Skip to main content
sharethis

ระเบียบรัตน์ ออกแถลงการณ์หวั่นประเทศย่อยยับไปกว่านี้ วอนรัฐบาลใช้สันติ ไม่ใช้อาวุธกับผู้ชุมนุม ขอให้ตั้งสติแม้เป็นเรื่องยากก็ต้องทำ แนะรัฐบาลควรลดเวลาบริหารประเทศลงครึ่งหนึ่ง และประกาศให้ชัดจะเลือกตั้งใหม่เมื่อใด

มติชนออนไลน์ รายงานว่า วันนี้ (11 มี.ค.) นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช นายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข ออกแถลงการณ์ว่า ขณะนี้เกิดปัญหาความขัดแย้งขึ้นในประเทศ เหมือนลูกหลานทะเลาะกับผู้ปกครอง ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ตนรู้สึกว่าเป็นการสร้างความบาดหมางและร้าวลึก รวมถึงการให้ข่าวยั่วยุตอบโต้กันไปมา ทั้งของรัฐบาลและกลุ่มคนเสื้อแดง ดูเหมือนเป็นการทำศึกและเป็นศัตรูกัน หากปล่อยไว้จะเกิดความรุนแรง ทำให้ประเทศชาติย่อยยับไปมากกว่านี้ ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลสร้างสันติ ไม่ใช่อาวุธกับผู้เข้าชุมนุม ขอให้ใช้ความเมตตาธรรม รวมถึงขอให้ตั้งสติ ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็ต้องทำ เพราะประเทศไทยไม่ใช่ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คนเดียว และไม่ใช่เป็นของแกนนำคนเสื้อแดงทั้ง 3 คน แต่ ประเทศไทยเป็นของคนไทยทั้ง 63 ล้านคน ดังนั้น ควรหันหน้ามาแก้ไขปัญหา ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายมาบอกว่า รักสถาบันพระมหากษัตริย์แล้วกล่าวหาว่าอีกฝั่งเป็นผู้ทำลาย ซึ่งถือเป็นการตอกลิ่มความแตกแยก ไม่มีอะไรดีขึ้น ทุกฝ่ายควรจะทบทวนบทบาทของตัวเอง หาวิธีการที่จะสร้างความปรองดองได้อย่างไร

"สมาคมฯ เห็นว่า รัฐบาลควรเปิดหน้า พร้อมเจรจากับผู้ชุมนุมก่อนที่จะมีการชุมนุม โดยสมาคมได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ให้ระงับยับยั้งเหตุการณ์รุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น รัฐบาลควรยื่นมือออกมาก่อน และพิจารณาข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งมีการเรียกร้องให้ยุบสภา สมาคมฯ ทราบดีว่า ขณะนี้ไม่สามารถยุบสภาได้ แต่รัฐบาลควรที่จะลดระยะเวลาที่เหลืออยู่ในการบริหารประเทศลงครึ่งหนึ่ง และประกาศให้ชัดว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่เมื่อใด ซึ่งจะถือเป็นการถอยคนละก้าว เพราะมิเช่นนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมก็จะออกมาชุมนุมอยู่ตลอด นอกจากนี้ ขอให้รัฐบาลปกครองประชาชนด้วยความเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ" นายระเบียบรัตน์ กล่าวและว่า ส่วนงบประมาณที่รัฐบาลตั้งเพื่อประชาสัมพันธ์ 51 ล้านบาท รวมถึงงบที่จะต้องใช้ในการเสริมกำลังพล รวมเป็นกว่า 300 ล้านบาทนั้น ไม่ทราบว่างบประมาณดังกล่าวใช้เพื่อประโยชน์อะไร ทั้งที่หากทำความเข้าใจกัน ก็ไม่ต้องเสียงบประมาณตรงนี้ ตนเข้าใจดีว่าอำนาจใครก็อยากได้ แต่การมีอำนาจต้องอยู่บนพื้นฐานของความเหมาะสม เพราะหากประชาชนไม่เลือกเข้ามา ก็ไม่สามารถขึ้นสู่อำนาจได้

นางระเบียบรัตน์ กล่าวด้วยว่า ข่าวที่รัฐบาลพยายามจะปิดสื่อของผู้ที่เห็นต่างจากรัฐบาล ตนขอร้องว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เพราะหากเป็นเช่นนั้น จะเห็นถึงความหายนะที่จะเกิดขึ้นอย่างรุนแรง เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมไม่มีช่องทางประสานติดต่อกัน ดังนั้น จึงขอเตือนรัฐบาลว่าอย่าทำ และขอเรียกร้องไปยังรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ที่คุมสื่อว่า ไม่มีใครเอาชนะกันได้ด้วยความเกลียดชัง เราจะต้องให้อภัย ไม่ยั่วยุ และต้องอดทน ประชาชนไม่ใช่ศัตรู

นางระเบียบรัตน์ กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วย หากจะมีมือที่ 3 มาสร้างความรุนแรงหรือมีใครที่คิดจะปฏิวัติ ขอให้เลิกล้มความคิดนั้น เพราะถือเป็นการทำร้ายระบอบประชาธิปไตย เพราะทุกวันนี้ รัฐธรรมนูญ ก็ทำให้พรรคการเมืองอ่อนแออยู่แล้ว และขอเรียกร้องไปยังประชาชนที่อยู่ใน กทม. ที่อาจจะหงุดหงิดเนื่องจากมีผู้ชุมนุมเดินทางมาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดการจราจรเป็นอัมพาต แต่ขอให้เข้าใจว่าประเทศไทย ไม่ได้มี กทม.เพียงจังหวัดเดียว ยังมีประชาชนรากหญ้าที่ได้รับความเดือดร้อน และรักประชาธิปไตย ต้องการที่จะเรียกร้องสิทธิ เพราะคงไม่มีใครอยากที่พลัดบ้านพลัดเมืองมาอยู่ที่อื่น ดังนั้น ขอให้ คน กทม.เข้าใจ ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง จะไม่ใช้ความรุนแรง ส่วนที่แกนนำประกาศให้เตรียมน้ำมันคนละ 1 ลิตรนั้น ตนว่าอย่ามองในแง่ร้าย เชื่อว่าไม่ใช่นำมาเพื่อเผาบ้านเผาเมือง เพียงแต่มีการประกาศว่าจะไม่ให้รถของผู้ชุมนุมได้เติมน้ำมันในสถานีให้บริการ ผู้ชุมนุมจึงเตรียมน้ำมันรถมากันเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาคมส่งเสริมครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุขได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ถึงนายกรัฐมนตรี โดยมีข้อความตอนหนึ่งว่า "สมาคมฯ มีความเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมืองที่จะมีการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ในวันที่ 14 มีนาคมนี้ และรัฐบาลได้ประกาศใช้ พรบ.ความมั่นคง ซึ่งอาจจะนำไปสู่การสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรง และก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน อันจะนำไปสู่ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศ จนยากที่จะเยียวยา การใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากฝ่ายใด ย่อมไม่ใช่แนวทางในการแก้ไขปัญหา มีแต่จะสร้างความร้าวฉานและบาดแผลที่ยิ่งลึกและกว้างของประเทศ ดังนั้น จึงขอให้ทุกฝ่ายตั้งสติ ไม่ใช่กำลังและอาวุธประหัสประหารกันโดยเด็ดขาด และใช้การเจรจา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยอยู่บนพื้นฐานของความเมตาและปราณีต่อกัน เพื่อไม่ให้ประเทศชาติบอบช้ำไปกว่านี้"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net