Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ศุกร์นี้ถ้าคุณอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านแล้วพบว่า ทักษิณ ชินวัตร โกงกินและผิดจริงโดยเห็นว่าศาลอธิบายได้ชัดเจนแล้ว คุณคิดว่าศาลควรจะทำอย่างไรต่อ

ตอบ: ควรคืนเงินให้กับทักษิณ

เหตุผล: เพราะกระบวนการตั้งแต่รัฐประหารที่ คมช. ตั้ง คตส. และอื่นๆ ไม่มีความชอบธรรม

 

ณ เวลานี้ศาลและประชาชนที่ห่วงใยสังคมต้องมองภาพใหญ่ (the big picture) และหลีกเลี่ยงการมองอย่างแยกส่วน สิ่งที่ท้าทายศาลในวันศุกร์ที่ 26 นี้มีสองประการคือ

1. พิสูจน์ถึงความเป็นกลางและอธิบายจนชัดเจนจนปราศจากข้อสงสัยว่า ทักษิณโกงหรือไม่ อย่างไร พร้อมทั้งเขียนอธิบายในคำพิพากษาในรูปแบบที่คนทั่วไปสามารถอ่านและเข้าใจ

2. มองให้เห็นภาพรวมที่ใหญ่กว่าคดีการโกงหรือไม่โกงของทักษิณ และฟันธงให้ชัดว่า กระบวนการหลังรัฐประหารมีความชอบธรรม หรือไม่ชอบธรรมอย่างไรในการดำเนินคดีกับทักษิณ หากรัฐประหารและการยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญโดยกองทหารติดอาวุธ ที่เรียกตนเองว่า คมช. นั้นไม่ชอบธรรมแล้ว วันศุกร์นี้ก็น่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่ศาลจะแสดงความเห็นให้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคมว่า “การแก้ปัญหา” ด้วยรัฐประหารไม่มีความชอบธรรม มิหนำซ้ำยังตอกย้ำให้วิกฤติการเมืองไทยรุนแรงเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ การฟันธงเช่นนี้จะเป็นการป้องกันไม่ให้คนบางกลุ่มคิดจะจับอาวุธก่อรัฐประหารอีกต่อไป อย่างได้ผลในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นรัฐประหารเพื่อเสื้อเหลือง เสื้อแดง หรือเสื้อสีอะไรก็ตาม

ศาลไม่ควรจะทำตนเหมือนกับเป็นมีดที่เมื่อใครคว้าได้ ก็สามารถเอาไปทิ่มแทงศัตรู หากแต่ศาลควรมีความเป็นตัวของตัวเอง และแยกแยะให้สังคมเห็นภาพของปัญหาที่กว้างกว่าแค่ตัวคดี ยึดทรัพย์ หากเรายอมรับว่าการจัดการกับทักษิณแบบนี้ได้ ก็เท่ากับการยอมรับว่า เราสามารถจัดการกับคนโกงหรือคนที่เราไม่เห็นด้วยด้วยวิธีใดก็ได้ (เช่น การรัฐประหาร) ขอเพียงให้มั่นใจว่าคนคนนั้นโกงหรือชั่ว เพราะฉะนั้นศาลสามารถตัดสินให้ทักษิณผิดได้ หากเห็นว่าผิดจริง และควรชี้ให้เห็นว่าโกงอย่างไรโดยไร้ข้อกังหา แต่อย่างไรก็ยังต้องคืนเงินให้กับทักษิณ มิเช่นนั้น สถานการณ์บ้านเมืองจะนำไปสู่การล้มกระดานอีกนับครั้งไม่ถ้วน หรือการลุกฮือ ยึดโน่นยึดนี้ กลายเป็นสังคมที่ยึดถือความเชื่อเรื่องความดีความชั่วที่ตัวเองตัดสินเป็นใหญ่เหนือกติกาและกฎหมาย

บรรดาเสื้อแดงที่บริสุทธิ์ใจก็ควรตระหนักว่า ถึงแม้ทักษิณจะเป็น “ผู้ถูกระทำ” จากรัฐประหารอันเลวร้าย นั้นก็มิได้จะหมายความว่า เขาจะเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ไม่ได้โกงกินไปโดยปริยาย (by default) กลุ่มเสื้อแดงที่ก้าวหน้าและใฝ่หาความจริง ความยุติธรรม ต้องกล้ายืดอกยอมรับความจริงหากผลการตัดสินออกมาเป็นเช่นนั้น และอธิบายได้อย่างมีเหตุผล คนเสื้อแดงจะต้องทำใจเผื่อตรงนี้ไว้ แม้ทักษิณอาจทำให้คนจนจำนวนมากรู้สึกชอบพอและพวกเขาอาจรู้สึกว่า ทักษิณเป็น “คนดี” สำหรับเขา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ทักษิณจำเป็นต้องเป็นคนดีสำหรับทุกคนเสมอไป

ส่วนคนเสื้อเหลืองที่ยังรักประชาธิปไตย หากมีอยู่ก็ควรยอมรับว่า การต่อต้านคนทำผิด (คนโกง คนชั่ว) โดยวิธีที่ผิด (สนับสนุนรัฐประหาร ใส่ร้ายป้ายสี) ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นในระยะยาว รังแต่จะทำให้วงจรความเกลียดชังในสังคมไทยกลับจะขยายงวงกว้างขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แบบทีใครทีมัน ล้มกระดานกันไปอย่างไม่มีวันยุติ

สังคมไทยวันนี้ยึดติดตัวบุคคลมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการชอบ เกลียด หรือเทิดทูนทักษิณ สนธิ ลิ้มทองกุล หรือแม้กระทั่งเจ้า จนมองไม่เห็นภาพใหญ่

