Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ปี ๕๒ ที่ผ่านมาในฐานะเป็นคนทำงานด้านเอดส์ ด้านสิทธิมนุษยชน และเป็นที่ปรึกษาให้กับเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ รวมถึงคนทำงานเรื่องสิทธิทางเพศ ความหลากหลายทางเพศ ดิฉันถูกกลุ่มใส่เสื้อสีแดง ปิดล้อม กักขัง หน่วงเหนี่ยว ด่าทอ และปลุกระดมให้ประชาชนที่มามุงดูเกิดอารมณ์โมโหและโกรธว่ากลุ่มของดิฉันเป็นกาลกิณีของบ้านเมือง (ขึดบ้าน ขึดเมือง) วันนั้นกลุ่มเยาวชน กลุ่มความหลากหลายทางเพศ กลุ่มคนทำงานด้านเอดส์ ร่วมกันจัดงาน “เชียงใหม่เกย์ไพรด์” ซึ่งเป็นการจัดเป็นปีที่ ๒ ปีที่แล้วก็จัดการเดินขบวนรณรงค์อย่างนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง วัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ให้คนรู้จักความหลากหลายทางเพศ การเคารพสิทธิทางเพศ การป้องกันเอดส์ เรากำลังเตรียมตั้งขบวนพาเหรดเพื่อเดินรณรงค์ไปตามถนนท่าแพ เลี้ยวเข้าถนนช้างคลานผ่านบริเวณไนท์บาร์ซาร์ เพื่อไปจัดเวทีแสดงต่างๆ ที่ลานแอดตะวัน หัวมุมถนนไนท์บาร์ซาร์ ระยะทาง ๒ กิโลเมตร โดยตั้งใจจะเริ่มขบวนพาเหรดเวลาหนึ่งทุ่ม

ตั้งแต่ ๕ โมงเย็นเริ่มมีเยาวชน กลุ่มเพื่อนๆ เยาวชนอาเซียน กลุ่มสาวประเภทสอง และเอนจี โอด้านเอดส์ ทยอยเดินทางมาถึงยังไม่มากนักราวๆ ๕๐ คน ขณะที่ตำรวจจากสถานีตำรวจต่างๆ ในเมืองเชียงใหม่ก็ค่อยๆ ทยอยเดินทางมากันเป็นรถมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ตำรวจ สักพักรองสารวัตรก็เดินทางมาถึง พร้อมๆ กับที่กลุ่มคนใส่เสื้อสีแดงพร้อมรถขนาดใหญ่มีเครื่องเสียง (รถสูง สามารถทำเป็นเวทีบนรถได้) ก็ได้นำรถมาจอดชิดรั้วด้านนอกและเริ่มตะโกนด่าทอใส่ไมค์ว่าจะปิดล้อมไม่ให้ขบวนพาเหรดออกเดิน พร้อมกับฮือเข้ามาปิดประตูไม่ให้คนเข้าออก ขณะนั้นมีคนเสื้อแดงราวร้อยคน ไทยมุงอีกใกล้ๆ ร้อยคน พนักงานกวาดถนนของเทศบาล ไม่ได้ใส่เสื้อแดงแต่ยืนด่าพวกเราที่หน้าประตูและทำหน้าที่ลากประตูมาปิดกั้นพวกเรา ช่วงเวลานั้นเยาวชน ๑๐ คนที่เตรียมตัวมาร่วมขบวนเกิดความกลัวจึงขอกลับบ้าน โดยนำรถกระบะขับออกไปที่ประตู แต่ถูกกลุ่มคนที่มีแกนนำใส่เสื้อสีแดงกั้นไม่ให้ออก และเมื่อคนขับรถพยายามขยับไปข้างหน้า แกนนำคนนั้นก็หาว่าเอารถไปชนเขา เดินมาทุบประตูรถและสั่งให้คนขับรถลงไปขอโทษเขาเดี๋ยวนี้ ทางพวกเราพยายามกันไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งและขอให้คนขับรถลงมายกมือไหว้ แล้วทางกลุ่มที่ปิดกั้นอยู่จึงยอมให้รถผ่านออกไป ทุกอย่างเกิดขึ้นท่ามกลางการยืนเฝ้าดูของตำรวจ

หลังจากพวกเราอดทนให้เขาปิดล้อม และด่าทอผ่านเครื่องกระจายเสียงไปจนเวลาเกือบสองทุ่มผ่านไปราว ๓ ชั่วโมงความมืดมาปกคลุม ตำรวจมาบอกพวกเราว่า ยอมๆ เขาไป พวกนี้เป็นอย่างนี้แหละ ตอนนี้มืดมากแล้วตำรวจเกรงว่าจะดูแลเราลำบาก ขณะเดียวกันช่วงเวลานั้นเยาวชน เอนจีโอ และสาวประเภทสองบางคนเริ่มอาศัยความมืดปีนข้ามรั้วด้านหลังหลบออกไป แต่สักพักคนเสื้อแดงก็ส่งคนอ้อมมาดูจุดที่ข้ามกำแพง และเริ่มปีนกำแพงเข้ามาโอบล้อมพวกเราจากด้านหลัง เยาวชนที่เหลืออยู่ราว ๑๐ คนเริ่มไม่มีความอดทน กระหายน้ำ และไม่พอใจว่าคนเหล่านี้มีสิทธิอะไรมาด่า และกักขัง เขาตั้งใจจะเดินออกไปหากเกิดเหตุการณ์ถูกทำร้ายก็หวังว่าตำรวจกว่าร้อยนายจะช่วยปกป้องได้ โดยก่อนเดินออกไปจะขอแถลงข่าวกับนักข่าวที่มาเฝ้าทำข่าวอยู่บริเวณนั้นอยู่สัก ๔-๕ คน มีทีมทีวีไทยมาถ่ายภาพและสัมภาษณ์ ภาวะเช่นนี้ตรึงเครียดมาก คนที่ถูกปิดล้อมเริ่มทนไม่ได้ และกลัวความรุนแรง เพราะก่อนหน้านี้ไม่นานกลุ่มเสื้อแดงและเสื้อเหลืองปะทะกันบริเวณสถานีวิทยุชุมชนของเสื้อเหลืองและมีคนตายหนึ่งคน เราจำเป็นต้องเอาชีวิตเข้าแลกเพื่ออิสระภาพจากการถูกปิดล้อมครั้งนี้หรือ

เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง เมื่อทางกลุ่มเสื้อแดงบนรถขยายเสียงเสนอให้พวกเรากราบขอโทษเขาและรับปากว่า ล้มเลิกการเดินพาเหรดครั้งนี้ จะไม่จัดงานนี้อีกไปตลอดพันสองพันปีข้างหน้า ดิฉันจึงยอมกล่าวขอโทษแต่ไม่รับปากว่าจะไม่จัดงานอีก พวกเขาก็ขับรถจากไปในเวลาไม่ถึงห้านาที ความสงบเข้ามาเยือน แต่ดิฉันยังต้องคอยดูว่ากลุ่มไทยมุงที่มีทั้งเสื้อแดงและเสื้ออื่นๆ จะกลับไปเมื่อไรเพื่อส่งคนของเราทยอยเดินทางออกไป ต้องรออีกกว่า ๒๐ นาทีจึงจะกลับกันได้ ขณะนั้นมีผู้สื่อข่าวจากต่างประเทศมาทำเวิร์กชอบการสื่อสารในเชียงใหม่ มาเที่ยวไนท์บาร์ซาร์ ทราบข่าวก็เดินมาดูและถามตำรวจว่า ทำไมปล่อยให้เกิดการกักขัง หน่วงเหนี่ยวประชาชน ตำรวจตอบว่า ก็เพราะคนที่มาจัดขบวนพาเหรดมาใช้ที่สาธารณะตั้งขบวนทำไม นักข่าวงงมากว่ามันเกี่ยวอะไร แล้วมาถามดิฉัน ซึ่งก็งงเหมือนกัน เพราะสมาคมพุทธสถาน เป็นเอกชน และเราขอใช้บริเวณลานจอดรถ เพื่อตั้งขบวนโดยต้องจ่ายค่าเช่าด้วย แต่ก็ไม่เป็นเหตุผลที่ตำรวจจะไม่ทำอะไร ได้แต่เฝ้าคอยดูเหตุการณ์

ก่อนการจัดงานขบวนพาเหรดสัก ๓-๔ วัน กลุ่มเสื้อแดงกลุ่มนี้ ได้ปลุกระดมผ่านสถานีวิทยุของตนเองตลอดเวลาว่าเขาเป็นคนเชียงใหม่ ไม่ต้องการให้มีเกย์มาพาเหรด ทุกคนต้องช่วยกันออกมาจัดการคนเหล่านี้ พวกเรารู้สึกว่าเขาไม่เข้าใจจุดประสงค์ของงาน ไม่รู้จักว่าพวกเราเป็นใคร จึงประสานงานไปยังหัวหน้ากลุ่มเพื่ออธิบายและแสดงตัวตน โดยขอเข้าไปพบในคืนวันศุกร์ก่อนจัดงานคืนวันเสาร์ ในการพบกันที่บริเวณชุมนุมของคนเสื้อแดงที่โรงแรมวโรรสแกรนด์หลังวัดพระสิงห์ฯ พวกเขาแสดงตัวว่าเป็นตัวแทนคนเชียงใหม่เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีคนเชียงใหม่ เมืองเชียงใหม่ ไม่ให้มีสิ่งใดที่ขัดวัฒนธรรมประเพณี ขณะที่เราก็อธิบายว่าเราก็เป็นคนเชียงใหม่ เป็นลูกหลานเชียงใหม่ แต่ไม่อาจเป็นตัวแทนคนเชียงใหม่ พร้อมอธิบายว่าเรื่องเพศที่หลากหลายเป็นสิทธิมนุษยชน เป็นศักดิ์ศรีมนุษย์ที่ควรได้รับการคุ้มครอง แต่ทางกลุ่มเสื้อแดง ยื่นคำขาดว่าไม่ให้จัดงาน ให้ยกเลิก ให้ตอบเดี๋ยวนี้ว่าจะยกเลิกหรือไม่ เพราะกลุ่มเสื้อแดง ไม่มีแกนนำ มีการชุมนุมที่ไม่มีแกนนำ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์คนที่ร่วมชุมนุมได้ การดำเนินการของกลุ่มเป็นอิสระจากกัน ทางเราเห็นว่าได้อธิบายทุกอย่างแล้วจึงลากลับ และเตรียมจัดพาเหรดต่อไป ในใจก็คิดว่าการชุมนุมของเสื้อแดงไม่มีแกนนำ แล้วการปลุกระดมผ่านรายการวิทยุเพื่อยุให้คนออกมาชุมนุมไม่เป็นความรับผิดชอบของพวกเขาหรือ

เรื่องนี้มันตั้งแต่ต้นปี ดิฉันเองก็ไม่ติดใจอะไรพร้อมสรุปบทเรียนกับทีมจัดงานว่า หากสังคมไม่มีประชาธิปไตยเพียงพอ ไม่ยอมรับความแตกต่าง พวกเรายังคงต้องอดทนและทำการรณรงค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงต่อไป นักปฏิวัติเพื่อการเปลี่ยนแปลง ต้องไม่ใช้ความรุนแรงไปลิดรอนสิทธิผู้อื่นที่แตกต่าง แต่เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ดิฉันกำลังเตรียมตัวไปประชุมร่วมกับกลุ่มรักษ์บ้านรักษ์เมือง ซึ่งเป็นกลุ่มชาวเชียงใหม่ที่ได้รับผลกระทบจากผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ที่จะมีการขยายถนนจำนวนมากในเมืองเชียงใหม่ ก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าต้องยกเลิกการประชุมไปก่อนเพราะบ่ายวันนี้ที่คริสตจักรที่ ๑ เชิงสะพานนวรัฐ กลุ่มภาคีคนฮักเจียงใหม่ จัดอภิปรายเรื่องประตูเมืองช้างเผือกและขณะนี้กำลังถูกปิดล้อม กักขัง หน่วงเหนี่ยวไม่ให้ออกจากห้องประชุมโดยกลุ่มเสื้อแดง เพราะเรานัดประชุมกันที่นั่นตอนหนึ่งทุ่มพวกเราจึงไม่ควรเข้าไปที่นั่น ทำให้ดิฉันต้องหันกลับไปมองเหตุการณ์เดิมที่เกิดขึ้นกับตนเองมาแล้วเมื่อต้นปี คนเชียงใหม่จะต้องถูกกักขัง หน่วงเหนี่ยว ลิดรอนสิทธิไปอีกนานเท่าใด

การปฏิวัติสังคมไม่เกิดในวันเดียว แต่พวกเราจะไม่สร้างการเปลี่ยนแปลงโดยทำตัวเป็นอันธพาลเที่ยวไปลิดรอนสิทธิของคนอื่นๆ ที่เห็นต่าง ไม่รู้ว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของกลุ่มเสื้อแดงกับการพร่ำพูดในสถานีวิทยุของตนเองทุกวันที่เนื้อหาส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างไร สร้างความเสมอภาคอย่างไร โดยที่ทุก ๕ นาทีของการพูดได้แต่พร่ำบ่นให้อดีตนายกฯ ที่หลุดจากตำแหน่งหน้าที่ไปแล้วให้กลับมา สลับกับการเปิดเพลงยกย่องสรรเสริญอดีตนายกฯ ท่านนั้น นี่คือการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย หรือเพื่ออะไร

.................................................................

หมายเหตุ คลิกเพื่ออ่านคำอธิบายเรื่องศักดิ์ศรีมนุษย์ ที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญของไทยปี ๒๕๕๐ จากบทความ “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของกลุ่มหลากหลายทางเพศ ในมุมมองนักกฎหมาย” ของชำนาญ จันทร์เรือง
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net