เปิดบันทึกนักปฏิรูปตกอับ "จ้าวจื่อหยาง" - ความทรงจำเทียนอันเหมินและการเมืองจีน

จ้าวจื่อหยาง อดีตนายกรัฐมนตรีและปีกปฏิรูปในพรรคคอมมิวนิสต์จีน ผู้ขัดแย้งกับปีกอนุรักษ์นิยมในพรรคจากเหตุที่เขาพยายามเจรจาอย่างนิ่มนวล กับผู้ประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในปี 2532 ทำให้พรรคสั่งกักบริเวณและเขาไม่สามารถแสดงความเห็นใดๆ ได้ กระทั่งเปาตงอดีตผู้ช่วยของเขานำบันทึกเสียงยาว 30 ชั่วโมง ของเขาขณะถูกกักบริเวณออกมาเผยแพร่หลังจากที่เขาเสียชีวิตแล้ว

 

อนุสรณ์รำลึกถึงจ้าวจื่อหยาง ในวันที่ 21 ม.ค. 2548 ที่วิกเตอเรียพาร์ค , ฮ่องกง
(รูปโดย Bobby Yip, Reuters)
 
 
อดีตผู้ช่วยของจ้าวจื่อหยาง* ได้เผยแพร่เทปบันทึกความทรงจำเกี่ยวกับการปราบปรามการชุมนุมที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน (Tiananmen) ซึ่งกำลังจะครบรอบยี่สิบปีในวันที่ 4 มิ.ย. ที่จะถึงนี้
 
20 ปีหลังจากที่กลุ่มนักศึกษาชาวจีนได้ไปชุมนุมที่จัตุรัส ก่อนถูกปราบปรามด้วยรถถังและอาวุธปืนจากกองกำลังรัฐบาลจีนในสมัยนั้นที่ เรียกตัวเองว่ากองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (People's Liberation Army - PLA) ก็ได้ มีอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์คนหนึ่งทำการเผยแพร่เทปบันทึก เสียงของจ้าวจื่อหยางอย่างเป็นทางการ โดยในบันทึกเสียงดังกล่าวเป็นเสียงของจ้าวจื่อหยางที่เรียกร้องระบอบ ประชาธิปไตยแบบรัฐสภาจากรัฐบาลจีน
 
จ้าวจื่อหยาง ตกเป็นจำเลยของความอัปยศทางการเมืองเมื่อมีการปราบปรามการชุมนุมด้วยความรุนแรงที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในปี 2532 เขาได้อธิบายไว้ในบันทึกเสียงว่า "มันเป็นโศกนาฏกรรมช็อกโลก ที่ยังไงก็ต้องเกิดขึ้นแม้ว่าจะพยายามหลีกเลี่ยงแล้วก็ตาม"
 
เขาเล่าว่าได้ยิน "เสียงปืนกระหน่ำยิง" (intense gunfire) ในช่วงเย็นของวันที่ 3 มิถุนายน ปี พ.ศ. 2532 ขณะอยู่ในบ้านที่กรุงปักกิ่ง หลังเดียวกับที่เขาถูกสั่งกักบริเวณจนกระทั่งเสียชีวิต เขาได้สรุปไว้ในข้อเขียนเกี่ยวกับความทรงจำทางการเมืองที่ไม่ได้รับการตี พิมพ์ว่า หนทางเดียวที่จีนควรจะเดินไปข้างหน้าคือการเป็นประชาธิปไตยแบบรัฐสภา
 
"แน่นอน ว่า มีความเป็นไปได้ที่ในอนาคตจะมีระบอบการเมืองที่ล้ำหน้ายิ่งกว่าประชาธิปไตย แบบรัฐสภา" จ้าวกล่าว "แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต ในปัจจุบัน มันไม่มีอย่างอื่นที่ดีกว่า"
 
เขายังได้บอกอีกว่าจีนจะไม่สามารถมีระบบเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง หรือกลายเป็นสังคมสมัยใหม่ที่มีหลักนิติธรรมได้เลยหากปราศจากประชาธิปไตย
 
"แทนที่ จะเป็นเช่นนั้น มันเป็นเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศ รวมทั้งจีน คือการใช้อำนาจเพื่อแสวงหากำไร เกิดการโกงอย่างกว้างขวาง และสังคมก็แบ่งขั้วกันระหว่างคนรวยกับคนจน"
 
 
อดีตผู้ช่วยนำคำของจ้าวมาเผยแพร่
อดีตผู้ช่วยทางการเมืองของจ้าว ที่ชื่อเปาตง ผู้เคยต้องโทษจำคุก 7 ปี ได้ปล่อยเทปบันทึกเสียงออกมาก่อนหน้าการครบรอบ 20 ปี ของเหตุใช้ความรุนแรงปราบปรามนักศึกษาในปี พ.ศ. 2532 ที่เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยหรืออาจจะมากกว่า 1,000 คน
 
"จ้าว จื่อหยางได้ทิ้งเทปบันทึกเสียงเหล่านี้เอาไว้ นี้เป็นสิ่งที่ตกทอดมาจากเขา" เปาเขียนข้อความจากบ้านในกรุงปักกิ่งที่เขาถูกกักบริเวณ "มันเป็นสิ่งตกทอดที่จ้าวจื่อหยางมอบให้กับชาวจีนทุกคน เป็นงานของผมที่จะส่งมันไปให้โลกรับรู้ในรูปแบบของคำ และเพื่อจะจัดการสิ่งต่าง ๆ"
 
"เนื้อหา ของมันมีนัยสำคัญกับประวัติศาสตร์ที่ยังคงส่งอิทธิพลกับประชาชนจีนมาจนถึง ทุกวันนี้ สาระสำคัญของประวัติศาสตร์ที่ว่านี้คือการปฏิรูป" เปากล่าว
 
ทางการจีนคอยควบคุมไม่ให้มีการแสดงความเสียใจต่อจ้าวหลังจากวันที่เขาเสียชีวิตคือวันที่ 17 ม.ค. 2548 โดยได้จับกุมประชาชนหลายสิบคนที่มาวางดอกไม้สีขาวเพื่อเป็นเกียรติ์ให้แก่จ้าวจื่อหยางที่บ้านของเขาเอง
 
ขณะ ที่ในฮ่องกงได้มีการไว้ทุกข์จ้าวอย่างเปิดเผยโดยคนนับพันคน อย่างไรก็ตามหลายคนมองปรากฏการณ์นี้ว่าเป็นการแสดงการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ ของคนฮ่องกงเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขึ้นในจีน
 
 
ให้เยาวชนจีนได้เรียนรู้
เปา บอกว่าสาเหตุที่เขาปล่อยเทปนี้ออกมาส่วนหนึ่งเพราะต้องการให้เยาวชนจีนใน รุ่นนี้ที่ไม่เคยได้ยินชื่อของจ้าวจื่อหยางได้ศึกษา โดยเปาเรียกสิ่งนี้ว่าเป็น "ภาระทางการเมือง" สำหรับเขาเอง
 
"ใน จีนแผ่นดินใหญ่ตอนนี้ประวัติศาสตร์ส่วนนี้ถูกปิดผนึกไว้ไม่ก็บิดเบือนไป ฉะนั้นมันจะเป็นประโยชน์หากมีการพูดคุยประวัติศาสตร์ในส่วนนี้ร่วมกับผู้ อ่านที่ยังเป็นเยาวชน"
 
"ชื่อ ของจ้าวจื่อหยางถูกลบออกจากสื่อ ทั้งข่าวสาร หนังสือ วารสาร รวมถึงบันทึกประวัติศาสตร์ภายในจีน" นี้คือสิ่งที่เปาเขียนไว้ในบทความที่ส่งมาพร้อมเทป โดยให้ชื่อบทความว่า "จากเบื้องหลังประวัติศาสตร์สู่เทปบันทึกของจ้าวจื่อหยาง" (The Historical Background to the Zhao Ziyang Recordings)
 
"จ้าว ต้องการกล่าวถึงประเด็นการโกงกินของเจ้าหน้าที่และเรื่องประชาธิปไตย ซึ่งเป็นเรื่องที่ชาวจีนโดยทั่วไปส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ เขาเขียนโดยใช้หลักการทางนิติธรรมเข้าจับ" เปาเขียนถึงความขัดแย้งระหว่างอดีตผู้สอนเรื่องการเมืองให้เขากับผู้นำในยุค นั้นคือเติ้งเสี่ยวผิง
 
"เขา (จ้าวจื่อหยาง) ต้องการกระตุ้นให้ปฏิรูประบอบการเมืองจีนร่วมไปกับการปฏิรูปทางเศรษฐกิจให้ ลึกกว่าเดิม มุ่งความสนใจของสังคมทั้งหมดไปสู่ประเด็นการปฏิรูป”
 
ก่อน หน้านี้รัฐบาลจีนได้เริ่มเพิ่มความแน่นหนาด้านการรักษาความปลอดภัยรอบ ๆ กรุงปักกิ่งก่อนหน้าวันครบรอบเหตุการณ์ทางการเมืองที่มีความอ่อนไหวเช่นนี้
 
ทั้งบทความและการโพสท์ในกระดานข่าวที่มักมีความเกี่ยวข้องอย่างใดอย่างหนึ่งกับเหตุการณ์เมื่อ 20 ปีก่อนจะถูกลบออกจากหน้าอินเตอร์เน็ต รวมถึงเรื่องที่เรียกร้องให้มีการกู้ชื่อเสียงของจ้าว และหู เย่าปัง ผู้ที่เสียชีวิตในวันที่ 15 เม.ย. 2532 ความตายของหูเป็นชนวนให้เกิดการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษา
 
 
ชายคนหนึ่งที่ฮ่องกงกำลังอ่านหนังสือ “Prisoner of the State: The Secret Journal of Zhao Ziyang” หนังสือดังกล่าวจำหน่ายได้ที่ฮ่องกง แต่เป็นหนังสือต้องห้ามบนจีนแผ่นดินใหญ่ (Getty Images)
 
 
เทปบันทึกของจ้าวจื่อหยางถูกนำไปแปลงเป็นหนังสือ
ทางสำนักข่าว BBC ได้ รายงานว่ามีการตีพิมพ์และวางจำหน่ายหนังสือเกี่ยวกับความทรงจำของจ้าวจื่อ หยางชื่อ "ผู้ถูกรัฐบาลจองจำ: บันทึกลับของนายกรัฐมนตรีจ้าวจื่อหยาง" (Prisoner of the State: The Secret Journal of Zhao Ziyang) โดยฉบับภาษาอังกฤษมีวางจำหน่ายแล้วในฮ่องกง ขณะที่ฉบับของจีนมีแผนวางจำหน่ายในวันที่ 29 พ.ค. ที่จะถึงนี้ โดยหนังสือเล่มดังกล่าวอ้างอิงเนื้อหาจากเทปบันทึกลับที่จ้าวบันทึกเอาไว้ขณะถูกกักบริเวณอยู่ในบ้าน
 
เทปบันทึกความยาว 30 ชั่วโมง ได้ถูกลักลอบนำออกจากจีนเพื่อมาทำเป็นหนังสือ เนื้อหาในนั้นเป็นความลับมากเสียจนลูกสาวของจ้าวจื่อหยางที่ชื่อ หวังยันนาน ยังบอกกับ BBC ว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรที่อยู่ในหนังสือเลย
 
ใน หนังสือ "ผู้ถูกรัฐบาลจองจำ: บันทึกลับของนายกรัฐมนตรีจ้าวจื่อหยาง" อดีตเลขาธิการกองทัพระบุไว้ว่านักศึกษาแค่ต้องการให้พรรครัฐบาลแก้ไขข้อผิด พลาด ไม่ได้คิดจะล้มล้าง
 
ด้าน Far Eastern Economic Review รายงาน ว่า ในหนังสือบันทึกลับของจ้าวจื่อหยางเล่มนี้ มีคนเขียนคำนำคือนักวิทยาศาสตร์ด้านการเมืองจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด รอเดอร์ริค แมกฟาคูอาร์ เขาเขียนในคำนำของหนังสือว่าจ้าวจื่อหยางได้ถ่ายทอดประสบการณ์ตรง "ของการต่อสู้ภายในซึ่งรองรับด้วยความสับสนคลุมเครือที่สามารถรับรู้ได้จาก สิ่งที่ปรากฏ" โดยในช่วงเริ่มต้นของเนื้อหา ได้บรรยายถึงการที่จ้าวพยายามยับยั้งการปราบปรามนักศึกษาที่ชุมนุมอยู่ที่ จัตุรัสเทียนอันเหมืน และยังบรรยายถึงการที่พวกหัวแข็งในพรรครู้สึกขัดใจ เพราะจ้าวใช้วิธีที่นุ่มนวลโต้ตอบกับกลุ่มผู้ประท้วงจนทำให้ชีวิตเขาต้องจม ดิ่งในที่สุด
 
จ้าว จื่อหยางยังได้บรรยายไว้ในหนังสืออีกว่า นายกฯ หลี่เผิง คอยควบคุมอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ ขณะที่เขา (จ้าวจื่อหยาง) เดินทางไปเยือนเกาหลีเหนือ โดยหลี่เผิงตีพิมพ์บทบรรณาธิการในหนังสือพิมพ์พีเพิลเดลี่ในวันที่ 26 เม.ย. 2532 โดยป้ายสีผู้ชุมนุมว่าเป็น "พวกต่อต้านพรรค พวกก่อความวุ่นวายต้านสังคมนิยม" จ้าวเปิดเผยในหนังสืออีกว่า บทบรรณาธิการชิ้นนี้ทำให้ความโกรธของนักศึกษาที่เพิ่งหนีตายจากจัตุรัสปะทุ ขึ้นมาอีกครั้งและยิ่งทำให้เกิดการแบ่งแยกเป็นสองฝ่าย จ้าวโต้ว่านักศึกษามีสิทธิที่จะว่ากล่าว พวกเขามีสิทธิที่จะแสดงความเห็นอย่างเสรี และควรจะใช้วิธีการเจรจาให้พวกเขายอมกลับไปเรียนหนังสือ
 
BBC ยังได้รายงานอีกว่าการที่หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ออกมาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนครบรอบ 20 ปี เหตุการณ์ปราบปรามผู้ชุมนุมที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน เป็นเหมือนการสร้างความอับอายให้รัฐบาลจีน เพราะทางรัฐบาลจีนไม่เต็มใจที่จะบอกว่ามีอะไรเกิดขึ้นในวันนั้น
 
 
รูปของจ้าวจื่อหยางในปี 2537 หลังถูกสั่งกักบริเวณอยู่ภายในบ้าน
(Reuters Pictures)
 
 
ประวัติของจ้าวจื่อหยาง
จ้าวจื่อหยาง เกิดเป็นลูกของเจ้าที่ดินมีฐานะในเหอหนาน เขาเข้าร่วมยุวชนคอมมิวนิสต์ในปี พ.ศ. 2475 และทำงานใต้ดินเป็นเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ในช่วงที่มีสงครามกับญี่ปุ่น (พ.ศ. 2480 - 2488) และในช่วงที่มีสงครามกลางเมืองจีน พ่อของเขาถูกสังหารโดยเจ้าหน้าที่พรรคในช่วงปลายทศวรรษที่ 2480s กระทั่งในปี 2508 เขาจึงได้รับตำแหน่งเป็นเลขาธิการประจำกวางตุ้ง
 
ต่อมาจ้าวจื่อหยางได้สนับสนุนแนวคิดปฏิรูปของหลิวเชาหยื่ (Liu Shaoqi) ทำให้ถูกปลดและต้องรับโทษใช้งานหนักในโรงงานเป็นเวลาสี่ปี ขณะที่หลิวถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ทรยศ
 
หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2516 จ้าวก็ได้รับการไถ่ถอนความผิดโดยโจวเอินไหล ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการกลางของพรรคและถูกส่งไปยังเสฉวน ซึ่งในขณะนั้นเศรษฐกิจของเสฉวนถูกทำลายไปโดยนโยบาย "การก้าวกระโดดครั้งใหญ่" (Great Leap Forward) และ "การปฏิวัติวัฒนธรรม" (Cultural Revolution) จ้าว จัดการกับเสฉวนด้วยการเสนอให้ปฏิรูปด้านเศรษฐกิจโดยเน้นการตลาดเป็นหลัก ซึ่งประสบความสำเร็จ โดยทำให้อัตราการผลิตทางอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 81 และผลผลิตทางเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 ภายในสามปี จนเติ้งเสี่ยวผิงเห็นสิ่งที่ประสบในเสฉวนเป็นต้นแบบของการปฏิรูปเศรษฐกิจจีน หลังจากนั้นจ้าวจึงได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเรื่อย ๆ จนได้รับตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคส่วนกลาง (Poliburo Standing Committee) ในปี 2525
 
 
แนวคิดการปฏิรูปจีนของจ้าวจื่อหยาง
ในปี 2526 จ้าวได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี เขาพัฒนาแนวคิดที่จะเปลี่ยนแปลงระบอบสังคมนิยมให้เอื้อต่อการปฏิรูปเศรษฐกิจ จีน ในขณะที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรีมีนโยบายเป็นจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จในเสฉวน โดยให้มีการจัดการอุตสาหกิจด้วยตนเองแบบจำกัด (Limited Self-Management to Industrial enterprises) และ เพิ่มการควบคุมผลผลิตทางการเกษตร เขาพยายามพัฒนาพื้นที่ในเขตชายฝั่งด้วยการทำให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษที่ จะสามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติและสร้างศูนย์กลางการส่งออก ซึ่งทำให้เกิดการเจริญเติบโตทั้งด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเบาตลอดช่วง ทศวรรษที่ 2520s แต่การปฏิรูปทางเศรษฐกิจของเขาก็ได้รับการวิจารณ์ว่าทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ
 
จ้าวจื่อหยางยังเชื่ออีกว่าถ้าต้องการความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจก็หนีไม่พ้นการทำให้เป็นประชาธิปไตย (Democratization) จ้าวเป็นคนแรกที่เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งระบอบผู้แทน โดยใช้ระบอบนี้ตั้งแต่ในระดับหมู่บ้านมาจนถึงระดับสมาชิกในคณะกรรมการกลาง
 
หลายคนเรียกจ้าวว่าเป็นพวกลัทธิแก้มาร์กซิสต์ (revisionist of marxism) เขา เรียกร้องให้รัฐบาลมีความโปร่งใสและเปิดอภิปรายระดับชาติให้มีการคำนึกถึง พลเมืองทั่วไปในกระบวนการสร้างนโยบาย ซึ่งตรงนี้ทำให้จ้าวได้รับความนิยมจากประชาชน ผลจากการรื้อโครงสร้างทางเศรษฐกิจในเสฉวน ถึงขั้นทำให้ประชาชนทั่วไปมีการเล่นคำกันกับชื่อของจ้าวว่า "เยา ฉื่อ เหลียง, จ้าว จื่อหยาง" (yao chi liang, zhao Ziyang) แปลว่า "ถ้าอยากจะเลี้ยงปากท้องตน ก็จงเดินรอยตามคุณจื่อหยาง"
 
ทาง ผู้สังเกตการณ์จากตะวันตกเล่าว่า ในช่วงที่จ้าวจื่อหยางเป็นเลขาธิการทั่วไปนั้น เป็นช่วงที่จีนสมัยใหม่มีบรรยากาศเปิดกว้างมากที่สุด ข้อจำกัดต่าง ๆ ในเรื่องเสรีภาพสื่อและเสรีภาพในการแสดงออกก็ผ่อนคลายลง เปิดโอกาสให้นักวิชาการช่วยออกความเห็นในเรื่องการพัฒนาประเทศ
 