อย่างไรก็ตาม หากศาลตัดสินโดยไม่ดูภาพรวมสถานการณ์การเมืองไทย พวกคนเสื้อแดงก็จะถามต่อไปว่า พวกอำมาตย์ ชนชั้นนำเก่านั้น มีความโปร่งใส ถูกตรวจสอบ และถูกนำตัวมาดำเนินคดีอย่างทักษิณได้หรือไม่ และทำไม และด้วยกฎหมายบางอย่าง เช่น กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ในปัจจุบัน คำถามเช่นนี้คงมีคำตอบลำบาก เพระแม้จะตั้งคำถามก็อาจเป็นปัญหา “ผิดกฎหมาย” ไปเสียแล้ว (ดูประเด็นนี้เพิ่มเติมได้ในบทสัมภาษณ์ เก่งกิจ กิตติเรียงลาภ อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในปาจารยสาร ฉบับ พ.ย. – ธ.ค. 2552 หน้า 50 - 59)

เมื่อมองภาพใหญ่ตอนนี้ คดี 7.6 หมื่นล้านจึงเป็นเพียงกระจกสะท้อนปัญหาที่ใหญ่กว่านี้ของสังคมไทย ที่ว่าด้วยปัญหาการไร้ความชอบธรรมของวิธีการแก้ปัญหา เรื่องปัญหาสิทธิและความเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย ที่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากไม่กล้าแม้กระทั่งจะเอ่ยถึงในที่สาธารณะ หากไม่กล้าเรียกร้องให้สังคมมีมาตรฐานเดียวกัน ผู้เขียนเกรงว่า ต้นตอแห่งความอัดอั้นตันใจและความเครียดแค้นทางการเมืองของคนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อยจะคงยังครุกรุ่น รอการปะทุอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งที่สังคมกำลังขาดตอนนี้ไม่ใช่อารมณ์โกรธแค้นหรือการตัดสินอย่างแยกส่วน หากเป็นการมองภาพใหญ่ให้เห็นว่า ปัญหาวิกฤติการเมืองปัจจุบันมีมากกว่าเรื่อง เอาหรือไม่เอาทักษิณ

 

(เพิ่มเติมเนื้อหาด้านล่าง เมื่อวันที่ 25 ก.พ.53 เวลา 17.30 น.)

หมายเหตุ: ขอชี้แจงอ.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และผู้อ่านเพิ่มเติมดังนี้
 
ผู้เขียนต้องขออภัยหากทำให้อ.สมศักดิ์และผู้อ่านบางท่านเข้าใจผิด
เพราะอาจเขียนหละหลวมไม่กระชับ จนอาจเกิดการตีความผิด
จึงขอชี้แจงดังต่อไปนี้
 
1. ดังที่ได้เขียนไปแล้วในบทความ ผู้เขียนขอยืนยันว่า
"กระบวนการตั้งแต่รัฐประหารที่ คมช. ตั้ง คตส. และอื่นๆ
ไม่มีความชอบธรรม" และผู้เขียนไม่เห็นด้วยกับการต่อต้าน
หรือจัดการกับทักษิณอย่างขัดรัฐธรรมนูญ
 
2. ในย่อหน้าที่เจ็ดของบทความ ผู้เขียนเขียนว่า
"ศาลสามารถตัดสินให้ทักษิณผิดได้ หากเห็นว่าผิดจริง"
ผู้เขียนขอขยายความว่า ถึงทำไปก็ยังไร้ความชอบธรรมอยู่ดี
รวมถึงไม่มีความชอบธรรมในการดำเนินคดีเสียด้วยซ้ำเพราะกระบวนการถูกชงโดยกลุ่มก่อรัฐประหาร
19 กันยายน 2549
 
3. ในย่อหน้าที่แปดของบทความ ผู้เขียนได้เขียนว่า
"กลุ่มเสื้อแดงที่ก้าวหน้าและใฝ่หาความจริง ความยุติธรรม
ต้องกล้ายืดอกยอมรับความจริง หากผลตัดสินออกมาเช่นนั้น"
ส่วนที่อ้างอิงนี้ ผู้เขียนไม่ได้หมายความว่า
เสื้อแดงหรือคนอื่นในสังคมควรยอมรับ "คำพิพากษา" ว่า ชอบธรรม
เพราะมันไม่มีความชอบธรรม หากทว่าควรยอมรับฟังข้อมูลจากรายละเอียดใน
"คำพิพากษา" ที่อาจเป็นจริง มีเหตุผล
เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจของแต่ละบุคคลว่า ทักษิณโกงหรือไม่ อย่างไร
 
ที่ผู้เขียนบอกว่า ควรแยกกระบวนการยุติธรรมออกจากคำพิพากษานั้น
ผู้เขียนหมายความว่า ถึงแม้กระบวนการจะไม่ชอบธรรม
แต่ข้อมูลบางอย่างในเนื้อหา "คำพิพากษา" คดี
ก็อาจเป็นประโยชน์ในการเข้าใจพฤติกรรมทักษิณ
 
4. เช่นนี้แล้ว เนื้อหาและ "คำพิพากษา" ของศาล
จึงมีฐานะเป็นเพียงความเห็นของประชาชนธรรมดากลุ่มหนึ่ง
ที่กลับอ้างว่าเป็นกระบวนการยุติธรรม ประชาชนผู้รักประชาธิปไตย
จึงต้องออกมายืนยันว่าไม่มีความชอบธรรมใดใดทั้งสิ้น

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net