Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา มูลนิธิผสานวัฒนธรรม, เครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน, สถาบันพัฒนานักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน, ศูนย์ทนายความมุสลิม และคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง ‘พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา’ ผู้บัญชาการทหารบก ให้ยกเลิกการใช้ GT 200 รวมทั้งช่วยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเป็นธรรม

 โดยเนื้อหาของจดหมายมีดังนี้
 
จดหมายเปิดผนึก
 
วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
 
เรื่อง  ขอให้กองทัพบกยกเลิกการใช้เครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที ๒๐๐ และ
         เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเป็นธรรม
เรียน พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก
 
ตามที่ได้มีผลการ ตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศยืนยันตรงกันว่าเครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที ๒๐๐ ไม่มีประสิทธิภาพ มีผลทำให้ทางราชการได้ระงับการจัดซื้อเครื่องมือดังกล่าวแล้ว แต่ทางกองทัพบกและหน่วยงานราชการบางแห่งยังยืนยันที่จะใช้เครื่องมือดังกล่าว โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่อไปนั้น
 
จากการตรวจสอบพบว่า ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งอยู่ภายใต้การประกาศใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก และพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งให้อำนาจเจ้าหน้าที่อย่างกว้างขวางในการตรวจค้นและจับกุมบุคคลผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับความมั่นคง เจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที ๒๐๐ ชี้ตัวบุคคลผู้ต้องสงสัยโดยอ้างว่าตรวจพบสารตั้งต้นวัตถุระเบิดในตัวบุคคลหรือเสื้อผ้า แล้วใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึกและพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ควบคุมตัวบุคลที่ต้องสงสัยได้นานถึง ๓๗ วัน ทำให้บุคคลเหล่านั้นสูญเสียอิสรภาพโดยไม่มีข้อกล่าวหาในทางอาญา เป็นการควบคุมตัวไม่ชอบและขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๖๖ ซึ่งได้ให้หลักประกันเสรีภาพบุคคลไว้ด้วยว่า การจะออกหมายจับต้องมีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะได้กระทำความผิด และขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๓๙ ที่ว่า คดีอาญาต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด ก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้ และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง ที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคี เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๓๙ อันเป็นผลให้ประเทศไทยมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตาม โดยข้อ ๑๔ ข้อ ๒ ย่อยที่บัญญัติว่า “บุคคลทุกคนซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดอาญา ต้องมีสิทธิได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะพิสูจน์ตามกฎหมายได้ว่ามีความผิด”  ซึ่งบทบัญญัติของกฎหมายทั้งสองฉบับและกติการะหว่างประเทศนี้ มีไว้เพื่อประกันว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลจะไม่ถูกละเมิดโดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐ นอกจากนั้นยังพบว่า ผู้ที่เคยถูกควบคุมตัวเนื่องจากการใช้เครื่องจีที ๒๐๐ ได้ถูกทางราชการขึ้นบัญชีดำ (Blacklist) ไว้ ทำให้ประสพกับความเดือดร้อนและกระทบกระเทือนต่อสิทธิเสรีภาพอย่างยิ่ง เช่น ถูกตรวจเข้มเป็นพิเศษในระหว่างเดินทาง ถูกติดตามตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง กลายเป็นผู้ต้องสงสัยของรัฐอย่างไม่วันจบสิ้น
 
ดังนั้น องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนตามรายชื่อท้ายจดหมายนี้ จึงขอเรียกร้องให้กองทัพบก
๑. ให้ยกเลิกการใช้เครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที ๒๐๐ ทั้งหมด
๒. ให้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีการจัดซื้อเครื่องมือดังกล่าวว่ามีการทุจริตคอรัปชั่นหรือไม่
๓.  ให้ยกเลิกบัญชีดำบุคคลที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง เนื่องจากการใช้เครื่องจีที ๒๐๐
๔. ให้ชดเชยและเยียวยาความเสียหายให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้เครื่องจีที ๒๐๐ โดยเจ้าหน้าที่อย่างรีบด่วน
                                                             
ขอแสดงความนับถือ
 
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม
เครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน
      สถาบันพัฒนานักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน
      ศูนย์ทนายความมุสลิม
      คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net