Skip to main content
sharethis

เหตุการณ์ตั้งแต่เช้าของวันที่ 16 มี.ค.ทางโรงไฟฟ้าให้บริษัท ที่รับทำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม  (EIA) เข้ามาเก็บข้อมูลในที่ดินในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้า และได้มีการจ้างตำรวจทั้งในท้องที่และนอกท้องที่กว่า 100 นาย เข้ามารักษาความปลอดภัยให้แก่คนงานของโรงไฟฟ้าและบริษัทรับทำ EIA ซึ่งสถานการณ์ในวันนี้ยังคงเหมือนเช่นทุกวัน ชาวบ้านยังคงปักหลักในการคัดค้านไม่ให้โรงไฟฟ้าเข้ามาในพื้นที่ ในบางช่วงของการคัดค้านก็มีการปะทะกันบ้างระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย


 


ในช่วงเช้าของวันที่ 16 มี.ค. ตำรวจได้จักกุมผู้คัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้า ข้อหาบุกรุก ทั้งๆ ที่ ที่ดินบริเวณนั้นก็เป็นของชาวบ้าน โดยผู้ถูกจับ เป็น หญิง 2 คน ชาย 2 คน ซึ่งที่ทุกคนถูกใส่กุญแจมือเหมือนกับว่าเป็นนักโทษในคดีร้ายแรง และ 1 ในผู้ถูกจับได้ถูกตำรวจจับกดน้ำ


 


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการที่คนงานของโรงไฟฟ้าและบริษัทรับทำ EIA เข้าไปในพื้นที่ ชาวบ้านที่เช้าพื้นที่ดังกล่าวอยู่เพื่อทำนาก็ได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจอำเภอหนองแซง ข้อหาบุกรุกและทำลายต้นข้าวที่มีอายุ 2 เดือน เพราะผู้เช่ายังคงมีสิทธิที่จะทำกินบนพื้นที่นี้ ไปจนกว่าจะหมดสัญญาการเช่า คืออีก 5 ปีข้างหน้า โดยความเสียหายเกิดขึ้นจากการที่บริษัทได้นำอุปกรณ์ รถ ที่ใช้ในการสำรวจลุยเข้าไปในนาข้าว ทั้งนี้ ชาวบ้านได้มีการกดดันและเรียกร้องให้บริษัทนำอุปกรณ์ออกจากพื้นที่ซึ่งโรงไฟฟ้าก็ยอมทำตาม


 


ต่อมา กลุ่มผู้คัดค้านได้ขอให้ตำรวจทำการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ของบริษัทและคนงานของโรงไฟฟ้า โดยพบปืน 1 กระบอกขนาด 9 มม.เจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุมข้อหาพกปืนในที่สาธารณะ และเมื่อตรวจค้นรถที่ใช้เป็นพาหนะของบริษัท และคนงานพบ มีดแหลม ไม้ เป็นต้น นอกจากนั้นได้มีการตรวจค้นอดีตกำนัน และกำนันคนปัจจุบัน รวมทั้งผู้ใหญ่บ้าน ต.โคกสะอาด ที่เป็นผู้มีส่วนนำคนนอกเข้ามาในพื้นที่ พร้อมทั้งนายมารุจ แก้วงาม เจ้าหน้าที่ของโรงไฟฟ้า แต่ไม่พบอาวุธใดๆ


 


ทั้งนี้ ทางนายมารุจ และนายเดชา ได้สัญญากับชาวบ้านว่าจะไม่นำคนงานและบริษัทรับทำ EIA เข้ามาในพื้นที่อีก จึงมีการปล่อยตัวให้กลับไปในเวลา 17.30 น. หลังจากที่ชาวบ้านปิดกั้นเส้นทางไม่ให้ออกจากพื้นที่


 


จากนั้นชาวบ้านได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจหนองแซง เนื่องจากตำรวจได้ตั้งข้อหาจอดรถกีดขวางการจราจร ชาวบ้านจึงเสียค่าปรับ 100 บาท และอีก4 คนที่ถูกจับในตอนเช้าก็ได้รับการประกันตัว


 


อนึ่ง ในวันเดียวกันนี้มีหน่วยราชการในจังหวัดลงมาในพื้นที่ คือ สำนักงานสาธารณะสุขจังหวัด สำนักงานสิ่งแวดล้อมจังหวัด และทหาร เข้ามาสอบถามชาวบ้านเรื่องการประกอบอาชีพและชีวิตความเป็นอยู่

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net