Skip to main content
sharethis

สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชี้แจง แกนนำพันธมิตรฯ ไม่นำมวลชนออกไปเป็นเหยื่อกับเกมของเสื้อแดง เห็นพ้องแล้วให้มวลชนอยู่ในที่มั่น ขอให้พันธมิตรฯ ทั่วประเทศอย่าได้หลงเชื่อ ขอให้ดูสถานการณ์อย่างละเอียด-ระมัดระวัง อย่าตกเป็นเครื่องมือของใคร กรณีสุริยะใสให้สัมภาษณ์ใดๆ ไม่ถือเป็นมติแกนนำ ต้องถือว่าพูดในนามเลขา ครป. หรือส่วนตัว


 


ตามที่สื่อหลายฉบับ รายงานว่า นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์เมื่อ 5 เม.ย. ว่า หากหากกลุ่ม นปช. สร้างสถานการณ์ยั่วยุให้เกิดความรุนแรง เพื่อให้ทหารออกมา ในวันที่ 8 เมษายนนี้ พันธมิตรฯ จะออกมาเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ทันที


 


โดยผู้จัดการออนไลน์ เวลา 2.15 น. วันที่ 6 เม.ย. พาดหัวว่า "พันธมิตรฯ" ฮึ่มเป่านกหวีดชน "แดงถ่อย" หากจุดชนวนความรุนแรง รายงานคำพูดของนายสุริยะใส กตะศิลา ว่า หากกลุ่มเสื้อแดงสร้างสถานการณ์ยั่วยุให้เกิดความรุนแรงในวันที่ 8 เม.ย.นี้ ทางพันธมิตรฯ จะออกมาเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ทันที เพราะถือว่าเป็นเงื่อนไขใหญ่ นอกเหนือจากเรื่องที่กลุ่มเสื้อแดง ประกาศว่าจะนำรัฐธรรมนูญปี 40 กลับมาใช้เพื่อการนิรโทษกรรมผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง


 


 


สนธิขอร้องมวลชนตั้งมั่นอย่าขยับไปไหน


อย่างไรก็ตาม นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว โดยนายสนธิ กล่าวว่าเป็นคำพูดของนายสุริยะใสไม่เกี่ยวกับแกนนำพันธมิตรฯ


 


โดยในรายการ Good Morning Thailand ออกาอากาศช่วงเช้าเวลา 6.00 - 7.00 น. วันที่ 6 เม.ย. ช่วงท้ายรายการซึ่งเป็นการตอบจดหมายผู้ชมทางบ้าน นายสนธิตอบจดหมายฉบับหนึ่งว่า "พี่น้องพันธมิตรฯ ครับ อยู่เฉยๆ หน้าที่นี่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดนี้ และทหารหาญที่ชอบสวนสนามรักษาพระองค์ เป็นหน้าที่เขา ไม่ใช่หน้าที่เรา แล้วที่คุณสุริยะใสให้สัมภาษณ์ว่า ทนไม่ไหวจะออกไปจัดการนั้น คุณสุริยะใสอาจจะเข้าใจผิด เพราะยังไม่ได้มีการคุยกับแกนนำ ยืนยันว่าแกนนำ 5 คน ยังยืนยัน ขอร้องพี่น้องให้ตั้งมั่นอยู่ที่มั่นอย่าขยับไปไหน ให้เขาทะเลาะกันเอง"


 


นายสนธิ ยังกล่าวด้วยว่า "ถ้าพี่น้องฟังรายการ Good Morning Thailand แล้วต่อด้วยรายการของพี่ปอง แล้วต่อด้วยรายการน้องเก๋ เอกอุษณีย์ ในเรื่องนอกบ้านเรา แล้วต่อด้วยสภาท่าพระอาทิตย์ รับรองพี่น้องไม่ต้องไปเรียนหนังสือหรอก เรียนให้โง่ทำไม ไปเรียนแล้วไปเจออาจารย์อย่าง ใจ อึ๊งภากรณ์ อย่างเงี้ย ยุคนี้เป็นยุคที่ตกต่ำที่สุดของจุฬาฯ จุฬาฯ ตกต่ำมากๆ ตกต่ำอย่างนึกไม่ถึง ผมฝากไว้แค่นี้ละครับ"


