Skip to main content
sharethis

6 เม.ย.52  เมื่อเวลาประมาฯ 20.40 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงเกี่ยวกับจุดยืนของรัฐบาลในการดูแลสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง   โดยระบุว่า การออกมาแถลงครั้งนี้เนื่องจากประชาชนจำนวนมากมีความห่วงใยต่อเหตุการณ์การชุมนุม ซึ่งจะมีการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 เมษายน หรือในอีก 2 วันข้างหน้า ซึ่งนับตั้งแต่ที่ตนได้ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี 3 เดือนที่ผ่านมาได้ทุ่มเททำงาน และได้รับความร่วมมือของประชาชน ทำให้บ้านเมืองได้เดินมาไกลพอสมควร ได้รับความเชื่อถือจากนานาประเทศ และการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจซึ่งเป็นปัญหาพื้นฐานก็มีความคืบหน้าไปมาก


อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า ปัญหาความคิดที่แตกต่างหรือความขัดแย้งในเชิงความคิดทางการเมืองยังมีอยู่ และตลอดระยะเวลา 3 เดือนกว่า ๆ ที่ผ่านมา ได้พิสูจน์ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ซึ่งเป็นรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยพร้อมที่จะให้สิทธิเสรีภาพกับประชาชนที่มีความประสงค์จะแสดงออกในทางการเมือง โดยหลักที่ตนได้ยึดตลอดมาคือ การชุมนุมเรียกร้องต่างๆ นั้น จะต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมายและภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งตราบเท่าที่เป็นเช่นนั้นรัฐบาลก็เปิดโอกาสให้เต็มที่


เมื่อใดก็ตามที่มีการกระทำที่ผิดกฎหมาย รัฐบาลก็จะไม่ละเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ เช่น อาจจะมีการกระทบกระทั่ง ทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สินเล็กน้อย ก็มีการดำเนินการ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ ๆ ว่าหากการเคลื่อนไหวนั้นกระทบต่อความมั่นคง กระทบกับสถาบันหลักของชาติ รัฐบาลก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมานั้นได้พิสูจน์ให้เห็นว่า รัฐบาลนี้จะระมัดระวังอย่างเต็มที่ ไม่เข้าไปสู่การเผชิญหน้า ความขัดแย้งกับกลุ่มคนใดในสังคม หลีกเลี่ยงการปะทะ หรือการใช้ความรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่ต้องการที่จะให้ประเทศชาติบอบช้ำ หรือมีความสูญเสียในหมู่พี่น้องประชาชนแม้แต่นิดเดียว ขณะเดียวกันก็ต้องการที่จะให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ อะไรซึ่งพอที่จะอะลุ่มอล่วยก็อะลุ่มอล่วยกัน อะไรที่เป็นปัญหาเริ่มส่งผลกระทบ รัฐบาลก็จะดำเนินการอยู่ในกรอบของกฎหมาย อย่างเช่น กรณีเรื่องของทำเนียบรัฐบาลในปัจจุบันนี้ ซึ่งข้าราชการมีปัญหาในการเดินทางเข้าไป รัฐบาลก็ใช้แนวทางของการขออำนาจศาลให้มีคำสั่ง ซึ่งจะได้มีการดำเนินการและมีการบังคับคดีต่อไป


นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับในอีก 2 วันข้างหน้า สิ่งที่ประชาชนไม่สบายใจก็คือ มีการพูดถึงขั้นว่าการชุมนุมเรียกร้องนั้นจะนำไปสู่เรื่องของสงครามกลางเมืองบ้าง จะมีการปฏิวัติประชาชนบ้าง ขอเรียนว่ารัฐบาลซึ่งเคารพกฎหมาย ต้องดำรงระเบียบ ต้องดำรงความสงบเรียบร้อยในประเทศ ไม่สามารถที่จะให้เกิดสงครามกลางเมือง ไม่อาจที่จะให้เกิดมีลักษณะของการปฏิวัติประชาชนได้ เพราะรัฐบาลได้พูดตั้งแต่วันแรกเช่นเดียวกันว่า การสร้างความสมานฉันท์ปรองดองนั้นอยู่บนพื้นฐานของการรักษากฎหมาย และอยู่บนพื้นฐานของการปกป้องสถาบันหลักของชาติ ซึ่งเป็นที่เคารพเทิดทูนของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน


"ดังนั้น ผมจึงให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนครับว่า รัฐบาลจะยึดแนวทางเดิมในการใช้ความนุ่มนวล ไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐไปทำร้ายประชาชน แต่จะมีความมั่นคง ไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย จนกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่พี่น้องประชาชน ถึงขั้นที่จะเป็นสงคราม ถึงขั้นที่จะเป็นการปฏิวัติ หรือที่คนไทยนั้นจะต้องมารบราฆ่าฟันกันเอง รัฐบาลจะไม่ปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น" นายอภิสิทธิ์กล่าว


นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมามีการประชุมบรรดากระทรวง ทบวง กรม เจ้าหน้าที่ของรัฐทางด้านความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง เพื่อที่จะเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และการประชุมนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมและความเป็นเอกภาพของทุกหน่วยงานที่เป็นกลไกของรัฐ    โดยมีเป้าหมาย ดังนี้     ประการที่ 1 เราจะดูแลรักษาสถานที่สำคัญทางราชการ และสถานที่สำคัญอื่น ๆ โดยจะมีการเตรียมกำลัง ซึ่งจะผสมผสานกันระหว่างตำรวจกับทหารและฝ่ายท้องถิ่น เพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดกฎหมายในเรื่องของการบุกรุกสถานที่ราชการ เหมือนกับที่ได้ทำมา ทำด้วยความนุ่มนวล ไม่ให้มีการปะทะ สูญเสีย


"โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องเรียนว่าครั้งนี้เนื่องจากมีการประกาศว่า จะเข้าไปชุมนุมหน้าบ้านท่านประธานองคมนตรี ซึ่งผมได้ย้ำหลายครั้งว่าสังคมนั้นพึงที่จะหลีกเลี่ยง มิให้นำสถาบันองคมนตรีหรือผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เข้ามาสู่ความขัดแย้งทางการเมือง เรามีหน้าที่ในการที่จะปกป้องคุ้มครองสถาบันหลัก ปกป้องคุ้มครองคนดี ปกป้องคุ้มครองผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และที่สำคัญคือรักษาความสงบเรียบร้อย เพราะฉะนั้น ในส่วนนี้ก็เช่นเดียวกัน การมีกำลังที่จะดูแลความสงบเรียบร้อย ทั้งหน้าบ้านท่านประธานองคมนตรี ไปจนถึงสถานที่ราชการสำคัญ ๆ ทั้งหลายก็จะดำเนินไป แล้วจะหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการปะทะ ส่วนผู้ชุมนุมนั้นอยากจะแสดงออก อยากจะใช้สิทธิเสรีภาพอยู่ในขอบเขตของรัฐธรรมนูญ หรืออยู่ในขอบเขตของกฎหมายก็ทำได้" นายอภิสิทธิ์กล่าว


เขากล่าวต่อว่า  ประการที่ 2 การชุมนุมซึ่งมีการพูดกันว่าจะนำคนจำนวนมากเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบในเรื่องของการสัญจรไปมา ขอให้ความมั่นใจว่า จะมีการเตรียมความพร้อมดูแลอำนวยความสะดวกมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะให้การจราจรได้รับผลกระทบน้อยที่สุด มีการตกลงกันว่าหน่วยงานประชาสัมพันธ์ของรัฐทั้งหลาย จะใช้เครือข่ายวิทยุกระจายเสียงเครือข่ายอื่น ๆ เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารให้พี่น้องประชาชนที่สัญจรไปมา


ประการที่ 3 คือ การดูแลไม่ให้เกิดการรุนแรงในหมู่ประชาชนด้วยกันเอง โดยทราบดีว่าความเห็นที่แตกต่างย่อมหมายถึงการมีกลุ่มมวลชนซึ่งอาจจะมีความคิดที่จะเข้ามาเคลื่อนไหวพร้อม ๆ กัน หรือในสถานที่เดียวกัน จึงต้องขอความกรุณาทุกฝ่าย หากอยากจะแสดงออกนั้นสามารถทำได้ แต่อย่าทำให้เกิดความเสี่ยงในเรื่องของการปะทะกัน อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐจะดูแล จะขอให้การชุมนุมที่มีความเห็นไม่ตรงกันนั้นไม่เข้ามาอยู่ในระยะซึ่งเสี่ยงต่อการที่จะเกิดการเผชิญหน้า การปะทะกัน อันนำไปสู่ความรุนแรงหรือความสูญเสียในเรื่องของเลือดเนื้อของประชาชนคนไทย และถ้าเป็นไปได้อยากเรียนว่าหนทางในการแสดงออกถึงความรู้สึก ความคิดเห็นต่าง ๆ มีมากโดยไม่จำเป็นที่จะต้องนำไปสู่ความเสี่ยงในเรื่องของการปะทะกัน


"ผมเรียนยืนยันว่า รัฐบาลจะดูแลคลี่คลายสถานการณ์ได้ โดยไม่มีความจำเป็นใด ๆ ในขณะนี้ที่จะต้องไปใช้กฎหมายพิเศษ ความเป็นเอกภาพของหน่วยงานต่าง ๆ นั่นหมายความว่า ทางตำรวจจะเป็นเจ้าหน้าที่ซึ่งจะต้องเป็นหลักในการดูแลความสงบเรียบร้อย แต่ได้ร้องขอเพื่อให้ทางทหาร หน่วยงานอื่น ๆ เช่น ท้องถิ่น หรือฝ่ายปกครอง หรืออาสาสมัครต่าง ๆ เข้ามาเป็นผู้ช่วยได้ โดยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อำนาจตามกฎหมายพิเศษแต่ประการใด"


นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เหตุผลที่ไม่มีการใช้กฎหมายพิเศษก็เพื่อที่จะให้ภาพลักษณ์ประเทศเป็นไปด้วยดี และคลี่คลายปัญหาได้โดยไม่มีข้อครหาว่า รัฐบาลต้องการอำนาจพิเศษเพื่อจะใช้ความความรุนแรงใดๆ แต่การดูแลสถานการณ์ครั้งนี้ ก็ต้องไม่อยู่บนความประมาท เพียงแต่ก็ให้ความสบายใจ ความมั่นกับประชาชนในระดับหนึ่งว่ารัฐบาลมีความพร้อม ขอความร่วมมือประชาชนด้วยว่าในช่วงการชุมนุมของคนหมู่มาก หากมีอะไรผิดสังเกต มีอะไรที่เจ้าหน้าที่รัฐควรรับรู้ ขอให้แจ้งเข้ามา ขอย้ำว่าการวางแผนทั้งหมดนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีความพร้อม 100%


นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า หลักการทำงาน ไม่เฉพาะแค่ 3 เดือนที่ผ่านมา แต่ตลอดการทำงานในฐานะนักการเมือง สิ่งที่ไม่ต้องการเห็นที่สุดคือ ความสูญเสียของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะมีความคิดความอ่านหรืออยู่ฝ่ายใด ฉะนั้น รัฐบาลจะยึดแนวทางของความนุ่มนวล อย่างไรก็ตาม ถ้านำไปสู่สงครามหรือการจลาจล รัฐบาลก็อยู่เฉยไม่ได้ ต้องดำเนินการภายใต้กรอบของกฎหมายด้วยความเด็ดขาด  ซึ่งหากประเทศสามารถผ่านเหตุการณ์ช่วงนี้ไปได้จะหมายถึงความมั่นคงในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หมายถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาอื่นๆ จะเดินหน้าต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล หมายถึงการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมอาเซียนบวกสาม อาเซียนบวกหก จะสามารถรักษาภาพลักษณ์ที่ได้ฟื้นตัวขึ้นมานับแต่ต้นปีนี้จนเป็นที่เชื่อมั่นของประชาคมโลก


นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับผู้ชุมชนนั้น ยืนยันมาโดยตลอดว่ามีสิทธิเสรีภาพที่จะแสดงออก ข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีเหตุมีผล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความกังวลว่ารัฐบาลจะเลือกปฏิบัติในคดีความนั้น รัฐบาลได้ยินเสียงของท่าน ยอมรับเหตุผลของท่าน และจะมุ่งมั่นพิสูจน์ให้เห็นว่าจะไม่เลือกปฏิบัติกับคนกลุ่มใดทั้งสิ้น เช่นเดียวกับข้อเรียกร้องของการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญหรือระบบการเมือง


"ขอยืนยันว่าใครที่รักประชาธิปไตย ผมให้ความมั่นใจ ให้ความจริงใจว่า รัฐบาลนี้พร้อมตอบสอนง เราพร้อมเดินหน้าในกระบวนการปฏิรูปการเมืองหรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจมีข้อบกพร่องความไม่เป็นประชาธิปไตยในส่วนไหนอย่างไรก็แล้วแต่ ก็จะทำโดยเชิญชวนทุกฝ่ายมามีส่วนร่วม และหลีกเลี่ยงไม่ให้กระบวนการนี้นำมาสู่ความขัดแย้งซึ่งเราเผชิญมาตลอดปีที่แล้ว"


นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ข้อเรียกร้องอื่นๆ ของกลุ่มผู้ชุมนุมก็มีช่องทาง มีกระบวนการที่จะดำเนินการได้ ความไม่พอใจกับการบริหารราชการแผ่นดิน รัฐบาลนี้จริงจังกับการรับผิดชอบต่อผู้แทนปวงชนชาวไทย ต่อระบบรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็นการตอบกระทู้ถาม  การให้ความสำคัญกับการอภิปรายของสมาชิกในสภา ทั้งในญัตติทั่วไป และที่ประชาชนได้เห็นในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา


"แต่ถ้าการเรียกร้องชุมนุมนั้นส่งผลต่อความมั่นคง สถาบันหลักของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำความขัดแย้งขยายวงไปสู่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง หรือสถาบันที่พวกเราทุกคนเคารพเทิดทูน รัฐบาลก็วางเฉยไม่ได้ และจะดำเนินการเด็ดขาดภายใต้กรอบของกฎหมาย บนความตระหนักว่าเราจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความสูญเสีย ใดๆ ทั้งสิ้นกับชีวิตและเลือดเนื้อของประชาชนคนไทย"


นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้รัฐบาลมีความพร้อม ขอให้ประชาชนคลายความวิตกกังวล ความสับสนทั้งหลายไประดับหนึ่ง และในทุกเรื่องที่รัฐบาลจะทำหรือจะตัดสินใจ จะอยู่บนเหตุบนผล บนผลประโยชน์ของส่วนรวม และประเทศชาติเท่านั้น โดยจะมีความโปร่งใสพร้อมให้ตรวจสอบได้ตลอดเวลา

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net