Skip to main content
sharethis

ที่ปรวมรัฐสภา มีมติเฉียดฉิว 278 ต่อ 212 เลื่อนแก้ รธน. ม. 190 ก่อน เด็ก ภท.เสนอญัตติถกแก้ รธน. ขณะที่ ส.ว.- ส.ส.พท. รุมสวดพรรคร่วมเล่นเกมต่อรองผลประโยชน์

11 ก.พ.53 มีการประชุมร่วมรัฐสภา ครั้งที่ 1 ในสมัยสามัญทั่วไป โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผูัแทนราษฎร ในฐานะ ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม  ภายหลังจากที่ประชุม เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือเรื่องต่างๆ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอให้เลื่อนระเบียบวาระเรื่องที่เสนอใหม่คือบันทึกความเข้าใจระหว่าง ประเทศจำนวน 4 ฉบับ และ เรื่องที่กระทรวงการคลังเสนออีก 2 ฉบับขึ้นมาพิจารณาก่อนร่างรัฐธรรมนูญฉบับของ คณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ พรรคร่วมรัฐบาล  ให้เหตุผลว่าจำเป็นที่รัฐสภาต้องให้การรับรองเรื่องดังกล่าวภายในเดือน ก.พ.นี้

ด้าน นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี  เสนอให้คงการพิจารณาตามระเบียบวาระการประชุม  ให้เหตุผลว่าตนได้เตรียมที่จะอภิปรายเรื่องรัฐธรรมนูญไว้แล้ว  หลังจาก รัฐสภาได้มีมติตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ  มานานกว่าหนึ่งปี ยังไม่เคยเห็นว่าจะดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าว  ขณะเดียวกัน  นายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย กลุ่มเพื่อนเนวิน นั่งอยู่ในที่นั่งของพรรคภูมิใจไทยได้ลุกขึ้นสนับสนุนทันทีโดยเสนอเป็นญัตติให้คงการพิจารณาตามระเบียบวาระการประชุมเช่นเดิม

ขณะที่ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา อภิปรายว่า ไม่เข้าใจที่ประธานรัฐสภามีท่าทีรีบเร่ง บรรจุระเบียบวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาและเรียกประชุมรัฐสภากระชั้นชิด เพราะขณะนี้วุฒิสภาได้กลายไปเป็นองค์ประกอบของการต่อรองทางการเมืองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลไปแล้วหรือไม่ ดีเหมือนกันถ้าพรรคร่วมรัฐบาลจะสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญตาม ข้อเสนอของ คปพร. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะได้ตัดสินใจยุบสภาเสียที เช่นเดียวกับนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา อภิปรายว่าอยากรู้ว่ากำลังเล่นอะไรกันอยู่ เพราะการเรียกประชุมด่วนรัฐสภา ทำให้สมาชิกไม่สามารถอ่านเอกสารที่ระบุไว้ในระเบียบวาระได้ทัน ที่ผ่านมา ส.ว.หลายคน พยายามชี้แจงให้ประธานรัฐสภาทราบแล้วว่า วุฒิสภากำลังมีเรื่องใหญ่ที่จะต้องพิจารณาอีกมากมาย เหตุใดจึงรอไม่ได้

นายชัย กล่าวชี้แจงว่า เหตุผลของการต้องบรรจุระเบียบวาระดังกล่าว เนื่องจากตนทำตามข้อบังคับและรัฐธรรมนูญ ที่ระบุไว้อย่างชัดเจน และญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญของ คพปร. ค้างในระเบียบวาระไม่ต่ำกว่า 5 ครั้งแล้ว จึงไม่ใช่การรีบเร่งแต่อย่างใด  จากนั้นนายเฉลิมชาติ การุณ ส.ส.สกลนคร พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ 2550 เพราะมีความบกพร่องในการร่างรัฐธรรมนญเป็นจุดเกิดของสีแดง ตอนแรกตนก็ยกมือสนับสนุนญัตติของนายจุมพฎ แต่จากการพูดคุยวิปรัฐบาล เห็นว่าการขอกรอบการเจราจาตามมาตรา 190 มีความสำคัญเร่งด่วนมากกว่า จึงเสนอให้ถอนเรื่องญัตติของนายจุมพฎไปก่อน  หลังพิจารณาเรื่องกรอบการเจรจาแล้ว ก็ขอให้พิจารณาเรื่องแก้ รัฐธรรมนูญอย่างเร่งด่วน เมื่อนาย เฉลิมชาติ กล่าวจบ ทั้งนายจุมพฏ และ ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ที่นั่งอยู่ในโซนเดียวกันต่างก็อมยิ้มกันอย่างขำขัน

ด้าน นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวชี้แจงถึงความจำเป็นในการต้องให้คำรับรองการจัดตั้งกองทุนเพื่อการประกันพันธบัตร และกองทุนริเริ่มเชียงใหม่เป็นเรื่องเร่งด่วนว่า เพราะทุกประเทศในอาเซียนได้ลงนามเรื่องดังกล่าวไปหมดแล้วยกเว้นประเทศไทย และไทยยังมีความหวังที่จะขอเป็นเจ้าภาพตั้งสำนักงานกองทุนริเริ่มเชียงใหม่  กำลังเป็นที่จับตาของต่างประเทศเพราะจะเป็นการแสดงศักยภาพเงินทุนสำรอง ของสมาชิกอาเซียนที่ไม่ต้องพึ่งกองทุนของชาติฝั่งตะวันตก

ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ คปพร.ถูกเลื่อนมาเกือบ 2 ปี เป็นการทำร้ายจิตใจประชาชนกว่า 7 หมื่นคน อยากเสนอให้รัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไข คปพร.หากจะคว่ำก็ดำเนินการไปในรัฐสภา ประชาชนไม่ได้ฝันค้างและมองว่าเป็นการหลอกพวกเขาทุกครั้งไปทั้งที่เป็นผู้เสียภาษีให้แก่พวกเรา ตนจะได้ไปหาแนวทางอื่นในการแก้รัฐธรรมนูญต่อไป อยากเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลที่เสนอให้เลื่อนมาตรา 190 มาพิจารณาก่อน กลับไปอ่านจดหมายของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ที่เขียนจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี "เขียนด้วยมือลบด้วยเท้า" มิใช่เอาเรื่องรัฐธรรมนูญมาต่อรองงบประมาณของพรรคร่วมรัฐบาล  เช่นเมื่อพรรคร่วมรัฐบาลเสนอแก้ไข 2 มาตรา พรรคประชาธิปัตย์ ก็จะตัดงบโครงการถนนปลอดฝุ่น จากนั้นก็มารวมหัวกัน คุยกันเคลียร์กันเช่นที่เห็นอยากบอกว่าประชาชนเขารู้ว่ากำลังทำอะไรกันมิใช่ กินแกลบ

หลังจากที่ประชุมใช้เวลาแสดงความเห็นกันอย่างกว้างขวางนานกว่าหนึ่งชั่วโมงครึ่ง  นายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร กลุ่มเพื่อนเนวิน  ผู้เสนอญัตติให้พิจารณาตามระเบียบวาระยังคงยืนยันที่จะไม่ถอนญัตติดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า รัฐสภาไม่ควรกลัวการแก้ไขปัญหาของประชาชน ไม่ควรกลัวการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นต้นเหตุที่ทำให้ประชาชนมีการแบ่งสีแบ่งข้าง จึงขอให้สมาชิกรัฐสภาสนับสนุนญัตติของตนเองด้วย ปรากฏว่าที่ประชุมมี มติให้เลื่อนข้อตกลงระหว่างประเทศขึ้นมาพิจารณาก่อนด้วยคะแนนเฉียดฉิวคือ 278 ต่อ 212 งดออกเสียง 11 ไม่ลงคะแนน 14

 
ที่มา: เว็บไซต์ไทยรัฐ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net