Skip to main content
sharethis

หลังจากที่ชาวนาอำเภอภูเวียงออกมาร้องเรียน ถึงเงื่อนงำความไม่ชอบมาพากลของการจ่ายค่าส่วนต่างการประกันราคาข้าวที่ไม่ เป็นธรรมอันเป็นผลมาจากการดำเนินการที่ผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ ถึง 2  ครั้งในวันที่ 26 มกราคม 53 และวันที่ 29 มกราคม 53 ที่ผ่านมา ได้บทสรุปร่วมกันเป็นหนังสือสัญญา โดยตัวแทนหน่วยงานที่รับผิดชอบร่วมลงนามกับตัวแทนเกษตรกรที่ได้รับความเดือด ร้อน โดยนายอำเภอภูเวียงและปลัดอำเภอภูเวียงร่วมรับทราบปัญหาและเป็นพยานในการ เจรจาดังกล่าว   ซึ่งสัญญานั้นสรุปสาระสำคัญได้ว่า มีความผิดพลาดจากการดำเนินการตามโครงการ ประกันรายได้เกษตรกร ในอำเภอภูเวียง จ.ขอนแก่นอยู่หลายประการ ซึงความผิด พลาดที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทั้ง 2 ฝ่ายจะร่วมกันแก้ไขให้แล้วเสร็จภาย ใน 15 วัน นับจากวันที่ 29 มกราคม 2553 นอกจากนั้นตัวแทนเกษตรกรผู้ชุมนุม ได้มอบสำเนาเอกสารชุดหนึ่งแก่นายอำเภอภูเวียง เพื่อให้ช่วยจัดทำบันทึกเสนอ ต่อหน่วยเหนือให้หาทางชดเชยค่าใช้จ่ายในการจัดการชุมนุมที่เกิดขึ้นและค่า ขาดประโยชน์ในการขาดงานประจำมาร่วมชุมนุมของเกษตรกร อีกด้วย 

ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2553 กลุ่มเกษตรกรผู้เดือดร้อนประมาณ 500 คนได้มาชุมนุมอีกครั้งเพื่อทวงถามถึงสัญญาที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้ไว้กับพวก ตน เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา ณ สำนักงาน ธกส.ภูเวียง โดยเกษตรกรผู้ร่วมชุมนุมหลายหมู่บ้านได้ขึ้นเวทีปราศรัยและแจ้ง ให้ผู้ร่วมชุมนุมทราบว่า ระหว่างที่เกษตรกรกำลังรอการแก้ไขปัญหาใน ช่วง 15 วันตามที่สัญญานั้น ทาง ธกส.ภูเวียง ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตามหมู่ บ้านต่าง ๆ เพื่อกดดันไม่ให้เกษตรกรเข้าร่วมชุมนุมในวันที่ 15 นี้ และบอกกับพวกตนในที่ ประชุมว่า ธกส.ไม่เคยสัญญาว่าจะดำเนินการใด ๆ ให้กับผู้ที่ไปชุมนุม มีแต่เพียงผู้ชุมนุมเท่านั้นที่พูดเอง – เออเองทั้งหมด...... แต่ผู้ชุมนุมต่างยืนยันตรงกันว่าได้ยินการอ่าน สัญญา และเห็นบุคคลต่าง ๆ ร่วมลงนามในสัญญาเมื่อวันที่ 29 จริง พร้อมทั้งมีการแจกจ่ายสำเนาเอกสาร สัญญาบันทึกข้อตกลงที่มีรายมือชื่อของผู้ที่เกี่ยวข้องให้กันดูและรับรองกัน ว่า เอกสารสัญญาที่แจกจ่ายกันอ่านทั้ง 2 แผ่นนั้น มีเนื้อหาตรงกับที่ได้ เจรจากันในวันที่ 29 มกราคม 53 ทั้งยังมีลายมือชื่อผู้เกี่ยวข้องลงนามไว้ อย่างครบถ้วน เป็นหลักฐานอ้างอิง

เวลาประมาณ 10.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุม ได้จัดให้ตัวแทนโดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มไปเชิญนายอำเภอภูเวียง และเกษตรอำเภอภูเวียง ในฐานะผู้มีส่วนเกี่ยว ข้องและเป็นผู้รู้เห็นเหตุการณ์มาร่วมในเวทีติดตาม – ทวงสัญญา    ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ส่วน บนเวทีก็มีการปรายศรัยและการแสดงต่าง ๆ ที่ผู้จัดการชุมนุมได้เตรียมไว้ กระทั่งประมาณ บ่าย 2 โมง ยังไม่ได้รับการ ยืนยันจากนายอำเภอภูเวียงว่าจะมาเมื่อไหร่ กลุ่มผู้ชุมนุมจึงมีมติกดดันโดย การปิดถนนไม่ให้รถสามารถเข้า – ออก อำเภอภูเวียง ทั้ง 2 ฝั่งได้ โดยใช้เวลาประมาณ 20นาที กระทั่งในที่สุด นายอำเภอภูเวียง ก็เดินทางมายังเวทีชุมนุมเวลา ประมาณ บ่าย 2 โมงครึ่ง ด้วยท่าทีที่ไม่พอใจนัก 

