเหตุการณ์บ้านเมืองที่เป็นเหตุการณ์สำคัญ พรรคร่วมรัฐบาลต้องมาปรึกษาหารือกัน เพื่อมาช่วยกันคิดในสถานการณ์บ้านเมือง เป็นปกติไม่มีอะไรเป็นพิเศษ

(หมายเหตุปรับปรุงเนื้อหาเมื่อเวลา 17.09 น.)

ที่มา: มติชนออนไลน์, www.thaigov.go.th

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net