“วีระ” ขึ้นเวทีดับข่าววงแตกยัน “สามเกลอ” ยังเหนียวแน่น "ทักษิณ" ปลุกเสื้อแดงระดมใหญ่ 3 เม.ย. อีกครั้ง กดดันทุกวันทีละขั้นจนล้มระบบอำมาตย์ระเบิดรายวันM79 ถล่มขนส่งเชียงใหม่

"เหวง" รับ "เสื้อแดง" อาจแยกย้ายชั่วคราว แล้วรวมตัวใหม่ “วีระ” ขึ้นเวทีดับข่าว “วงแตก”

31 มี.ค. 53 - ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ในช่วงเย็นมีผู้ชุมนุมบางตากว่าวันก่อน ขณะที่บนเวทีแกนนำต่างขึ้นมาปลุกระดมมวลชนให้พร้อมกับการเคลื่อนไหวใหญ่ในวันที่ 3 เม.ย.โดยมั่นใจว่าจะเผด็จศึกรัฐบาลได้อย่างแน่นอน มีการเรียกร้องให้คนเสื้อแดงในต่างจังหวัดเดินทางเข้ามาสมทบผู้ชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าให้ได้จำนวน 1 ล้านคน จะทำให้รัฐบาลไม่อาจบริหารประเทศได้ ทางด้านหลังเวทีมีความคึกคักเมื่อกลุ่มผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างประมาณ 50 คน มาแสดงตัวเข้าร่วมการเคลื่อนไหวกับ นปช.

เวลาประมาณ 20.00 น. นายวีระ มุกสิกพงศ์ ประธาน นปช. กล่าวปราศรัย ว่า ขณะนี้ฝ่ายตรงข้ามกำลังทำทุกทางที่จะทำลายขบวนการเสื้อแดง โดยมีการปล่อยข่าวว่าแกนนำแตกแยกกันหลังจากการเจรจากับรัฐบาล ต้องการที่จะทำให้เกิดความกินแหนงแคลงใจกันในหมู่แกนนำ ยืนยันว่าความจริงสามเกลอยังเหนียวแน่น เราสู้กับเผด็จการตั้งแต่ คมช.เสี่ยงคมหอกคมดาบจนมาถึงวันนี้เข้าสู่ปีที่สี่ ถามว่าเราจะทะเลาะกันหาอะไร เพราะไม่มีอะไรต้องแย่งกัน มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่เราแย่งกันคือแย่งกันเข้าคุก รับประกันว่าจะไม่ทำให้พี่น้องประชาชนและพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องผิดหวังอย่างแน่นอน

นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. กล่าวว่า การเจรจายังไม่เกิดในช่วงนี้เพราะรัฐบาลตั้งเงื่อนไขที่จะยุบสภาที่เป็นไปไม่ได้ทั้ง 3 ข้อคือสถานการณ์เศรษฐกิจ รัฐบาลนี้ทำได้แต่การกู้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคประชาธิปัตย์เคยตระบัดสัตย์กับพรรคร่วมจึงเชื่อถือไม่ได้ และรัฐบาลบอกจะยุบสภาต่อเมื่อบ้านเมืองไม่มีความขัดแย้งก็เป็นไปไม่ได้ ซึ่งหนทางแก้ไขความขัดแย้งคือการยุบสภาทางเดียวเท่านั้น หากรัฐบาลส่งสัญญาณว่าจะยุบสภาโดยเร็วที่สุดไม่มีเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคอาจจะคุยกันใหม่ได้

อย่างไรก็ตาม นพ.เหวง ยอมรับว่าแกนนำมีความกังวลเรื่องการชุมนุมในช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นอย่างมาก เพราะเข้าใจว่าพี่น้องอยากกลับต่างจังหวัดในเทศกาลสงกรานต์จึงวางแนวทางเอาไว้ 2 แนวทางคืออาจจะเล่นจัดงานสงกรานต์กันในกทม.หรือไม่ก็แยกย้ายกลับบ้านก่อนแล้วกลับมาชุมนุมกันอีกครั้งซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยาก

"ทักษิณ" ปลุกแดงระดมใหญ่ 3 เม.ย. เพิ่มน้ำหนักกดดันทุกวันทีละขั้น จนล้มระบบอำมาตย์

เมื่อค่ำวันที่ 31 มีนาคม เวลา 21.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี วิดีโอลิงค์มายังเวทีปราศรัยของกลุ่มคนเสื้อแดงที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ตอนหนึ่งว่า คน ระดับรองนายกรัฐมนตรีออกมาโกหกทุกวัน ไปโกหกว่าไปขออยู่ประเทศบรูไนแล้วทางนั้นไม่ให้อยู่ อยากชี้แจงว่า อยู่เมืองดูไบแสนจะสุขสบาย ไปไหนมาสะดวก บ้านช่องก็มี ลูกน้องก็อยู่พร้อม สบายดี สุลต่านทรงเมตตา ไปมาหาสู่กันประจำ จึงไม่คิดไป ขออยู่ที่บรูไน ตอนนี้ระหกระเหิร ไปซื้อบ้านอยู่มาหลายประเทศแล้ว ถ้าจะซื้ออีกทีก็จะไปซื้ออยู่ จ.อุดรธานี แต่ไม่รู้จะได้ไปเมื่อไหร่ ดูแล้วก็ไม่น่าจะช้า สู้กันอย่างนี้คงไม่ช้า คงได้กลับแน่

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ปัญหาวันนี้ หัวใจอยู่ตรงที่มาของอำนาจ และระบบถ่วงดุล วันนี้ รัฐบาลชุดนี้คบกับอำมาตย์ จึงทำทุจริตได้ง่าย ไม่ถูกตรวจสอบ จับได้ก็ไม่มีความผิด รัฐบาลชุดนี้ จึงเอาใจอำมาตย์ ไม่เอาใจประชาชน ฉะนั้น พี่น้องเสื้อแดงจึงต้องเรียกร้องระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง มีระบบตรวจสอบถ่วงดุล ถ้าช่วยกันให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่แท้จริง ถึงเวลาที่พี่น้องจะต้องลุกขึ้น แต่ไม่ใช่ทำร้ายเข่นฆ่าใคร แต่ต้องเรียกร้องให้เปลี่ยนระบบ

"พี่น้องใครเหนื่อยใครจะล้า พักผ่อนกันให้พอ วันที่ 3 เมษายนนี้ มารวมกันใหม่ มากันให้มันๆ สู้กันให้ชัดๆอีกครั้ง ให้เป็นสันติวิธีแต่ให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นทุกวัน กดดันทีละขั้นทีละขั้น จนอำมาตย์ยอมคืนอำนาจที่ไม่ชอบธรรมเสีย"อดีตนายกฯกล่าว

M79 ถล่มขนส่งเชียงใหม่

เวลาประมาณ 21.00 น.พ.ต.ท.ศิริพงษ์  สิงคราช สวส.สภ.เมืองเชียงใหม่ รับแจ้งมีเหตุลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปในสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ หมู่ 5 ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่  จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ยุทธชัย พัวประเสริฐ ผกก. นายสุรชัย จงรักษ์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ และกำลังตำรวจจำนวนหนึ่ง  ที่เกิดเหตุบริเวณลานจอดรถข้างอาคารที่พัก  5 สูง 3 ชั้น ซึ่งเป็นที่พักของเจ้าหน้าที่ขนส่ง เบื้องต้นพบพื้นมีร่องรอยคล้ายถูกยิงด้วยลูกระเบิดเอ็ม 79 จนพื้นมีรอยแตก รถยนต์ 3 คัน ที่จอดอยู่บริเวณนั้น กระจกแตกเสียหาย และกระจกตู้โทรศัพท์มีรอยร้าวทุกด้าน ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานเจ้าหน้าที่วิทยาการเข้าตรวจสอบหาหลักฐานในที่เกิด เหตุ แต่ในชั้นนี้คาดว่าคนร้ายน่าจะลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้ามาสร้างสถานการณ์ความปั่นป่วน

ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: มติชนออนไลน์, เว็บไซต์แนวหน้า, เว็บไซต์เดลินิวส์