 
จ้าวจื่อหยางขณะกำลังเจรจากับผู้ชุมนุมที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน วันที่ 19 พ.ค. 2532 ผู้ที่ยืนอยู่คนที่สองจากทางขวามือคือเหวินเจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนคนปัจจุบัน ซึ่งในตอนนั้นเป็นคนสนิทของจ้าว (AP Photo)
 
 
ขาลงของนักปฏิรูป
ในเดือนพฤษภาคม 2531 แผนของจ้าวที่จะปฏิรูปราคาสินค้าอย่างเร่งด่วน ทำให้เกิดความไม่พอใจขึ้นเป็นวงกว้างเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อที่ลุกลาม และทำให้ผู้ที่ต่อต้านเขามีโอกาสดึงอำนาจเข้าสู่ส่วนกลาง เพิ่มการควบคุมทางเศรษฐกิจและเข้มกวดกับการปิดกั้นอิทธิพลจากตะวันตกมากขึ้น ช่วงครึ่งหลังของปี 2531 สภาวะแวดล้อมทางการเมืองของเจ้าก็เริ่มตกต่ำ มีการต่อสู้กับกลุ่มย่อยของพวกผู้อาวุโสในพรรคที่เริ่มไม่พอใจอุดมการณ์ของ จ้าว กลุ่มอนุรักษ์นิยมที่อยู่ในกรมการเมือง (Politburo) ก็ ไม่ถูกกับเขาเช่นกัน สิ่งเหล่านี้กดดันให้จ้าวต้องต่อสู้ทางการเมืองอย่างหนัก จนกระทั่งหู เย่าปัง อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนเสียชีวิต เป็นชนวนให้เกิดการประท้วงใหญ่ขึ้น
 
การ ชุมนุมในครั้งนั้นมีทั้งนักศึกษา นักวิชาการ และคนทั่วไปในเมือง ที่นอกจากกรณีการเสียชีวิตของหู เย่าปัง นักปฏิรูปอีกคนแล้ว ภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ประชาชนเกิดความยากลำบากก็เป็นอีกชนวนหนึ่งที่ทำให้เกิดการประท้วงใหญ่ จนกระทังในเหตุการณ์ชุมนุมที่จัตุรัสเทียนอันเหมินปี 2532 ช่วงนั้นจ้าวกำลังไปเยือนเกาหลีเหนือ พวกหัวแข็งในพรรคก็ใช้โอกาสนี้กล่าวหาผู้ชุมนุมว่าเป็น "พวกต่อต้านการปฏิวัติ" โดยที่หลังจากจ้าวกลับจากเกาหลีเหนือ เขาพยายามจะเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมและบอกให้ผู้สื่อข่าวทำข่าวการชุมนุมด้วย ความเปิดกว้าง ทำให้จ้าวขัดแย้งกับพรรคและสูญเสียความเชื่อมั่นจากเติ้งเสี่ยวผิง
 
ในคืนวันที่ 18 พฤษภาคม คณะกรรมการกลาง (Politburo) มี มติเร่งด่วนให้ประกาศใช้กฎอัยการศึก โดยมีจ้าวเพียงคนเดียวที่โหวตไม่เห็นด้วย ทำให้มีการประกาศกฎอัยการศึกออกมา โดยหลังจากนั้นก็มีคนเห็นจ้าวเดินไปตามจัตุรัสเทียนอันเหมิน เรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมสลายตัวเพื่อไม่ให้เกิดการนองเลือด แต่ก็มีคนเชื่อว่าจ้าวเป็นผู้สนับสนุนการชุมนุม ทำให้หลังจากเหตุการณ์เขาถูกสั่งกักบริเวณอยู่ภายในบ้าน และใช้เวลาที่เหลืออยู่จนกระทั่งเสียชีวิตในวันที่ 17 มกราคม 2548
 
 
 
ที่มา: แปลและเรียบเรียงจาก
Zhao Ziyang Tapes Reveal Call for Democracy, Radio Free Asia, 14-05-2009
 
Secret Tiananmen memoirs revealed, Michael Bristow, BBC, 14-05-2009
 
Zhao Ziyang's Testament, Paul Mooney, Far Eastern Economic Review, 14-05-2009
 
 
ประวัติของจ้าวจื่อหยาง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท