เตรียมจัดการอีก 6 เว็บผิด พรบ.คอมฯ "พลเมืองเน็ต" เตือนอย่าผลักพลเมืองที่เห็นต่างเป็นผู้ร้าย

(7 เม..) แหล่งข่าวจากกองบังคับการปราบปราม สำนักข่าวตำรวจแห่งชาติเปิดเผยกับ "ประชาไท" ว่า หลังเทศกาลสงกรานต์ เตรียมดำเนินคดีกับผู้ดูแลเว็บไซต์ 6 เว็บตามมาตรา 15 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เนื่องจากปล่อยให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 14 และ 15 ทั้งนี้แหล่งข่าวคนดังกล่าวไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดว่ามีเว็บไซต์ใดที่อยู่ในข่ายดำเนินคดีบ้าง


 

 


มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

(๑) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบาง ส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

(๒) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความ ตื่นตระหนกแก่ประชาชน

(๓) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการ ก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา

(๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้

(๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (๑)(๒) (๓) หรือ (๔) 

มาตรา ๑๕ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๔ ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมา

 

 

ด้านนางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองเน็ต http://thainetizen.org/ แสดงความเห็นต่อกรณีนี้ว่า เป็นเรื่องที่น่าตระหนกตกใจ เพราะแสดงว่าแนวทางของตำรวจไม่สอดคล้องกับนายกฯ ที่เคยรับปากกับเครือข่ายพลเมืองเน็ตก่อนหน้านี้ว่า จะใช้วิธีที่ละมุนละม่อมกว่านี้ในการดำเนินการ ซึ่งนั่นหมายความว่า นายกฯ ไม่สามารถกำกับตำรวจได้ตามที่มุ่งหวัง หรือตำรวจอาจไม่ได้ดำเนินการตามแนวทางของนายกฯ ทั้งนี้ ในเบื้องต้น เครือข่ายพลเมืองเน็ตอาจตั้งหน่วยให้คำปรึกษาเร่งด่วนและให้ความช่วยเหลือทางกฏหมายสำหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่ถูกดำเนินคดี

 

นอกจากนี้ นส.สุภิญญายังเรียกร้องให้ประชาคมผู้ใช้อินเทอร์เน็ต สมาคมผู้ดูแลเว็บ ผู้ประกอบธุกิจไอซีที ลุกขึ้นมาส่งเสียง เพื่อให้รัฐทราบถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการใช้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ว่าำทำให้ประชาชนตื่นตระหนก และจะส่งผลต่อการพัฒนาทางเทคโนโลยี

 

น.ส.สุภิญญา กล่าวต่อว่า จนถึงปัจจุบันยังไม่มีใครจำกัดความว่าอะไรที่ขัดต่อความมั่นคงของรัฐ คดีก่อนหน้านี้ก็ไม่มีข้อมูล เพราะเปิดเผยไม่ได้ จึงเสนอว่าคงต้องมาหามาตรฐานร่วมกัน เนื่องจากที่ผ่านมา เว็บบอร์ดต่างๆ ก็ได้ระบุแนวทางแล้ว เมื่อมีการแจ้่งก็ลบแล้ว อย่างกรณีเว็บไซต์เอ็กซ์ทีน หรือเว็บบอร์ดประชาไท แต่ตำรวจก็ยังตีความว่าลบช้าเกินไป ซึ่งทั้งหมดอาจกลายเป็นว่า ถ้าไม่ต้องการเสี่ยงก็ต้องควบคุม 100% กลายเป็นพื้นที่ปิด ซึ่งก็จะทำให้อินเทอร์เน็ตไม่ต่างจากสื่อวิทยุหรือโทรทัศน์ ธรรมชาติของสื่อก็จะเปลี่ยนไป ดังนั้น คนในแวดวงไอทีต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อรักษาหลักการตรงนี้

 

ทั้งนี้ นส.สุภิญญา ได้ฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ให้ไตร่ตรองมากขึ้นก่อนจะจับใครเข้าคุก โดยที่ผ่านมาซึ่งตำรวจมักคิดว่ามีขบวนการนั้น เท่าที่ติดตามหลายกรณีพบว่า เป็นการจับคนเล็กคนน้อย ซึ่งเป็นการแสดงออกโดยปัจเจกซึ่งต้องการแสดงออกเท่านั้น ทั้งนี้ตั้งคำถามว่า มีขบวนการดังกล่าวจริงหรือไม่ นอกจากนี้ ยังฝากถึงเจ้าหน้าที่รัฐว่า ควรจะใช้วิธีที่อารยะกว่าการจับกุมด้วย แม้อาจมีคนโต้แย้งว่ากระบวนการยุติธรรมก็อารยะกว่าการอุ้มหายหรือทรมานแล้ว ซึ่งก็ใช่ แต่คนที่ถูกจับเหล่านี้เขาถูกทำให้เป็นอาชญากรทางความคิด ซึ่งไม่ใช่อาชญากรรมโดยแท้เลย

"ดังนั้น ถ้าเปลี่ยนความคิดของคนก็ควรใช้วิธีอารยะมากกว่านี้ เช่นการพูดคุยเจรจา หรืออะไรก็ตามแต่ แทนที่จะจับคนเข้าคุกอย่างเดียว ซึ่งเป็นการทำให้พลเมืองที่เห็นต่างกลายเป็นผู้ร้าย เป็นศัตรูของรัฐไปโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะพลเมืองในอินเทอร์เน็ต เขาก็แค่อยากแสดงออกทางการเมืองแบบนิรนาม เป็นการคลายความอึดอัดทางหนึ่ง ถ้ารัฐใช้แนวทางปราบปรามรุนแรงก็จะยิ่งสร้างรอยร้าวและความตึงเครียดในสังคมมากขึ้น" น.ส.สุภิญญา กล่าว

 

น.ส.สุภิญญากล่าวเสริมว่า อีกประการหนึ่งคือ คนที่ถูกดำเนินคดีฐานกรณีความผิดแบบนี้ซึ่งถือว่าเป็นอาชญากรรมทางความคิด เขาควรจะได้รับการประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีจนถึงที่สุดตามหลักสิทธิมนุษยชนสากลด้วย เพราะคนเหล่านี้ไม่มีอาวุธอย่างปืน ดาบ รถถัง เขามีแค่ความคิดและความรู้สึกทางการเมืองเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันตรายต่อใครเลย ถ้าเราเปิดกว้างรับฟังกันและกันมากขึ้น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท