ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ต.ค. พล.ท.พิรัช สวามิวัสดิ์ นายทหารคนสนิท พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 2 ต.ค.2552 พล.อ.ชวลิต จะเดินทางไปพรรคเพื่อไทยในเวลา 09.00 น. ตามคำเชิญของผู้บริหารพรรคภายหลัง พล.อ.ชวลิต ตัดสินใจหลังจากถูกทาบทามให้รับตำแหน่งประธานพรรคเพื่อไทยในการเข้ามาช่วยบริหารพรรคเพื่อไทย เพราะถือว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่สมาชิกพรรคให้ความเคารพนับถือ และมีประสบการณ์ทางการเมือง
พล.ท.พิรัช กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ พล.อ.ชวลิต มีความประสงค์ที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาบ้านเมืองที่วิกฤตอยู่ในขณะนี้ เพราะหากว่าประเทศชาติเกิดวิกฤตรุนแรงสถาบันต่างๆ ของชาติจะเกิดการล่มสลายไปด้วย โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่คนไทยทั้งชาติต้องช่วยกันปกป้องเชิดชูไว้เหนือสิ่งอื่นใด
พล.ท.พิรัช กล่าวต่อว่า พล.อ.ชวลิต มีความตั้งใจจริง เพื่อขออุทิศตัวเองในการรับใช้ชาติบ้านเมืองเป็นครั้งสุดท้าย แม้ว่า พล.อ.ชวลิต จะมีอุดมการณ์ตามที่เคยเสนอแนวทางโซ่ข้อกลางไปแล้วก็ตาม โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้คนในชาติเกิดความรักความสามัคคี ความสมานฉันท์ แต่สถานการณ์ปัจจุบันไม่เป็นไปตามเป้าประสงค์ รวมถึง พล.อ.ชวลิต ไม่มีอำนาจทางการเมืองใดๆ จึงจำเป็นต้องสละเวลาที่เหลืออยู่เข้ามาดำเนินงานทางการเมืองอีกครั้งเพื่อให้ประเทศชาติอยู่รอดปลอดภัย ทั้งนี้ การเข้ามาร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่ได้มีการร้องขอจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่อย่างใด เพียงแต่ว่า พล.อ.ชวลิต มีความตั้งใจที่อยากเห็นการเมืองเดินหน้าไปได้ และอดีตก็คุ้นเคยกับสมาชิกพรรคเพื่อไทยมาก่อนจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเข้าร่วมกิจกรรมกับพรรคเพื่อไทย
วันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ แสดงความยินดีกับพรรคเพื่อไทย มีใจความว่่า "ขอแสดงความยินดีกับพรรคเพื่อไทยด้วยที่ได้พี่จิ๋วและทีมงานมาร่วมงาน ถึงเวลาแล้วครับที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองต้องมาช่วยสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง" โดยในวันพรุ่งนี้ (2ต.ค.) พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปที่ทำการพรรคฯ ในเวลา 09.00 น. เพื่อเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรค หลังจากถูกทาบทามให้รับตำแหน่งประธานพรรคฯ เพื่อช่วยในการบริหาร
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้โพสต์ข้อความวิจารณ์การใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อทำประชามติรัฐธรรมนูญ โดยมีใจความว่า "ไหนๆ จะเสียเงินยามเป็นหนี้ทั้งทีขอให้ถามด้วยว่าแก้ใหญ่เต็มใบไหม? ถ้าใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 หรือปี 2550 เป็นหลัก แล้วถามด้วยว่าแก้เสร็จจะให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ไหม? ถ้าถามแค่ 6 มาตราก็ เปรียบเสมือนถามประชาชนว่าจะขี่ควายหรือขี่รถอีแต๋น ทั้งๆ ที่เขามีสิทธิที่จะเลือกขี่รถเก๋งหรือปิคอัพ ขอให้ใจกว้างหน่อยครับ"