Skip to main content
sharethis
(SHAN 23/06/52) – กองทัพพม่ายังคงมุ่งหน้าเตรียมเสริมกำลังพลเข้าสู่ภาคตะวันออกรัฐฉาน เพื่อหวังปราบกลุ่มหยุดยิงว้า UWSA ด้านนักวิเคราะห์ชี้ จะไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนปราบกะเหรี่ยง KNU เพราะกองทัพยังอ่อนแอมาก
รายงานจากแหล่งข่าวในรัฐฉานแจ้งว่า มีความเป็นไปได้ที่กองทัพพม่าจะส่งกำลังพลจากกองพลที่ 66 จากอินมะ หรือไม่ก็กองพลที่ 77 ที่ประจำภาคปะโค เข้าสู่รัฐฉาน ในพื้นที่เมืองเป็งคำ สบยอน ตำบลเมืองยอน ตรงข้ามอำเภอฝางและอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ทั้งนี้ เพื่อใช้ข่มขู่หรือปราบกองทัพสหรัฐว้า UWSA
ก่อนหน้านี้ พล.ต.จ่อเพียว แม่ทัพภาคสามเหลี่ยม (เชียงตุง) ได้กล่าวในที่ประชุมภายในกองบัญชาการกองทัพภาคว่า ตั้งแต่นี้ไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม กองทัพจะเสริมกำลังพลเข้าไปในพื้นที่ภาคตะวันออกรัฐฉานเพิ่มอีก 2–3 บก.ควบคุมยุทธวิธี โดยกำลังพล 1 บก.ควบคุมยุทธวิธี (3 กองพัน) จะเข้าไปเสริมในพื้นที่เมืองเปียงคำ ทางด้านเมืองยอน และอีกอย่างน้อย 2 บก.ควบคุมยุทธวิธี (6 กองพัน) จะเข้าไปเสริมในพื้นที่ นากองมูและเมืองโต๋น ตรงข้ามอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
นอกจากนี้เมื่อต้นเดือนนี้ มีรายงานว่า กองทัพพม่าได้จัดส่งบก.ควบคุมยุทธวิธีที่ 55 มายังเมืองเปียงคำ อำเภอเมืองโต๋น ตรงข้ามอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ย้ายขึ้นไปยังเมืองขาก เมืองยาง ใกล้กับเขตพื้นที่เคลื่อนกองทัพว้า UWSA ทางภาคตะวันออกของรัฐฉาน
ด้านผู้สังเกตสถานการณ์ชายแดนไทยคนหนึ่งวิเคราะห์ว่า การที่กองทัพพม่าจะเปิดศึกกับกองทัพสหรัฐว้า UWSA ที่มีกำลังพลกว่า 2 หมื่นคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตั้งแต่ปี 1989 เป็นต้นมา กองทัพพม่าได้กลายเป็นกองทัพธุรกิจไม่ใช่กองทัพเพื่อทำศึก เนื่องจากทหารส่วนใหญ่ไม่เวลาสนใจเรื่องการทหารรบ เพราะต้องทำงานหาเลี้ยงกองพัน ตามนโยบายของกองทัพที่ให้แต่ละกองพันพึ่งพาตัวเอง โดยแต่ละวันทหารระดับล่างมุ่งแต่ทำงานทั้งการเกษตร เลี้ยงสัตว์ รวมถึงการค้า
“จริงๆ แล้วปัจจุบันกองทัพพม่ามีอาวุธทันสมัยกว่าก่อนมาก แต่ขาดที่เจ้าหน้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ และกองทัพพม่าปัจจุบันแทบจะมีนายทหารมากกว่าพลทหาร เนื่องจากแต่ละปีโรงเรียนนายทหาร หรือ (DSA) ได้ผลิตนักเรียนไม่ต่ำกว่า 3 พันคน ที่สำคัญในกองทัพพม่าปัจจุบันมีทหารประจำไม่เกิน 160 คนต่อ 1 กองพัน ที่ผ่านมาหากต้องเปิดศึกสู้รบกับกลุ่มต่อต้านมักจะอาศัยปืนใหญ่ หรือ กลุ่มติดอาวุธที่เจรจาหยุดยิงที่เป็นฝ่ายข้างคอยให้การสนับสนุน” เขากล่าว
ขณะที่อูอ่อง จ่อซอ นักวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองการทหารในพม่าที่พำนักอยู่ชายแดนจีนเผยถึงความอ่อนของกองทัพพม่าเช่นเดียวกันว่า ในอดีตหากมีการสู้รบ แทบจะไม่ได้ยินว่าฝ่ายกองทัพพม่าสูญเสียนายทหารระดับผู้บังคับบัญชา และการที่จะทำให้ผู้บังคับบัญชาสูญเสียเพียง 1 คนนั้นไม่ง่ายนัก แตกต่างจากปัจจุบัน ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ถูกกองกำลังปะโอ PNO กับกะเหรี่ยง KNLA ซุ่มโจมตีเพียงไม่กี่นาทีก็เสียชีวิตกว่า 10 คน รวมผู้บังคับบัญชาด้วย
อูอ่อง จ่อซอได้เปรียบเทียบอีกว่า ระหว่างที่ทหารไทใหญ่ SSA ประมาณ 40 นาย นำโดย พ.ท.เจ้าขุนจ่อ มุ่งหน้าขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่ทางภาคเหนือของรัฐฉาน เมื่อปี 2549 นั้น กองทัพพม่าต้องใช้กำลังพลหลายกองพันโอบล้อมไล่ล่า แต่กระนั้นยังไม่สามารถทำอะไรได้ หากฝ่าย SSA ไม่เจรจายอมเอง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งบ่งบอกถึงความอ่อนแอของกองทัพพม่าอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์อีกหลายฝ่ายเชื่อว่า หากกองทัพพม่าเปิดศึกโจมตีกองทัพว้า UWSA อาจต้องใช้เวลาพอสมควร และมีแนวโน้มที่กองทัพว้า UWSA จะร่วมมือกับกองกำลังไทใหญ่ SSA ที่เป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า ซึ่งจะทำให้พื้นที่การสู้รบรวมถึงระยะเวลาขยายออกไป
พร้อมกันนั้น ได้มีการวิเคราะห์เปรียบเทียบกรณีที่กองทัพพม่าสามารถเอาชนะกองกำลังกะเหรี่ยง KNU ด้วยว่า เป็นเพราะมีกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ DKBA ออกหน้าเป็นแรงแทน ซึ่งหากกองทัพพม่าจะเปิดศึกกับกองทัพว้า UWSA จะมีเพียงกลุ่มอาสาสมัครซึ่งไม่มีกำลังมากพอแถมยังขาดประสบการด้านรบแตกต่างกลุ่ม DKBA ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่กองทัพพม่าจะเปิดศึกเอาชนะกองทัพว้า UWSA
 อ่านข่าวสารย้อนหลังได้ที่http://www.khonkhurtai.com/

 
สำนักข่าวฉาน (SHAN – Shan Herald Agency for News) เป็นสำนักข่าวอิสระจัดตั้งโดยกลุ่มชนไทยใหญ่พลัดถิ่น มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรัฐฉาน สหภาพพม่า ตลอดจนตามแนวชายแดนไทย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรการเมือง / การทหารกลุ่มใด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ shan_th@cm.ksc.co.th หรือ ติดตามอ่านข่าวสารภาคภาษาอังกฤษได้ที่ www.shanland.org และภาษาไทยใหญ่ที่ www.mongloi.org
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net