 


 


ความของของสุริยะใส ไม่ถือเป็นมติแกนนำ


ต่อมา ในข่าวของ ASTVผู้จัดการออนไลน์ เวลา 10.32 น. วันที่ 6 เม.ย. พาดหัวว่า "สนธิ" ย้ำ "พันธมิตรฯ" จะไม่ออกมาเคลื่อนไหวต้านเสื้อแดง จี้สำนึก "กองทัพ" แสดงความจงรักภักดี  นายสนธิกล่าวว่า คำให้สัมภาษณ์ของสุริยะใสดังกล่าว ไม่ถือเป็นมติของแกนนำพันธมิตรฯ ขอยืนยันว่าพันธมิตรฯ จะไม่ออกไปเป็นเหยื่อกับเกมเสื้อแดงอย่างเด็ดขาด เรื่องที่นายสุริยะใสออกมาให้สัมภาษณ์อาจพูดไปด้วยอารมณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินไปที่นายสุริยะใสจะดำเนินการโดยพลการ หรืออาจจะพูดไปในนามคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ก็ไม่ทราบได้


 


"เป็นที่ทราบกันดีว่าเจตนารมณ์ของคนเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวในครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้พ้นผิด ดังนั้น พันธมิตรฯ ยืนยันว่าจะไม่ออกมาต่อสู้ด้วย และขอให้เป็นหน้าที่ของผู้มีอำนาจไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล โดยเฉพาะนายสุทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีซึ่งดูแลด้านความมั่นคง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติออกมาแสดงบทบาทบ้าง" นายสนธิกล่าว


 


 


พันธมิตรปกป้องสถาบัน แต่อนุพงษ์เย็นชา


แกนนำพันธมิตรฯ ยังได้ตั้งคำถามว่า การที่กลุ่มเสื้อแดงออกมากล่าวพาดพิงองคมนตรี เพื่อกระทบถึงสถาบันเบื้องสูง ไม่ทราบว่าผู้ที่ชอบอ้างความจงรักภักดียังจะอยู่นิ่งเฉยได้อย่างไร ทั้งที่อำนาจอยู่ในมือ และขอยืนยันว่าพันธมิตรฯ จะไม่ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้ แต่หากจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงจะต้องเป็นมติของแกนนำและออกมานั่งแถลงข่าวร่วม กัน รวมทั้งในบ้านเมืองนี้ไม่มีใครจะกล้าหาญออกมาปกป้องสถาบันเบื้องสูงอีกแล้ว


 


นายสนธิ กล่าวต่อว่า การชุมนุม 193 วันที่ผ่านมาของพันธมิตรฯ เป็นการกระทำเพื่อปกป้องสถาบันหลักของชาติ รักษาความถูกต้อง และเรียกร้องให้ประเทศไทยกลับไปมีจริยธรรม โปร่งใส ตามหลักนิติรัฐอย่างแท้จริง แต่ที่ผ่านมาพันธมิตรฯ กลับถูกกลั่นแกล้งมาโดยตลอด พี่น้องพันธมิตรฯ ต้องเสียชีวิต ล้มตาย บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก แต่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กลับแสดงทีท่าที่ชัดเจนว่าไม่ชอบพันธมิตรฯ ซ้ำยังแสดงความใจดำและเย็นชา ต่อคนที่ออกมาปกป้องสถาบันชาติ แล้วต้องมาเสียชีวิต พิการ และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก


 


 


อนุพงษ์เปลี่ยนขั้วให้ประชาธิปัตย์ เพื่อรักษาสถานภาพ ผบ.ทบ.


ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจัดตั้งรัฐบาลมาได้ ก็เพราะ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ต้องการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองใหม่ เพื่อรักษาสถานภาพ ผู้บัญชาการทหารบกของตัวเองเอาไว้ และให้ลูกพี่ของตัวเอง คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อที่จะได้ปกป้อง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายของตัวเองให้อยู่ในตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต่อไป ทั้งที่ พล.ต.อ.พัชรวาท คือหนึ่งในตัวปัญหา และเป็นผู้ที่เคยรับใช้ทั้งรัฐบาล สมัคร สุนทรเวช และ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี


 


"สาเหตุที่พันธมิตรฯ ยอมสลายการชุมนุมในครั้งที่ผ่านมานั้น ก็เพราะศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน ซึ่งก็เป็นไปตามหัวข้อการต่อสู้ของพันธมิตรฯ แต่แรกแล้ว แต่มาถึงวันนี้ วันที่ประเทศไทยมีรัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำแล้ว สังคมก็เริ่มมีความหวัง ว่าจะให้เข้ามาแก้ไขในสิ่งที่ผิดให้ถูกต้อง รวมไปถึงเรามีทหารอย่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นผู้บัญชาการทหารบก มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งในอดีตก็เคยเป็น ผู้บัญชาการทหารบกมาก่อน ที่ย่อมเข้าใจว่า ภัยที่เกิดจากกลุ่มคนเสื้อแดงในวันนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงภัยทางการเมือง แต่คือภัยร้ายที่ต้องการล้มล้างสถาบันหลักของประเทศ"


 


 


พันธมิตรฯ ขอเฝ้าดู ให้คนมีอำนาจในมือแก้ปัญหา


นายสนธิ กล่าวต่อไปว่า ด้วยเหตุที่พันธมิตรฯ ที่มีจิตใจบริสุทธิ์ในการปกป้องสถาบันหลักของชาติ แต่กลับต้องถูกลั่นแกล้งสารพัด แกนนำต้องถูกต้องดำเนินคดี ถูกเยาะเย้ยถากถางจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และถูก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง วางเฉยไม่แสดงจุดยืนอย่างแท้จริง ตลอดจน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีผู้มีอำนาจในการดูแลสื่อในมือ ก็กลับไม่ทำอะไร ปล่อยให้กลุ่มเสื้อแดง ทำการยุยงปลุกปั่น และให้ข้อมูลอันบิดเบือนกับประชาชนอยู่ตลอด ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาที่พันธมิตรฯ จะต้องอยู่เฉย ๆ และเฝ้าดู และให้คนที่มีหน้าที่ มีอำนาจอยู่ในมือ ทั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และผู้บัญชาการทหารบกเป็นผู้รับผิดชอบดูแลแก้ไขปัญหานี้ต่อไป เพราะมันถึงเวลาแล้วที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ จะต้องทำตามหน้าที่ของตัวเอง


 


"พันธมิตรฯ เรายังคงมีหัวใจรักชาติเหมือนเช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยน แต่ในเมื่อเราไม่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ เราจึงเป็นได้เพียงผู้เฝ้าดู ต้องปล่อยให้รัฐบาล และ พล.อ.อนุพงษ์ ออกมาแก้ไขวิกฤติชาติ การที่จะให้พันธมิตรฯ เราออกมาปะทะกับคนเสื้อแดงนั้นเป็นเพียงกลลวง ที่จงใจปล่อยออกมา เพื่อให้เราตกลงไปในหลุมพราง ซึ่งหากเรานำมวลชนออกไปปะทะจริง เมื่อนั้นจะเป็นเงื่อนไขให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ นายสุเทพ ใช้เป็นข้ออ้างในการออกมาปราบปรามมวลชนทั้งสองฝ่าย"


 


 


ย้ำให้มวลชนอยู่ในที่ตั้ง อย่าเป็นเครื่องมือใคร


นายสนธิ กล่าวด้วยว่า เรื่องทั้งหมดนี้ตนได้มีการพูดคุยกับแกนนำทั้ง 5 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อเช้าที่ผ่านมา ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย พร้อมทั้งยังฝากมาบอกกับพี่น้องพันธมิตรฯ ด้วยว่านับตั้งแต่วันที่พันธมิตรฯ ออกแถลงการณ์มาเป็นฉบับแรกเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เราก็เห็นพ้องต้องกันตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ว่าเราควรจะต้องตั้งอยู่ในที่มั่น ดังนั้นจึงอยากให้พันธมิตรฯ ทั่วประเทศอย่าได้หลงเชื่อ และขอให้ดูสถานการณ์อย่างละเอียด ระมัดระวัง อย่าตกเป็นเครื่องมือของใครเป็นอันขาด


 


แต่อย่างไรก็ตามการที่กล่าวเช่นนี้ ไม่ได้หมายความว่าพันธมิตรฯ จะท้อถอยหรือไม่สู้ต่อไป เพราะหากวันไหนที่รัฐบาล และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พ่ายแพ้ หรือไม่สามารถหยุดยั้งการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดงได้ แกนนำพันธมิตรฯ ทุกคนก็เชื่อว่า เมื่อนั้นชาวพันธมิตรฯ ก็พร้อมออกมาร่วมมือร่วมใจ ปกป้องบ้านเมืองจากความชั่วร้ายอีกครั้ง


 


"วันนี้ คนที่มีหน้าที่ต้องทำ ก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง มันหมดเวลาแล้วที่จะมา ขุดหลุมพราง หลอกให้พันธมิตรฯ เพื่อประโยชน์ของกลุ่มตัวเอง ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของชาติแล้ว และผมก็ขอให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้รับฟังเฉพาะมติแกนนำที่เป็นทางการเท่านั้น หากนายสุริยะใส กตะศิลา พูดหรือให้สัมภาษณ์ใด ๆ ออกไป โดยไม่ได้เป็นมติของแกนนำ ก็ต้องถือว่าคำพูดนั้นเป็นคำพูดในนามเลขาธิการ ครป. หรือในนามส่วนตัวเท่านั้น"


 


โดยก่อนหน้านี้ เมื่อ 5 เม.ย. นายสุริยะใส กตะศิลาผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  เปิดเผยว่า แกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 กำลังประเมินสถานการณ์การนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดง วันที่ 8 เมษายน อย่างใกล้ชิด มีการเช็คข่าวทุกๆ ชั่วโมง เพราะเชื่อว่าสถานการณ์จะนำไปสู่ความรุนแรง เนื่องจากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติแห่งชาติ (นปช.) เสนอเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้ และหาทางลงได้ยาก


 


"โดยเฉพาะการประกาศล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย เป็นการหลอกลวงประชาชน เพราะเป็นเงื่อนไขที่ทำได้ยาก และเป็นประโยชน์เฉพาะกลุ่ม ที่จะเข้าทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะถ้าสถานการณ์รุนแรง มีทหารออกมา จะทำให้ต่างประเทศมองว่า ประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตย" นายสุริยะใส กล่าว


 


นายสุริยะใส กล่าวว่า หากกลุ่ม นปช. สร้างสถานการณ์ยั่วยุให้เกิดความรุนแรง เพื่อให้ทหารออกมา ในวันที่ 8 เมษายนนี้ พันธมิตรฯ จะออกมาเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ทันที เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเงื่อนไขใหญ่ นอกเหนือจากเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และ นปช. ประกาศนำรัฐธรรมนูญ ปี 40 และการนิรโทษกรรมกลับมา


 


"ขอประกาศว่า หากกลุ่ม นปช. จะเคลื่อนไหวทำลายประเทศ หรือสถาปนาระบบการปกครองใหม่ขึ้นมา พันธมิตรฯ พร้อมแล้วที่จะออกมาเคลื่อนไหวทันที" นายสุริยะใส กล่าว


 


 


ที่มา: โพสต์ทูเดย์ เดลินิวส์ สยามรัฐ และ ASTVผู้จัดการออนไลน์ [1] [2] [3]

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net