เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. ของวันที่ 27 เมษายน 2552 ได้เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายไม่ทราบฝ่ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงชาวบ้าน ที่บ้านไม่มีเลขที่ ในสวนยางพารา บ้านสูแก หมู่ 5 ตำบลปะแต อำเภอยะหา จังหวัดยะลา พบศพผู้เสียชีวิตสี่ศพ ทราบชื่อภายหลังคือ นายอิสมาแอ ลาเตะ อายุ 62 ปี นางสาวไอนุง ลาเตะ อายุ 33 ปี นายมะยูโซะ ลาเตะ อายุ 36 ปี นางสาวตีอะฮ์ ไม่ทราบนามสกุล อายุ 18 ปี และนางปีอะฮ์ ไม่ทราบนามสกุล ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในขณะนี้ได้รับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา จากเหตุการณ์นี้ มีผู้รอดชีวิตหนึ่งคนเป็นเด็กวัย 7 ขวบ

จากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้นจากพยานผู้อยู่ในเหตุการณ์ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้เห็นชายฉกรรจ์ประมาณ 15 นาย มีอาวุธสงครามครบมือ แต่งกายชุดทหาร สวมหมวกแก๊ป โดยมีรถกระบะสี่ประตูมีลังคา เป็นยานพาหนะคล้ายกับรถเจ้าหน้าที่ ที่ใช้ในการลาดตระเวน ซึ่งในขณะนั้นมีพยานที่เป็นเด็กกำลังเดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุเพื่อเรียนพระมหาคัมภีร์ อัล-กุรอ่าน ก็ได้พบกับกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว ในบริเวณก่อนที่จะเกิดเหตุ เมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์เห็นพยานคนดังกล่าว หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ ได้หันกระบอกปืนมายังเด็กคนดังกล่าว แต่ได้มีเสียงพูดขึ้นมาว่า "ไปๆ ไม่ต้องมาเล่นแถวนี้กลับบ้านไป" โดยใช้ภาษาไทย พยานจึงรีบวิ่งกลับบ้านไป หลังจากนั้นประมาณ 5 นาทีก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจำนวนหลายนัด

หลังเหตุการณ์แรกเกิดขึ้นประมาณ 5 นาที คนร้ายยังได้ก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวโดยใช้อาวุธสงครามกราดยิงชาวบ้านบริเวณหน้ามัสยิด ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุจุดแรก ประมาณสองร้อยเมตร ทราบชื่อภายหลังคือนายอับดุลเลาะ กาซอ โดยพบศพของนายนายอับดุลเลาะ กาซอ เสียชีวิตในมัสยิด และอีกศพคือ นายรอมลี สตอปา นอนเสียชีวิตในพงหญ้าข้าง ๆ มัสยิด โดยทั้งคู่ถูกยิงเข้าที่ลำตัวและศีรษะ และหลังเกิดเหตุไม่นานได้มีรถร่วมกตัญญู (ปอเต็กตึ๊ง) มารับศพของทั้งคู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดสังเกต เนื่องจากลักษณะทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่ดังกล่าวเป็นภูเขาและอยู่ห่างจากตัวเมือง และเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงพอสมควร และอีกประการหนึ่งคือ การเข้าเคลียร์พื้นที่ของเจ้าหน้าที่ล่าช้า ซึ่งโดยปกติแล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นทุกครั้ง จะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาเคลียร์พื้นที่ก่อนที่หน่วยงานอื่นจะมาถึง

จากการสอบถามจากชาวบ้านเพิ่มเติม ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีรถกระบะสี่ประตูคล้ายรถดังกล่าวได้ขับเวียนรอบ ๆ หมู่บ้านแล้วหลายครั้ง และก่อนหน้านี้ มีเจ้าหน้าที่ทหารได้แจ้งแก่ชาวบ้านให้ออกจากพื้นที่ดังกล่าว โดยอ้างว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นทางการหลบหนีของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้น ญาติของผู้เสียชีวิตได้อพยพไปยังบ้านเกิดที่จังหวัดปัตตานี

ที่มา: Patanipost