Skip to main content
sharethis

วันนี้ (9 ก.ค.52) เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.กลุ่มชาวบ้านสมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดิน บ้านลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ จำนวนกว่า 120 คน ซึ่งมีทั้งเด็กและคนแก่ ได้เดินเท้าจากหมู่ที่ 10 บ้านลำนางรอง มุ่งหน้าไปยังศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ดำเนินการยกเลิกประกาศจังหวัดบุรีรัมย์ เรื่องห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปแผ้วถาง ก่อสร้าง เผาป่า หรือยึดครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติดงใหญ่ ต.โนนดินแดง และ ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ลงวันที่ 18 มิ.ย.2552 โดยให้บุคคลเหล่านั้นออกจากพื้นที่ภายใน 20 วัน ภายหลังประกาศนี้ นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่าหากมีการละเมิด จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ พื้นที่กรณีปัญหาดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติดงใหญ่ อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 23,746 ไร่ จำนวน 9 แปลง ขณะนี้กำลังดำเนินการจัดสรรที่ดินเพื่อการใช้ประโยชน์ หลังจากสัญญาเช่าซึ่งกรมป่าไม้ได้อนุญาตให้เอกชนใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อปลูกไม้ยูคาลิปตัสป้อนโรงงานอุตสาหกรรมเยื่อกระกระดาษ นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2528 ได้สิ้นสุดลง โดยกลุ่มชาวบ้านซึ่งเป็นสมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย (คปท.) ได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา

เข้าพบนายอำเภอ ส่งสารจี้ผู้ว่าราชการจังหวัด ลงมาเจรจาชาวบ้าน สางปัญหาประกาศจังหวัด

เมื่อเวลาประมาณ 15.40 น. ขบวนเดินเท้าของชาวบ้านสมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดิน บ้านลำนางรอง ได้เดินทางถึงหอประชุมอำเภอโนนดินแดง และได้ขอเข้าพบนายอำเภอโนนดินแดง

นายไพฑูรย์ สร้อยสด ชาวบ้านเครือข่ายปฏิรูปที่ดิน บ้านลำนางรอง สมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเข้าพบนายอำเภอโนนดินแดงก็เพื่อขอให้เป็นตัวกลาง ส่งผ่านข้อเรียกร้องของชาวบ้านไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์  พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลงมาเจรจากับชาว ทั้งนี้ ปลัดอำเภอซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนนายอำเภอได้มารับเรื่องและร่วมพูดคุยกับชาวบ้าน พร้อมรับจะประสานงานต่อไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดให้

อย่างไรก็ตาม ทางชาวบ้านได้ยื่นเงื่อนไขเวลาขอทราบผลจากทางผู้ว่าราชการจังหวัด ก่อนเวลา 14.30 น. ของวันพรุ่งนี้ (10 ก.ค.52) โดยในคืนนี้จะพักค้างคืนเพื่อรอคำตอบที่หน้าที่ว่าการอำเภอโนนดินแดง หากไม่มีการตอบรับชาวบ้านก็จะเคลื่อนพลเดินเท้าต่อไปยังศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเจราจากับผู้ว่าราชการจังหวัด ด้วยตัวเอง

ในส่วนของข้อเรียกร้องของชาวบ้าน นายไพฑูรย์กล่าวว่า มี 3 ข้อ คือ 1.ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ยกเลิกประกาศจังหวัดบุรีรัมย์ ลงวันที่ 18 มิ.ย.2552 ฉบับที่เป็นปัญหา 2.ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ออกประกาศจังหวัดบุรีรัมย์ ส่งให้หน่วยงานราชการในพื้นที่ ให้ยกเลิกหรือระงับประกาศจังหวัดตามข้อ 1 โดยรอให้การแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ แล้วเสร็จ 3.ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ทำหนังสือเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีให้เร่งแก้ปัญหาของชาวบ้านลำนางรอง

“ตอนนี้เราจำเป็นต้องพบผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะท่านเป็นคนลงนามในประกาศจังหวัด ผู้ว่าฯ เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอง” ชาวบ้านเครือข่ายปฏิรูปที่ดิน บ้านลำนางรองกล่าว

ทั้งนี้ หากการออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ไม่เป็นผล นายไพฑูรย์กล่าวว่า ชาวบ้านจะเข้าไปมอบตัวกับนายกรัฐมนตรี เพราะตามประกาศจังหวัดนั้นชาวบ้านได้กลายเป็นผู้บุกรุกไปหมดแล้ว และหากผู้ว่าราชการจังหวัด จะไปจับชาวบ้าน ผู้ว่าราชการจังหวัด ก็ต้องไปจับรัฐบาลด้วย เพราะชาวบ้านทำตามนโยบายรัฐบาล

“เราทำตามนโยบายรัฐ เราผิด รัฐก็ผิดด้วย” นายไพฑูรย์กล่าว

ย้ำ เดินเท้า 120 กิโลเมตร ไม่เดือดร้อนจริงคงไม่มา

นายไพฑูรย์กล่าวว่า ในเรื่องที่ดินทำกินชาวบ้านได้เรียกร้องกันมานาน แต่ถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้สิทธินั้น ที่ผ่านมาส่วนตัวรู้สึกท้อจนไม่รู้จะท้ออย่างไร คิดว่าคำว่าท้อเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ก็ยังคงมีความหวังอยู่เรื่อยๆ เมื่อลุกขึ้นสู้ และรู้สึกว่ามีหนทางที่จะเดินต่อ แต่ถ้าหากมีหนทางแล้วไม่ลุกขึ้นสู้มันก็แพ้อยู่ดี

การที่ชาวบ้านต้องลุกขึ้นมาสู้ด้วยการเดินเท้าครั้งนี้ เพราะชาวบ้านเป็นเพียงเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกิน ไม่มีเงินที่จะเอามาใช้ต่อสู้เคลื่อนไหว การเดินเท้าจึงน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการออกมาเรียกร้อง

“เราจำเป็นจริงๆ ระยะทาง 120 กิโลเมตร จากลำนางรอง ถึงจังหวัดบุรีรัมย์ คงไม่มีใครคิดเล่นๆ เดินเล่นๆ แต่เราจำเป็นจริงๆ ถึงได้มา” สมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดินกล่าว

นอกจากนี้ นายไพฑูรย์ยังแสดงความคิดเห็นด้วยว่า เรื่องที่ดินเป็นหลักประกันในการดำเนินชีวิตของเกษตรกร แม้ไม่มีเงินก็มั่นใจว่าจะมีกินเพราะมีที่ดินเอาไว้ทำกิน ปลูกข้าว ไม่ใช่ต้องไปทำงานหาเงินเป็นลูกจ้าง เป็นแรงงานอยู่ในเมือง ต้องไปอาศัยอยู่ในสลัมเหมือนอดีตที่ผ่านมา

แจงประวัติศาสตร์พื้นที่เป็นที่ทำกินเดิมของชาวบ้าน ก่อนให้นายทุนเช่าปลูกป่ายูคาฯ

นายไพฑูรย์เล่าว่า ในอดีตพื้นที่ลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ เป็นพื้นที่สีแดงที่มีการต่อสู้ของรัฐบาลและคอมมิวนิสต์ รัฐบาลมีนโยบายเปิดพื้นที่ป่าให้ชาวบ้านเข้าไปทำกิน แต่เมื่อในพื้นที่สงบรับบาลได้มีการจัดสรรที่ดินใหม่ในปี 2522 โดยจัดสรรที่ดินในพื้นที่อื่นให้แล้วบอกกับชาวบ้านว่าที่ดินเดิมนี้เหลือไว้เพื่อจัดสรรไว้ให้ลูกหลานในอนาคต แต่ต่อมารัฐกลับเอาไปให้ให้บริษัทเอกชนเช่าปลูกป่ายูคาลิปตัส ดังนั้นเมื่อบริษัทเอกชนหมดสัญญาเช่าไปเมื่อวันที่ 5 พ.ค.52 ชาวบ้านจึงได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ เพื่อให้รัฐบาลยกเลิกการอนุญาตให้บริษัทเอกชนเช่าพื้นที่ต่อ และให้มีการนำที่ดินดังกล่าวมาจัดสรรให้กับประชาชนที่ไร้ที่ดินทำกินและที่มีดินทำกินไม่เพียงพอในรูปแบบโฉนดชุมชน

นายไพฑูรย์ กล่าวด้วยว่า การออกมาเคลื่อนไหวของชาวบ้านในครั้งนี้เพื่อต้องการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดยกเลิกประกาศของจังหวัดที่ระบุให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติดงใหญ่ โดยกล่าวอ้างความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 เนื่องจากกลุ่มชาวบ้านได้นำเสนอการแก้ไขปัญหาให้แก่นายกรัฐมนตรีร่วมกับเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ ไปก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ ที่ผ่านมาได้มีมติคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ ซึ่งเป็นคณะกรรมการในระดับชาติเพื่อแก้ปัญหาร่วมระหว่างเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ กับรัฐบาล ให้ผ่อนผันให้ราษฎรได้อยู่อาศัยและทำกินในที่ดินตามวิถีชีวิตปกติไปพลางก่อนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน แต่ข้าราชการท้องถิ่นในระดับจังหวัดกลับไม่ได้ให้ความสนใจกับมติดังกล่าว ทั้งนี้ ตลอดเวลากว่า 50 วันที่ชาวบ้านเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ ได้มีการส่งกำลังเจ้าหน้าฝ่ายปกครองและป่าไม้เข้าไปถือเป็นการข่มขู่คุกคามชาวบ้าน จนกระทั่งท้ายสุดได้มีประกาศของทางจังหวัดฉบับนี้ออกมา

ขอหน่วยราชการแก้ปัญหาตามหลักความเป็นจริง แจงขณะนี้พื้นที่อยู่ระหว่างแก้ปัญหาร่วมกับรัฐบาล

นายไพฑูรย์ กล่าวต่อมาว่า ในการประชุมคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินฯ ครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางกลุ่มชาวบ้านได้มีการยื่นประกาศจังหวัดฉบับดังกล่าวให้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยทางนายกก็ได้มอบหมายให้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีประสานงานต่อไปยังทางผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งหลังจากนั้นในวันที่ 4 ก.ค. หลังจากกลับเข้าพื้นที่ก็ได้รับแจ้งข่าวว่านายสาทิตย์ได้ดำเนินการตามที่รับมอบหมาย แต่ทางผู้ว่าราชการจังหวัด ให้เหตุผลว่าประกาศดังกล่าวไม่สามารถยกเลิกได้ แต่ให้ยืดระยะเวลาไปอีก 1 เดือน

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 5 ก.ค. กลับมีรถที่บรรทุกเจ้าหน้าที่ป่าไม่ซึ่งสวมชุดดำ จำนวน 8 คัน มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 15-20 คนต่อคัน เข้ามาวิงวนไปมาในพื้นที่ สร้างความวิตกกังวลแก่ชาวบ้านกว่า 170 ครอบครัวที่เข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่เป็นอันมาก

“พี่น้องคุยกันในพื้นที่สรุปบทเรียนกันว่า มติของรัฐไม่ได้เกิดในการปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ในระดับล่างไม่ทำตามนโยบาย จึงจำเป็นที่เราต้องเดินเท้ากันมาในครั้งนี้เพื่อยกเลิกประกาศฯ เพราะขณะนี้เรากำลังดำเนินการแก้ปัญหาร่วมกับรัฐบาลอยู่” ตัวแทนชาวบ้านกล่าว พร้อมย้ำว่าในส่วนของการแก้ปัญหาในพื้นที่อยากให้มีการยึดหลักความเป็นจริงมากกว่ายึดข้อกฎหมาย

เชื่อปฏิรูปที่ดินโดยโฉนดชุมชนจะช่วยชุบชีวิตเกษตรกรกลับคืนมาได้

สำหรับเรื่องการจัดสรรพื้นที่เพื่อการใช้ประโยชน์นั้น นายไพฑูรย์กล่าวว่า นอกจากบริษัทเดิมที่เคยเช่าพื้นที่นี้อยู่ ก็กลุ่มชาวบ้านที่ต้องการใช้ประโยชน์จากพื้นที่อีกหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีแนวความคิดและการปฏิบัติไม่เหมือนกัน บางกลุ่มก็ต้องการที่จะเช่าที่ แต่ทางกลุ่มเราคิดว่าการเช่าที่จะไม่ยั่งยืน เกรงว่าที่ดินจะหลุดสู่มือนายทุนเพราะการถือครองมีลักษณะที่เป็นปัจเจกอยู่ และจากการศึกษาคิดว่าแนวทางการปฏิรูปที่ดินโดยโฉนดชุมชนจะช่วยชุบชีวิตเกษตรกรกลับคืนมาได้ดีกว่าการเช่า ไม่เสี่ยงต่อการสูญเสียทีดิน

โฉนดชุมชนเป็นกรรมสิทธิ์ร่วม และมีการร่วมกันวางแผนการผลิตของทั้งชุมชน ดังนั้น จึงเป็นการสร้างหลักประกันทางราคาเพราะจะไม่ใช่การปล่อยให้ปลูกพืชเชิงเดี่ยวชนิดเดียวกันทั้งหมด อีกทั้งยังประกันว่าจะไม่มีการสูญเสียที่ดิน เพื่อรักษาที่ดินให้เกษตรกร ให้ลูกหลานต่อไป

ทั้งนี้ นายไพฑูรย์ยังได้ให้ข้อมูลาว่า พื้นที่สวนป่ายูคาสัญญาเช่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติดงใหญ่ อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์นี้ เป็นพื้นที่ 1 ใน 30 แห่ง ที่ถูกผลักดันให้รัฐบาลสนับสนุนเป็นพื้นที่นำร่องการจัดทำโฉนดชุมชน ซึ่งทราบว่าจะมีการนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้

 

 
“ยกเลิกประกาศที่ไม่เป็นธรรม นำนโยบายรัฐบาลมาแก้ไขปัญหาที่ดิน”
 
นับเป็นเวลากว่า 50 วันแล้ว ที่ชาวบ้านผู้เดือดร้อนในนามเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย พื้นที่บ้านลำนางรอง ตำบลลำนางรอง อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้เข้าปฏิบัติการตรวจสอบพื้นที่หมดอายุสัญญาเช่าของเอกชนในเขตป่าสงวนแห่งชาติดงใหญ่ และได้ปักหลักให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยการนำพื้นที่ดังกล่าวมาดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล และข้อตกลงร่วมระหว่างรัฐบาลกับเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย นั่นคือ การจัดการที่ดินในรูปแบบโฉนดชุมชน นั่นเอง
 
ในการนี้ เครือข่ายได้ผลักดันให้มีการสนับสนุนพื้นที่นำร่องการจัดทำโฉนดชุมชน จำนวนทั้งสิ้น 30 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาของเครือข่ายฯ ครั้งล่าสุดที่มี ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ประชุมมีมติให้ความเห็นชอบแนวทางการสนับสนุนพื้นที่นำร่องดังกล่าว และจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ในช่วงเดือนสิงหาคม 2552 นี้ ทั้งนี้ พื้นที่บ้านลำนางรองก็เป็นหนึ่งในพื้นที่นำร่องดังกล่าวด้วย
 
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้นโยบายของรัฐบาลจะมีความสอดคล้องตามความเรียกร้องต้องการของเกษตรกร แต่ในทางปฏิบัติกลับขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง กล่าวคือ ได้มีประกาศจังหวัดบุรีรัมย์ เรื่องห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปแผ้วถาง ก่อสร้าง เผาป่า หรือยึดครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติดงใหญ่ ตำบลโนนดินแดง และตำบลลำนางรง อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ ประกาศ ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2552 ทั้งนี้ ให้บุคคลเหล่านั้นออกจากพื้นที่ภายใน 20 วัน ภายหลังประกาศนี้ หากมีการละเมิด จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
 
พวกเราผู้เดือดร้อนในนามเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย บ้านลำนางรอง ขอยืนยันอีกครั้งว่า การดำเนินการทั้งหมดทั้งสิ้น เป็นไปตามเงื่อนไข และนัยะตามนโยบายของรัฐบาลที่มีการตกลงร่วมกับเครือข่ายฯ อีกทั้ง บริษัทเอกชนไม่มีความชอบธรรมอีกแล้วที่จะมาขออนุญาตใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวต่อไป
 
ดังนั้น ในวาระการเดินเท้าทางไกลครั้งนี้ พวกเราจึงขอเรียกร้องความเข้าใจในการปฏิบัติการครั้งนี้ และขอเรียกร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ดังนี้
 
1. ให้ดำเนินการยกเลิกประกาศจังหวัดบุรีรัมย์โดยทันที เพื่อให้กระบวนการแก้ไขปัญหาตามนโยบายรัฐบาลเป็นไปด้วยความมีประสิทธิภาพ
 
2. ให้ยกเลิกการตั้งด่านตรวจในพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งถือเป็นการคุกคามสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนอย่างยิ่ง
 
 
สมานฉันท์
เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย (คปท.)
 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net