ผู้แทนเกษตรกรได้เริ่มทวงถามถึงผลการ ดำเนินการตามสัญญาเมื่อวันที่ 29 มกราคม ว่าเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการแก้ไข ปัญหาให้แล้วเสร็จตามที่ได้ตกลงกันทั้ง 4 – 5 ประเด็นหรือไม่ นายวิเชียร บุญแลก นายอำเภอภูเวียง เริ่มด้วยการกล่าวตำหนิว่าผู้แทนเกษตรกร ว่า ใช้คำพูดผิดเพราะที่สัญญากันในวันที่ 29 มกราคม 53 นั้น    ไม่ได้บอกว่าเมื่อครบ 15 วัน เกษตรกรจะได้รับผลตามที่เรียกร้อง แต่สัญญาว่า จะดำเนินการให้ ภายใน 15 วัน   และอธิบายต่อไปถึงผลการดำเนินการว่าเป็นอย่างไรแล้วบ้าง   เมื่อเกษตรกรได้ฟังคำชี้แจงจึงเกิดความชุลมุนขึ้นเนื่องจากไม่พอใจในท่าที รวมถึงคำอธิบายของนายอำเภอ  แกนนำหลายคนกล่าวตอบโต้อย่างเผ็ดร้อนว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ปฏิบัติตาม สัญญา เป็นแต่เพียงรับปากเพื่อยื้อเวลา โดยไม่ได้จริงใจแก้ไขปัญหาให้กับ เกษตรกรผู้เดือดร้อนเลย 

ชัน ภักดีศรี แกนนำผู้ชุมนุมกล่าวว่า ในส่วนปัญหาและ ข้อสงสัย ที่เกษตรกรนำมาสอบถามเป็นประเด็นย่อย ๆ เพิ่มเติมจาก 4 ประเด็นปัญหาเดิมอีกหลายกรณี   เจ้า หน้าที่แทบไม่สามารถตอบคำถามของเกษตรกรอย่างชัดเจน - ตรงไปตรงมา ได้เลยแม้แต่กรณีเดียว เช่น เกษตรกรบางรายนำหลักฐานมายืนยันว่าข้อมูลหลัก ฐานที่ออกให้โดยเจ้าหน้าที่ซึ่งเกษตรกรถือมายืนยันระบุว่า ได้รับสิทธิ์ส่วน ต่าง 1,580 บาท / ตัน แต่เกษตรกรกลับได้รับเงินจริงเพียงตันละ 405 บาท  ในบางกรณีเกษตรกรมีหลักฐานยืนยันที่ออกให้โดยเจ้าหน้าที่ว่าได้ดำเนินการตาม กระบวนการนั้นแล้ว แต่เมื่อตรวจสอบสิทธิ์ปรากฏว่าไม่มีบันทึกในระบบข้อมูล ของเจ้าหน้าที่ ทำให้เกษตรกรเสียสิทธิ์ , บางกรณีมีการโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรจำหนึ่ง แล้วมีการหักคืนในภายหลัง โดยไม่ทราบสาเหตุ ,ฯลฯ

เมื่อการเจรจาไม่ได้ข้อยุติและผู้ร่วม ชุมนุมแสดงอาการไม่พอใจนายอำเภอ  แกนนำผู้ชุมนุมจึงได้ตัดสินใจยุติการชุมนุมทวงสัญญาเพื่อป้องกันการกระทบ กระทั่งที่อาจเกิดขึ้น  จากนั้นผู้ร่วมชุมนุมได้หารือกันและมีมติว่า กลุ่มผู้ชุทมนุมจะยังยืนยัน ดำเนินการเรียกร้องความเป็นธรรมต่อไปให้ถึงที่สุด โดยในวันนี้ผู้ชุมนุมส่วน หนึ่งจะเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภอ.ภูเวียงให้สอบสวน – ดำเนินคดีเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 หน่วยงาน คือ ธกส.ภูเวียง และ สำนัก งานเกษตรอำเภอภูเวียง นอกจากนั้นจะส่งตัวแทนไปเจรจาขอความเป็นธรรมกับ รัฐมนตรี – นายกรัฐมนตรีต่อไป โดยจะร่วมมือกับกลุ่มเกษตรกรอำเภอพล – อำเภอแวงน้อย – อำเภอแวงใหญ่ – อำเภอหนองสองห้อง – อำเภอสีชมพู และสื่อสาร – เรียกร้องให้เกษตรกรที่มีปัญหาเช่นเดียวกันนี้ ออกมาเรียกร้องตามพื้นที่ – อำเภอต่าง ๆ ทั่วประเทศ

โดยจะมีการประสานงานตัวแทนที่จะไป เจรจาที่ทำเนียบรัฐบาล จะนัดหมายเกษตรกรหลังจากที่ 5 อำเภอ ข้างต้นซึ่งแกนนำได้ประสานกันไว้แล้วนั้นตอบยืนยันกลับมารวมถึงวางแผน - เตรียมการร่วมกันเสียก่อน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นต้นเดือนมีนาคม 53 นี้

ในส่วนการดำเนินการแจ้งความที่ สภอ.ภูเวียงในวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอภูเวียง ได้ให้การต้อนรับ – ให้คำแนะนำ – อำนวยความสะดวกทุกอย่างเป็นอย่างดี และกล่าวกับผู้ชุมนุมว่าได้รับแจ้งความ ไว้แล้ว ส่วนกระบวนการสอบสวนต่อไป ทางเจ้าหน้าที่ดำรวจจะเรียกผู้เสียหาย มาสอบปากคำในวันต่อ ๆ ไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 20 วันจึงจะแล้วเสร็จในส่วนของผู้เสียหาย และ จะเร่งดำเนินการตามกระบวนการต่อไป   แกนนำผู้ร่วมชุมนุมได้ประกาศยุติการชุมนุมเวลาประมาณ 17.30 น. โดยที่ทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงสอบปากคำผู้แจ้งความบางรายต่อ

 
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net