รอมฏอน แปดเปื้อนที่ภาคใต้ของไทย

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
 
แท้ที่จริงแล้ว ในเดือนรอมฏอนนี้ ประชาชาติอิสลามที่ภาคใต้ของไทยสามารถปฏิบัติศาสนกิจด้วยสุขใจ พวกเขาสามารถจับจ่ายสินค้าเพื่อเตรียมละศีลอด โดยที่ไม่ต้องกังวลกับเหตุการณ์ความรุนแรง
แต่ทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝัน ประชาชาติอิสลามที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ “จำต้อง” ต้อนรับรอมฏอนด้วยความหวาดกลัว ที่ใดที่พวกเขาไปเหมือนกับความตายกำลังตามล่า บางคนเสียชีวิตจากการถูกลอบวางระเบิดและถูกยิงตายโดย “พวกแบ่งแยกดินแดน”
การลอบวางระเบิดสองวันติดต่อกันเมื่อวันพฤหัสบดี และวันศุกร์ที่ผ่านมา(3 และ 4 ก.ย. – ประชาไท) ทั้งที่ปัตตานีและยะลาทำให้เดือนรอมฏอนในภาคใต้ของไทยกลายเป็นเรื่องเศร้า
ทั้งสองเหตุการณ์ทำให้มีผู้เสียชีวิต12 คน และบาดเจ็บ 12 คน เหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นในบริเวณชุมชน รวมถึงร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดยะลา
คำถามก็คือ ใครที่กล้ากระทำเหตุการณ์รุนแรงอย่างนี้? ถ้าเป็น “พวกแบ่งแยกดินแดน” จริง ทำไมพวกเขาไม่มีความรู้สึก?
ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด การฆ่าผู้บริสุทธิ์นั้นผิดหลักการของศาสนาอิสลาม เหตุการณ์ความรุนแรงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าพวกแบ่งแยกดินแดนนั้น ยังคงมีกำลังในการสร้างเหตุการณ์ความรุนแรง
ถ้าหากนั่นคือเหตุผล ลักษณะความรุนแรงสามารถทำให้ตื่นตระหนกได้ มันจะทำร้ายผู้บริสุทธิ์ โดยไม่ได้คำนึงถึงศาสนาของเขา
เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น สามารถสะท้อนให้เห็นถึงการเจรจาของรัฐบาลไทยกับพวกที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนนั้น ทั้งหมดเป็นการโกหก 
ถ้าหากพวกเขาเป็นตัวแทนพวกแบ่งแยกดินแดนจริง ทำไมเหตุการณ์ความรุนแรงต้องเกิดขณะที่มีการเจรจา? เมื่อเหตุการณ์ความรุนแรงยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นก็หมายความว่า รัฐบาลไทยกำลังเจรจากับกลุ่มไม่ใช่ตัวจริง
นอกจากนั้น เรามีสิทธิ์ที่จะทวงถามผู้ที่กำลังเจรจานั้น แท้จริงแล้วเขามีอำนาจในการเป็นตัวแทนของพวกแบ่งแยกดินแดน? หรือพวกแบ่งแยกดินแดนเอง ก็ไม่เคยรู้จักกับบุคคลนั้น ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นตัวแทน?
เพื่อหลีกเลี่ยงการนองเลือด จะเป็นการดีหากรัฐบาลศึกษาพวกกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ที่มีความสามารถในการเจรจา
พวกเขาอาจจะไม่จำเป็นต้องได้รับอิทธิพลจากกลุ่มหรือบุคคลที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มปลดปล่อยปัตตานี (PULO) หรือแนวร่วมประชาชนแห่งชาติ (BRN) บางทีอาจมีบางคนในหมู่พวกเขาที่ต้องการฉกฉวยโอกาส
ซ้ำร้ายกว่านั้น ถ้าหากบุคคลที่อ้างนั้น ใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ เท่านั้น และไม่เคยรับรู้ถึงเหตุการณ์
ที่เกิดขึ้นจริงในภาคใต้ของไทย การเจรจากับฝ่ายที่เป็นตัวจริง จะสามารถหยุดยั้งปฏิบัติการร้ายนั้นได้
การที่จะระบุว่าบุคคลให้ถูกตัวนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยก็ไม่ควรสิ้นหวัง และควรต้องใช้วิธีการที่ถูกต้องในการเจรจา
อาจจะเปล่าประโยชน์ ถ้าหากรัฐบาลใช้เวลาเจรจากับฝ่ายที่ไม่ใช่ตัวจริง ขณะที่การวางระเบิดก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ซ้ำร้ายกว่านั้นอีกคือ ประชาชนอิสลามยังคงตกเป็นเหยื่อ ขณะที่ “พวกแบ่งแยกดินแดน”  มักจะอ้างว่า การต่อสู้ของพวกเขานั้นเพื่อปลดปล่อยประชาชนอิสลามจากการถูกยึดครอง
ถ้าหากการต่อสู้นี้ เพื่อความผาสุกของประชาชนอิสลามจริง พวกเขาต้องพยายามหาวิธีการผ่านกระบวนการเจรจากับรัฐบาล ไม่ใช่“โปรยกระสุนหรือวางระเบิด”
นอกจากนั้น พวกเขาควรเข้าใจเช่นกัน การที่พวกเขาเกลียดชังทหารที่เข้ามาประจำการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งหมด 60,000 นาย แต่พวกเขาไม่เคยคำนึงถึงการตอบโต้ที่รุนแรงของพวกเขา ซึ่งทำให้การส่งกองกำลังทหารต้องเข้ามาประจำการในพื้นที่สามารถกระทำได้
ถ้าหากพวกแบ่งแยกดินแดนไม่สร้างเหตุการณ์ความรุนแรง ความสงบสุขก็จะไม่ถูกล่วงละเมิด และสามารถลดอำนาจทหารลงได้
แต่การใช้ความรุนแรงและการคร่าชีวิต ที่อ้างโดยพวกแบ่งแยกดินแดนนั้น ทำให้รัฐบาลไม่มีทางเลือกอื่นในการควบคุมความปลอดภัย
รัฐบาลไทยอาจเตรียมการที่จะถอนกำลังทหาร ถ้าหากมีหลักประกันจากพวกแบ่งแยกดินแดน ว่าจะไม่ก่อความรุนแรง แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าไม่มีหลักประกันนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากการเผชิญหน้ากับพวกแบ่งแยกดินแดนแล้ว สถานการณ์ในภาคใต้ยังถูกรุมเร้าจาก ปัญหายาเสพติด
พวกแบ่งแยกดินแดนไม่สามารถโทษได้ว่าสิ่งที่รัฐบาลทำนั้นผิด ในเรื่องการส่งกองกำลังทหารเข้ามาประจำการ ในทางกลับกันพวกเขาควรจะต้องหาหนทางอื่นในการที่จะทำให้การต่อสู้เพื่อความผาสุกของประชาชนอิสลามไปถึงเป้าหมายนั้น
พวกเขาควรต้องเจรจาระหว่างกัน ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันว่ามาจากหลากหลายพวก และไม่มีผู้นำสุดยอดที่สามารถเจรจากับรัฐบาลไทย
พวกแบ่งแยกดินแดนต้องไม่ลืมว่า ประเทศใดที่มีรัฐบาลที่ถูกต้องและมีเอกราช ย่อมมีความชอบธรรมในการรักษาและปกป้องอาณาเขตด้วยวิธีการใดๆก็ตาม
ดังนั้นการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยเอกราชของบางจังหวัดในภาคใต้นั้นจะเปล่าประโยชน์ เพราะผู้เขียนมีความเชื่อว่าความพยายามนั้นจะไม่ได้รับการยินยอมจากรัฐบาลไทย
บทสรุป ก็ขอยกให้พวกแบ่งแยกดินแดนที่จะกำหนดจุดม่งหมายต่อไป ด้านรัฐบาลไทยเอง ควรต้องทำตามสัญญาจัดทำโครงการต่างๆเพื่อให้เกิดความสงบสุขแก่ประชาชาติอิสลาม
เมื่อเปลี่ยนแปลงรัฐบาล อย่าเปลี่ยนจุดยืน ถ้าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น จนถึงเมื่อไรก็ไม่สามารถสร้างความสงบและผาสุกในภาคใต้ได้ มันจะเป็นเพียงแค่ความฝันล้มๆแล้งๆ
ขออย่าเพียงว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อย่าทำให้ข้อตกลงหรือจุดยืนเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย เพราะหากเป็นเช่นนั้น จนถึงเมื่อไหร่ก็ตามความพยายามที่ต้องการจะสร้างสันติภาพและความสงบสุขในภาคใต้ก็จะล้มเหลวเป็นเพียงความฝันชั่วครู่ชั่วยาม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท