Skip to main content
sharethis
 
คิม แด จุง อดีตผู้นำเกาหลีใต้ซึ่งต่อสู้เพื่อสันติภาพระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้  
สื่อท้องถิ่นของเกาหลีรายงานคำแถลงของนายลี ซังมัน โฆษกของโรงพยาบาลเยนเซ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ว่า อดีตประธานาธิบดีคิม แดจุง ถูกส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลด้วยอาการปอดบวมและโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตั้งแต่เมื่อปลายเดือนที่แล้ว และเสียชีวิตเมื่อเวลา 13.43 น. ของวันที่ 18 สิงหาคม 2552 ตามเวลาท้องถิ่น ถือเป็นอดีตผู้นำซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน คนที่ 2 ที่เสียชีวิตลงในปีนี้ คนแรกคือ โนห์มูฮยอน ซึ่งเสียชีวิตด้วยการกระโดดจากหน้าผาปลิดชีวิตตนเองเนื่องจากความกดดันจากการถูกดำเนินคดีข้อหาทุจริต
คิม แด จุง ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีระหว่างปี 2541-2546 เกิดเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2467 ที่เมืองซีนัน จังหวัดโจลลาใต้ เขาเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน จบการศึกษาระดับมัธยมปลายด้านพานิชย์ จากจังหวัดโจลลาใต้ จากนั้นเริ่มกิจการขนส่งสินค้าทางเรือ และเป็นผู้บริหารหนังสือพิมพ์ ม็อกโปเดลี่ สมรส 2 ครั้ง มีบุตรชาย 3 คน
คิม แด จุง เริ่มทำงานการเมืองและต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ตั้งแต่ปี 2506 (ค.ศ. 1963) โดยเขาได้รับการเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 6 สมัยตลอดช่วงเวลาที่เขาเป็นนักการเมืองอยู่ 46 ปี
ในระหว่างการทำงานการเมืองนั้น คิม แดจุง ต้องเผชิญกับการคุกคามอย่างร้ายแรงจากรัฐบาลเผด็จการทหารทั้งในสมัยของปัก จุง ฮี และทายาททางการเมืองของปัก จุง ฮี คือ ชูน ดู ฮวาน ซึ่งเขาถูกคุกคามที่หมายเอาชีวิตหลายครั้ง ทั้งการลักพาตัว ลอบสังหาร และต้องโทษประหารชีวิต
ในเดือนสิงหาคม2517 เขาถูกลักพาตัวจากโรงแรมในโตเกียวโดยการลักพาตัวครั้งนั้นมุ่งหมายเอาชีวิต แต่ก็รอดมาได้ด้วยการเข้าแทรกแซงจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น  
ปี 2523 เขาถูกจับกุมด้วยกฎอัยการศึก ภายใต้คำสั่งของนายพลชุน ดู ฮวาน ซึ่งมุ่งเอาผิดเขาโทษฐานที่มีบทบาทในการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในจังหวัดกวางจู ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม เหตุการณ์ 518  หรือ 18 พฤษภาคม 2523 ผลจากความผิดในฐานเรียกร้องประชาธิปไตย เขาถูกตัดสินประหารชีวิต แต่เนื่องจากการกดดันจากนานาชาติ โทษประหารชีวิตจึงเหลือเพียงจำคุกตลอดชีวิต และลดเหลือจำคุก 20 ปี ทว่าในปี 2525 โทษจำคุกก็ถูกระงับไว้เนื่องจากเขาได้ออกเดินทางไปยังสหรัฐและเริ่มต้นดำเนินการเรียกร้องประชาธิปไตยอีกครั้ง
เขาลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี 4 ครั้ง ครั้งแรกในปี 2514 พ่ายแพ้ต่อผู้นำเผด็จการปัก จุง ฮี และก็พ่ายแพ้ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกในสองครั้งต่อมา คือปี 2530 และ 2535 ตามลำดับ
กระทั่งในปี 2540 เขาก็เอาชนะคู่แข่ง ได้สำเร็จ และกลายเป็นสิ่งที่ต้องบันทึกไว้ว่านับเป็นครั้งแรกที่พรรคซึ่งกุมบังเหียนรัฐบาลต้องกลายไปเป็นฝ่ายค้าน
ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี คิม แด จุงได้ใช้ความเป็นผู้นำของเขานำพาประเทศให้ฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจ และยังทำงานอย่างหนักในการสร้างความสมานฉันท์ระหว่างประเทศเกาหลีเหนือ-ใต้
 
คิม แด จุง จับมือกับ คิม จอง อิล ผู้นำเกาหลีเหนือ ในการประชุมเกาหลีซัมมิทเมื่อปี 2543 ภาพจาก www.koreatimes.com
คิม แด จุง เป็นประธานาธิบดีที่ชาวเกาหลีถือว่าเป็นผู้นำการเมืองเกาหลีสู่ยุคสมัยใหม่ และมีบทบาทอย่างสำคัญยิ่งในการพัฒนาประชาธิปไตยและส่งเสริมการสมานฉันท์และสิทธิมนุษยชน คิม แด จุง เป็นผู้นำเกาหลีใต้คนแรกที่จัดการประชุมร่วมกับ คิม จอง อิลผู้นำเกาหลีเหนือ และได้อุทิศตนให้กับการสมานฉันท์ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ภายใต้นโยบายอาทิตย์ฉายแสง โดยมุ่งให้เกาหลีเป็นหนึ่งเดียว
หลังการประชุมเกาหลีซัมมิท ปี 2543 เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพด้วยผลงานการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและการมุ่งหวังสร้างความสมานฉันท์ระหว่างประเทศเกาหลีเหนือและใต้ซึ่งเป็นผลงานที่เขาได้กระทำมาตลอดชีวิต
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net