Skip to main content
sharethis

พล.อ.เปรม เป็นประธานเปิดงานแสดงสินค้าเครือสหพัฒน์ เชื่อวิกฤตหนนี้ไม่รุนแรงเท่า ‘วิกฤตต้มยำกุ้ง’ เชื่อจะฝ่าวิกฤตนี้ได้ ด้วยการรักสามัคคีกัน ซื้อสินค้าไทย ใช้ชีวิตพอเพียง เผยทราบข่าวชุมนุมเสื้อแดง 27 มิ.ย. ผ่านหนังสือพิมพ์ ในฐานะคนไทยจึงห่วงประเทศชาติ เป็นหน้าที่รัฐบาลดูแล

 

วานนี้ (25 มิ.ย.) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้เดินทางเป็นประธานในพิธีเปิดงานแฟชั่นโชว์และการแสดงสินค้าของเครือสหพัฒน์ ที่ใช้ชื่องานว่า “สหกรุ๊ป เอ็กซ์ปอร์ต แอนด์ เทรด เอ็กซิบิชั่น” (Saha Group Export & Trade Exhibition) หรือสหกรุ๊ปแฟร์ โดยจัดเป็นครั้งที่ 13 

โดยมีนักธุรกิจชั้นนำของเมืองไทยร่วมงานในพิธี อาทิเช่น คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี รองประธานกรรมการเครือทีซีซี, นายชาตรี โสภณพนิช ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ, นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์, นายบุญชัย โชควัฒนา ส.ว.ระบบสรรหา และประธานกรรมบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน), นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการบริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และ นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์

โดยตอนหนึ่งของการกล่าวเปิดงาน พล.อ.เปรม กล่าวว่า วิกฤตเศรษฐกิจขณะนี้เป็นวิกฤตที่ลุกลามไปทั่วโลก ทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ประชาชนที่ไม่ได้ทำผิดแต่ต้องรับเคราะห์ไปด้วย และแม้ตัวเองจะไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ แต่จำได้แม่นว่าเมื่อ 30 ปีก่อนมีโครงการรณรงค์ “นิยมไทย” ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจในช่วงนั้นได้ จึงเห็นว่าในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ควรนำแนวคิดกินของไทย ใช้ของไทย เที่ยวเมืองไทย กลับมาใช้ ควบคู่กับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่แนวคิดนี้จะเป็นรูปธรรมได้นั้นก็ต้องเริ่มจากการฟื้นความรักใคร่ความสามัคคีของคนในชาติให้เกิดขึ้นก่อน

นอกจากนี้ ประธานองคมนตรียังย้ำว่า เชื่อว่าวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้จะไม่รุนแรงเท่ากับวิกฤตต้มยำกุ้งที่ประเทศ ไทยก็เคยผ่านมาแล้ว เชื่อว่าประเทศไทยจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้เช่นเดียวกัน

“เราก็น่าจะฝ่าวิกฤตนี้ไปได้ เพราะฉะนั้นให้พวกเราช่วยกัน รักกันสามัคคีกัน และต้องไม่ลืมเรื่องการดำเนินชีวิต ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว งานสหกรุ๊ปแฟร์วันนี้เป็นงานของคนไทย สินค้าที่นำมาจำหน่ายก็ล้วนเป็นสินค้าไทย ฝีมือคนไทย การซื้อสินค้าจากงานนี้ ก็เท่ากับได้ส่งเสริมให้คนไทยมีงานทำ มีรายได้ และการที่สหกรุ๊ปทำสินค้ามาจำหน่ายในราคาพิเศษ ก็ยิ่งเป็นการช่วยคนไทยที่มาซื้อของได้เปรียบขึ้นด้วย เป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นการกระทำที่ดี” พล.อ.เปรมกล่าว

พล.อ.เปรม ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีรายงานข่าวจากหน่วยข่าวด้านความมั่นคงระบุกลุ่มคนเสื้อแดงเตรียมใช้แผนตากสิน 2 ในการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 27 มิ.ย. ว่า ทราบเรื่องนี้จากการอ่านหนังสือพิมพ์ อย่างไรก็ตาม ในฐานะคนไทยรู้สึกห่วงประเทศชาติเหมือนกัน แต่การดูแลทั้งหมดถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล

นายบุญชัย โชควัฒนา ส.ว.ระบบสรรหา และประธานกรรมบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวด้วยว่า ผลการดำเนินงานของรัฐบาลช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาทำได้ดีกว่าที่คิดไว้ เนื่องจากผู้แก้รู้ปัญหาและแก้ปัญหาเป็น แต่ไม่ใช่ทำดีทั้งหมด เพราะยังมีอีกหลายอย่างต้องปรับปรุง เช่น การแก้ปัญหาคนตกงาน หรือทำอย่างไรให้พืชผลทางการเกษตรมีราคา เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ ขณะเดียวกันควรสานต่อนโยบายไม่ว่าจะเป็นเช็คช่วยชาติหรือเงินคนชรา ซึ่งประเมินแล้วส่งผลดีเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม การที่เศรษฐกิจไทยถึงจุดต่ำสุดเชื่อว่าครึ่งปีหลังจะเริ่มปรับตัวในทิศทางดีขึ้น เช่นเดียวกับอเมริกาที่เริ่มฟื้นตัว เพราะผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจ ซึ่งถ้ามองกำลังซื้อของผู้บริโภคไม่ตกลงไปมากนัก เพียงแต่ปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจทั่วโลกส่งผลให้จิตใจของผู้บริโภคตกไป แต่ปัญหาที่น่าห่วง คือ ราคาน้ำมัน หากมีการปั่นราคาสูงถึง 100 เหรียญสหรัฐต่อบาเรลขึ้นไปอาจส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งและนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

ส่วนแผนการดำเนินงานของบริษัทนับจากนี้เน้นการเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์แทนการเพิ่มงบการตลาด ซึ่งเป็นวิธีการทำตลาดที่โบราณ ซึ่งภายหลังการปรับแผนส่งผลให้ภาพรวมรายได้ในครึ่งปีแรกมีอัตราการเติบโตตามเป้าหมาย 10% และคาดว่าสิ้นปีมีรายได้ตรงตามเป้าหมายที่ 20,350 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีที่ผ่านมา

"ในช่วง 3-4 เดือนแรกของปีนี้ยอมรับว่ารายได้ไม่ถึงเป้าหมาย แต่การปรับแผนการทำตลาดและมีการวอร์รูมกันทุกวันส่งผลให้ยอดขายปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะมาม่ามีส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม 1% จาก 51% เป็น 52% มีสินค้าบางตัวเท่านั้นที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น ยาสีฟัน เนื่องจากคู่แข่งใช้งบทางการตลาดเพิ่มขึ้น" นายบุญชัยกล่าว

ด้านนายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด ในเครือสหกรุ๊ป เปิดเผยในพิธีเปิดงาน "สหกรุ๊ปแฟร์" ครั้งที่ 13 ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในครึ่งปีหลังจะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยมีกำลังซื้อดีขึ้นในระดับหนึ่ง และหากได้ผลอย่างต่อเนื่องปฏิบัติตามได้จริงทุกมาตรการจะส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจของเครือสหพัฒน์ให้มีผลการดำเนินธุรกิจพ้นจากการติดลบ โดยเดิมตั้งเป้ารายได้ติดลบถึง 5%

สำหรับงานสหพัฒน์แฟร์นั้นได้มีการนำสินค้าในเครือสหพัฒน์มาจำหน่ายในราคา ประหยัดกว่า 1,000 รายการ เพื่อแบ่งเบาภาระของผู้บริโภค โดยจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 25-28 มิ.ย. นี้ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ด้านหนังสือพิมพ์ออนไลน์ Thaienews ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า โทรทัศน์เนชั่นแชนัลของนายสุทธิชัย หยุ่น ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพลเอกเปรม ได้สิทธิในการถ่ายทอดสดงานสหกรุ๊ป แฟร์ ครั้งนี้ด้วยโดยพิธีกรคู่หูกนก-ธีระ กนก รัตน์วงศ์สกุล และนายธีระ ธัญไพบูลย์ กล่าวถึงพลเอกเปรมว่า “ฯพณฯ ท่านพลเอกเปรม” ทุกคำ ขณะที่ก่อนการถ่ายทอดสดเริ่มขึ้นนั้น เป็นบทวิเคราะห์ของนายสุทธิชัย หยุ่นเรื่อง "แผนตากสิน2" โดยอ้างว่าหากมีแผนนี้จริงๆทักษิณต้องเป็นคนรับผิดชอบ

“เปรม ติณสูลานนท์” แขกประจำงานแสดงสินค้า “เครือสหพัฒน์”

 

ทีมข่าวการเมือง

 

ไม่ใช่การเปิดงานครั้งแรก แต่ถือเป็นแขกรับเชิญประจำไปแล้ว เพราะในรอบหลายปีมานี้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ จะเดินทางมาเป็น “ประธานเปิดงานแสดงสินค้าประจำปีของเครือสหพัฒน์” หรือ “สหกรุ๊ป” เป็นประจำ

ครั้งล่าสุดคืองาน Saha Group Export & Trade Exhibition ครั้งที่ 13 จัดที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วันที่ 25-28 มิ.ย. ซึ่งนอกจาก พล.อ.เปรม แล้ว “วีไอพี” ที่มาร่วมเปิดงานประกอบด้วยคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี รองประธานกรรมการเครือไทยเจริญคอร์ปอเรชั่น (ทีซีซี กรุ๊ป), นายชาตรี โสภณพนิช ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ, นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์, นายบุญชัย โชควัฒนา ส.ว.ระบบสรรหา และประธานกรรมบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน), นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการบริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และ นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ สะท้อนความสัมพันธ์ของเครือข่ายทุนชาติกับเครือข่าย พล.อ.เปรม

และไม่ใช่เรื่องใหม่ ที่ในช่วงกล่าวระหว่างการเปิดงาน พล.อ.เปรม มักจะเน้นย้ำให้ใช้คนไทยสินค้าที่ผลิตโดยคนไทยซึ่งมีคุณภาพดีไม่แพ้สินค้าที่ผลิตจากต่างประเทศ การบริโภคอย่างประหยัด การน้อมนำเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในวิถีชีวิต

อย่างเช่น ย้อนกลับไปในการจัดงาน Saha GroupExport & Trade Exhibition ครั้งที่ 7 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งจัดระหว่าง 27-28 มิ.ย. 2546 ในครั้งนั้น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งเป็นประธานเปิดงานกล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นการเปิดตลาดให้คนไทยและชาวต่างชาติได้รู้จักสินค้าและบริการของคนไทยที่มีคุณภาพ มีความหลากหลาย สามารถตอบสนองได้ทุกความต้องการและขอให้ประชาชนหันมานิยมสินค้าไทยที่ผลิตโดยคนไทยให้มากขึ้น เพราะนอกจากจะได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพแล้วยังเป็นการสนับสนุนให้คนไทยมีงานทำ เครือสหพัฒน์มีการจ้างแรงงานไทยกว่า 7 หมื่นคนและนับได้ว่ามีส่วนผลักดันให้คนไทยมีงานทำ และทำให้สินค้าที่ผลิตโดยฝีมือคนไทยเผยแพร่ไปยังต่างประเทศทั่วโลกด้วย

ในงาน Saha GroupExport & Trade Exhibition ครั้งที่ 10 ของเครือสหกรุ๊ป เมื่อ 30 มิ.ย. 2549 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานเปิดงานการส่งออกและการจำหน่ายสินค้า และเดินชมสินค้า

พล.อ.เปรม ให้สัมภาษณ์ชื่นชมเครือสหพัฒน์ ว่า เป็นหนึ่งในตัวอย่างของบริษัทที่มีความสามารถสูง มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ มีการคิดค้นที่แข็งแรง ส่งผลให้มีสินค้าที่ดีที่ผลิตโดยคนไทย จึงน่ายกย่องชมเชย มีทั้งสินค้าที่มีการส่งออกสร้างเงินตราจากต่างประเทศและสร้างงาน จึงขอเชิญชวนคนไทยให้เข้ามาส่งเสริมบริษัทเช่นนี้ และยังเป็นการใช้ของไทย ลดการนำเข้า ขณะเดียวกันคุณภาพสินค้าเครือสหพัฒน์ได้รับการยอมรับว่า มีคุณภาพที่ดีไม่แพ้ต่างประเทศ

พล.อ.เปรม กล่าวถึงราคาน้ำมันแพงซึ่งมีผลกระทบทางเศรษฐกิจในช่วงเวลานั้นว่า เป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยาก เพราะไม่สามารถผลิตได้เอง ต้องนำเข้า ดังนั้น สิ่งที่ทำได้คือ ช่วยกันประหยัด แต่คำนี้ฟังง่าย แต่เข้าใจลำบาก อย่างไรก็ตามต้องเข้าใจว่า การประหยัดนั้นไม่ได้หมายความว่า ใช้น้อยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องใช้ให้มีประสิทธิภาพ

พล.อ.เปรม ปฏิเสธให้ความเห็นเมื่อถูกสื่อมวลชนสอบถามในประเด็นด้านการเมือง โดยไม่ยอมตอบคำถามใดๆ

ปี 2550 ช่วงรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2550 พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เดินทางไปเปิดงาน Saha GroupExport & Trade Exhibition ครั้งที่ 11 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แต่ พล.อ.เปรม ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในทุกประเด็น โดยเฉพาะประเด็นที่นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปก. แจ้งความให้ดำเนินคดี

โดยในเวลานั้น ซึ่งเป็นช่วงที่ นปก. ชุมนุมต่อต้าน พล.อ.เปรม ทำให้มีการวางกำลังรักษาความปลอดภัยให้กับ พล.อ.เปรม อย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ

และแม้ พล.อ.เปรม จะไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ ต่อสื่อมวลชน แต่ก็สร้างความฮือฮาให้กับนักท่องเน็ต เมื่อมีสื่อใหญ่ค่ายหนึ่ง เผยแพร่ภาพในเว็บไซต์ข่าวด้านธุรกิจของตนเป็นภาพ พล.อ.เปรม ระหว่างเยี่ยมชมซุ้มแสดงสินค้าในงานดังกล่าว โดยเป็นภาพ พล.อ.เปรม รายล้อมด้วยบรรดาผู้ติดตาม กำลังยืนทดสอบตัวอย่างผลิตภัณฑ์น้ำหอม โดยมีชายหนุ่ม 2 คน นุ่งกางเกงขายาว ไม่สวมเสื้อ ทำหน้าที่เป็นพนักงานแนะนำสินค้าประจำซุ้มยื่นตัวอย่างสินค้าให้

อย่างไรก็ตาม ในคืนถัดมาภาพดังกล่าวก็ถูกถอดออกจากเว็บ และหนังสือพิมพ์ดังกล่าวก็ไม่ได้ตีพิมพ์ภาพนั้นในหนังสือพิมพ์ในเช้าวันถัดมา อย่างไรก็ตาม มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเซฟภาพดังกล่าวเอาไว้ และภาพนี้ถูกแพร่กระจายต่อๆ กันทางอินเตอร์เน็ต

ในปี 2551 เมื่อ 27 มิ.ย. 51 พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เดินทางมาเป็นประธานในงาน Saha GroupExport & Trade Exhibition ครั้งที่ 12 ซึ่งจัดที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา

โดย พล.อ.เปรมกล่าวตอนหนึ่งในการเป็นประธานในพิธีเปิดงานว่า ประเทศต้องเผชิญกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ดีบ้างน้อยบ้างอยู่เสมอ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ดีที่สุดคือ การน้อมนำเรื่องแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะทำให้มีเหตุผล มีความรอบคอบ มีหลักประกันเรื่องความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เมื่อหลายปีก่อนมีการรณรงค์เรื่องการใช้และบริโภคสินค้าไทย ซึ่งแนวทางนี้จะเป็นประโยชน์ทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค รวมทั้งยังส่งเสริมการจ้างงานให้เกิดขึ้นด้วย และสำหรับเครือสหพัฒน์ถือว่ามีความตั้งใจดี ผลิตสินค้า สร้างงานสร้างเงินมากว่า 60 ปี

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ยังกล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงานแสดงสินค้าในเครือสหพัฒน์ ครั้งที่ 12 วานนี้ (27 มิ.ย.) โดยกล่าวว่า “เป็นห่วงเรื่องสถานการณ์บ้านเมือง ห่วงเรื่องคนว่าทำอย่างไรจึงจะกันคนไม่ดีออกไป ซึ่งคงคาดเดากันได้ว่าท่านหมายถึงอะไร และอยากให้ภาคเอกชนมาร่วมกันทำอะไรสักอย่างเพื่อประเทศชาติ เพราะเราอยู่ในช่วงการสร้างคนดี ทำให้องค์กรแห่งความดีขยายออกไป อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของทุกฝ่าย โดยให้เอกชนที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่เป็นแกนนำ และทำงานกันเป็นทีมเพื่อส่วนรวม”

ที่น่าสนใจสำหรับการเปิดงานในปีนี้ก็คือ หลังการกล่าวเปิดงาน พล.อ.เปรม ยังกล่าวถึงเรื่อง “ทำอย่างไรจึงจะกันคนไม่ดีออกไป” แม้จะไม่ได้ระบุว่าหมายถึงใคร แต่ด้วยคำพูดที่ออกมาในช่วงที่มีการชุมนุมขับไล่รัฐบาลพรรคพลังประชาชน ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเห็นว่าเป็น “คนไม่ดี” หลังคำกล่าวของ พล.อ.เปรม จึงต้องตามมาด้วยการตีความของสื่อและฝ่ายต่างๆ และคงไม่มีใครรู้ว่า พล.อ.เปรม จะหมายถึงใคร นอกจาก พล.อ.เปรม เอง

แต่ในงานแสดงสินค้าปีดังกล่าว ไม่ทันที่สื่อมวลชนจะทำหน้าที่ตีความ “รหัส” จาก พล.อ.เปรม ด้านนายบุญชัย โชควัฒนา ผู้บริหารเครือสหพัฒน์ ก็ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในงานด้วยเช่นกัน โดยอ้างคำพูดของ พล.อ.เปรม ซึ่งเดินทางมาเป็นประธานเปิดงานแสดงสินค้าเครือสหพัฒน์ว่า พล.อ.เปรม แสดงความห่วงใยเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานี้ โดยเป็นห่วงเรื่องคน ว่าจะทำอย่างไรถึงจะกันคนไม่ดีออกไปได้

“คงคาดเดากันได้ว่าท่านหมายถึงอะไร เพราะท่านอยากให้ภาคเอกชนมาร่วมกันทำอะไรสักอย่างเพื่อประเทศชาติ เพราะเราอยู่ ในช่วงการสร้างคนดี ทำให้องค์กรแห่งความดีขยายออกไป ซึ่งอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของทุกฝ่าย โดยเริ่มจากให้เอกชนที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่เป็นแกนนำ และทำงานกันเป็นทีมเพื่อส่วนรวม” นายบุญชัย กล่าว

นายบุญชัย กล่าวต่อว่า ประธานองคมนตรีได้มีแนวคิดที่จะทำอย่างไรให้ภาคเอกชนขนาดใหญ่ อย่างเช่น เครือสหพัฒน์ และธุรกิจกลุ่มของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ทำอะไรเพื่อประเทศชาติร่วมกัน

ประธานเปิดงานแสดงสินค้าของเครือสหพัฒน์ และการให้สัมภาษณ์ “ส่งสัญญาณ” แก่นักข่าวที่เฝ้าติดตาม จึงเป็นอีกงานหนึ่งของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นอกจากการเป็นประธานองคมนตรี

 

ที่มา:

เครือสหพัฒน์จัดงานยิ่งใหญ่ ดันสินค้าไทยส่งออกทั่วโลก, สยามรัฐ, 28 มิ.ย. 46

"ป๋าเปรม" ปัดตอบสื่อทุกประเด็น, เว็บไซต์เดลินิวส์, 29 มิ.ย. 50

“ป๋าเปรม” สวมบทเตมีย์ใบ้-ไม่ให้ราคาม็อบนปก. เว็บไซต์เดลินิวส์, 29 มิ.ย. 50

‘ป๋าเปรม’ วอน กำจัดคนไม่ดี ออกจากสังคม, เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์, 28 มิ.ย. 51

ป๋าเปรม กลัวคนไม่ดีครองเมือง, เว็บไซต์ไทยรัฐ, 28 มิ.ย. 51

 

ที่มา: แปลและเรียบเรียงบางส่วนจาก ASTV สยามรัฐ กรุงเทพธุรกิจ และไทยโพสต์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net