นายสมคิด ด้วงเงิน ในฐานะประธานเครือข่ายแรงงานนอกระบบระดับชาติ ส่งจดหมาย "ข้อเสนอเพื่อสร้างหลักประกันสำหรับแรงงานนอกระบบในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ" ถึงนายกรัฐมนตรี เสนอแก้กฎหมายกฎหมายประกันสังคม ปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนโดยสมัครใจ โดยเนื้อหาในจดหมายระบุรายละเอียดว่า...
เครือข่ายแรงงานนอกระบบระดับชาติ ประกอบด้วยกลุ่ม ผู้รับงานไปทำที่บ้าน เกษตรกรพันธสัญญาและแรงงานรับจ้างในภาคเกษตร พนักงานในสถานบริการ กลุ่มมอเตอร์ไซด์รับจ้าง กลุ่มแรงงานคุ้ยขยะและซาเล้ง หาบเร่แผงลอย และกลุ่มขับรถแท็กซี่ ซึ่งทำงานเลี้ยงชีพตนเองและครอบครัวในลักษณะแตกต่างกันโดยไม่มีนายจ้างหรือมีนายจ้าง ซึ่งถูกยกเว้นไม่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายประกันสังคมของรัฐบาล ทำให้ขาดหลักประกันรายได้ทั้งขณะทำงานและเมื่อพ้นวัยทำงานเข้าสู่วัยชรา แม้ว่าปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายการขยายประกันสังคมสู่แรงงานนอกระบบ โดยเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้มาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 แต่ยังไม่มีการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ที่สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของแรงงานนอกระบบโดยรวม นอกจากนี้แรงงานนอกระบบไม่ได้รับความเป็นธรรมจากมาตรการการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการจัดสรรเงินงบประมาณสมทบให้แก่แรงงานที่มีสถานะเป็นลูกจ้าง ผู้ประกันตนในกองทุนประกันสังคมซึ่งไม่ครอบคลุมแรงงานนอกระบบทั้งที่เสริมสร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศชาติเช่นเดียวกับแรงงานในระบบ
ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเสมอภาคและสอดคล้องกับมาตรา 44 แห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญ เครือข่ายแรงงานนอกระบบมีข้อเสนอต่อนโยบายสวัสดิการสังคมของรัฐบาลดังนี้
1. เร่งพัฒนามาตรา ๔๐ และพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้องแห่ง พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 ตามมติของคณะอนุกรรมการพัฒนามาตรา ๔๐ฯ ด่วนที่สุดพร้อมกับเร่งผลักดันร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.๒๕๓๓ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาเห็นชอบ ในการแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับแก้ไขนี้ ที่มีสาระในมาตรา ๔๐ ว่า
ให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่ไม่เกินกึ่งหนึ่งของเงินสมทบที่ได้รับจากผู้ประกันตน..."
2. ให้มีการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนโดยสมัครใจ ดังนี้ คือ การจ่ายสมทบปีละ 3,360 บาทต่อปีหรือ 280 บาทต่อเดือน โดยได้รับสิทธิประโยชน์คุ้มครองเพิ่มเป็น 5 ประการ คือ
1) กรณีเจ็บป่วย
Ä ผู้ประกันตนจะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้เนื่องจากการเจ็บป่วย (เฉพาะผู้ป่วยใน) ครั้งละ 1,000 บาท ปีละไม่เกิน 2 ครั้ง โดยต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน
Ä บริการทางการแพทย์ บริการคลอดบุตรและทันตกรรมยังคงใช้สิทธิโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเหมือนเดิม
2) กรณีทุพพลภาพ
ผู้ประกันตนจะได้รับเงินทดแทนรายเดือน เดือนละ 1,000 บาท เป็นเวลา 15 ปี โดยต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 36 เดือน (3 ปี)
3) กรณีคลอดบุตร
ผู้ประกันตนจะได้รับเงินสงเคราะห์การคลอดบุตร 3,000 บาท คนละ 1 ครั้ง โดยต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 9 เดือน
4) กรณีเสียชีวิต
ทายาทผู้ประกันตนจะได้รับค่าทำศพเหมาจ่ายเป็นเงิน 30,000 บาท โดยต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน
5) กรณีชราภาพ
กองทุนประกันสังคมจะกันวงเงินปีละ 1,855 บาท (จากเงินสมทบปีละ 3,360 บาท) เก็บสะสมไว้เป็นเงินออมเพื่อผู้ประกันตนจะได้รับเป็นเงินบำเหน็จ (เงินก้อนครั้งเดียว) เมื่อมีอายุครบ 55 ปี
(หมายเหตุ สิทธิประโยชน์ที่กำหนดตามมาตรา 40 (ใหม่) อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการประกันสังคมและสำนักงานประกันสังคม)
3. เสนอให้รัฐบาลประเดิมจ่ายเงินจำนวน 2,000 บาทสำหรับปีแรกและร่วมจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมแรงงานนอกระบบตามอัตรากำหนดที่ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของเงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่ายในปีต่อ ๆ ไปเพื่อความเสมอภาคและความเป็นธรรมเช่นเดียวกับที่แรงงานในระบบที่รัฐบาลร่วมจ่ายเงินสมทบและมีมาตรการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและช่วยเหลือค่าครองชีพแก่แรงงานในระบบ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)