Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

การพิจารณาเรื่องๆต่างๆ เราต้องดูที่ธาตุแท้อย่าดูเพียงที่รูปแบบ จากเวทีเจรจาระหว่างนายอภิสิทธิ์ กับแกนนำเสื้อแดง ก็เป็นไปดั่งคาด ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังคงเป็นเจ้าคารม เล่นลิ้น พลิ้วได้อย่างฉับไวเหมือนเดิม แต่เนื้อแท้ธาตุแท้ ของเขาแล้ว เขามีจุดยืนความคิดที่มั่นคงยังชื่นชมระบอบอำมาตยาธิปไตย ที่เป็นฐานหลักให้เขามีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน

การเจรจาในครั้งนี้ เห็นได้ว่า เขายังใช้สำนวนการสนทนาให้คลุมเครือให้ดูดี  จึงต้องจับให้ได้ไล่ให้ทัน ต้องดูๆ ให้ดีที่เนื้อหา และอย่าไปหลงกล คารม สำบัดสำนวน การเฉไฉ การเปลี่ยนประเด็นการสนทนาต่างๆ ก็จะเห็นว่า เขายังยอมรับการรัฐประหาร 19 กันยายน 49 แม้ปากกว่าไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร แต่พฤติกรรมยอมรับการรัฐประหารอย่างหน้าชื่นตาบาน

รัฐบาลของเขาแต่งตั้งในค่ายทหาร และมีนายประวิตร ตัวแทนทหาร เป็น รมต.กลาโหม มีงบประมาณกองทัพมากที่สุดในรอบ 20 ปี เขายังยอมรับรัฐธรรมนูญ50 แม้ปากว่าไม่เห็นด้วยในบางประเด็น เขาบอกว่าการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 เป็นการแก้ไขเพื่อตัวเอง แต่ไม่ได้บอกว่าการยืนยันให้มีรัฐธรรมนูญ 50 เป็นการไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็เพื่อคงไว้ซึ่งความได้เปรียบให้แก่ตนเอง พรรคประชาธิปัตย์และระบอบอำมาตยาธิปไตย เพื่อความยุติธรรม ก็ต้องคืนอำนาจอธิปไตยให้ประชาชน ตัดสินใจว่าต้องการรัฐธรรมนูญแบบไหน อย่างไร โดยการยุบสภา แล้วให้ทุกพรรคการเมืองเสนอนโยบายหาเสียงที่ต้องประกาศให้ชัดว่า จะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ แก้อย่างไร

เขายังอ้างว่า เขามาตามกติกาประชาธิปไตย อย่างชอบธรรม รัฐสภา พรรคการเมือง เลือกเขาเป็นนายกรัฐมนตรี (แต่ชาวโลกรู้กันไปทั่วว่าเขาเป็นนายกฯทหารตั้ง อำมาตย์อุ้ม) แต่แกล้งหลงลืมหลักการประชาธิปไตย หนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงทุกคนเท่ากัน อำนาจนอกระบอบประชาธิปไตยต้องไม่แทรกแซงครอบงำ พรรคที่ได้รับเสียงข้างมากต้องจัดตั้งรัฐบาล คนเสื้อแดง ประกาศชัดยุบสภาประเด็นเดียว เรื่องอื่นไม่เกี่ยว แต่เขาก็ยังอ้างถึงว่าเสื้อแดงต้องการการนิรโทษกรรมทักษิณ ทั้งๆ ที่ทักษิณเอง ก็ประกาศชัดว่า การเจรจา อย่าเอาตัวเขาไปเกี่ยว เป็นเรื่องประชาธิปไตย ไม่ใช่เรื่องนายทักษิณ เป็นเรื่องส่วนรวม

เขาบอกว่า รัฐบาลของเขาก็เพิ่มงบประมาณให้กองทัพเหมือนรัฐบาลทักษิณ แต่เขาไม่ได้บอกว่า รัฐบาลทักษิณให้งบด้านสวัสดิการทหารชั้นผู้น้อย รัฐบาลเขาให้งบ GT 200  ที่โกงกินคอรับชั่นกัน ซึ่งไม่เหมือนกัน เขาบอกว่า การยุบสภา ต้องถามคนหลายส่วน คนหลายส่วน คงไม่ใช่เพียงคนเสื้อแดง นายอภิสิทธิ์คงหมายถึงคณะกรรมสิทธิ์มนุษยชน สถาบันพระปกเกล้า สถาบันพัฒนาการเมือง สภาองค์กรชุมชน ฯลฯ ประเภทประชาสังคมเหลือง กระนั้นหรือ?

ทั้งๆ ที่คนส่วนใหญ่เป็นคนเสื้อแดง และคนเสื้อแดงมีหลายส่วนเช่นกัน มีกลุ่มมากมาย หรือถ้าจะให้ตั้งชื่อองค์กรใหม่ แยกย่อยเป็นองค์กรได้เยอะ ถ้าจะทำกันเพื่อให้เห็นว่า เป็นองค์กรส่วนอื่นๆก็ทำได้อยู่แล้ว เหมือนพวกประชาสังคมเหลืองทั้งหลาย

คำถามคือว่า เป็นการอ้างคนส่วนอื่นๆ เพื่อที่ทำให้ดูเหมือนมีส่วนร่วม ทั้งๆที่คนส่วนอื่นๆที่นายกรัฐมนตรีอ้างถึง ก็เป็นองค์กรส่วนอื่นของฝ่ายอำมาตยาธิปไตยนั่นเอง

นายอภิสิทธิ์ มักตีฝีปากว่า ยุบสภา คิดอยู่แล้ว แต่ก็ไม่บอกชัดจะเมื่อไหร่ หรือ ท่องจำเป็นนกแก้วนกขุนทอง ว่า “จะยุบสภา ถ้า……” ซึ่ง แปลว่า “ไม่ยุบ” เขาคงไม่ยอมคืนอำนาจอยุธิปไตยให้ประชาชน โดยการยุบสภา

ธาตุแท้แล้ว เขากลัว อำนาจอธิปไตยของประชาชน นั่นเอง เขากลัวการยุบสภา เพราะยุบสภาจะทำให้เขาหมดโอกาสการเป็นนายกรัฐมนตรีตามใจปรารถนาของเขา เขาไม่ยอมยุบสภานั่นเอง

…………..

ถามตรงๆ นายอภิสิทธิ์ อย่าพลิ้ว อย่าแถ อย่าเล่นลิ้น

จะได้เป็นกลาง เป็นธรรมใช่ไหม บอกมาเลย จะได้รู้กัน

ยุติการเล่นลิ้นเสียที คนเขาจับได้ไล่ทันหมดแล้วครับ

และถ้าอภิสิทธิ์ไม่ต้องการยุบสภา ก็บอกมาเลย

อภิสิทธิ์ต้องระบุว่า ต้องการให้ส่วนอื่นๆ มีส่วนร่วม มีใครบ้างบอกมาให้ชัด 

ถ้านายต้องการยุบสภา ต้องมีรูปธรรม ภายในเวลากี่วันกี่เดือนก็บอกมา

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net