Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis


กิติภูมิ จุฑาสมิต


 


 


ช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสร่วมลงชื่อให้ "ยกเลิก" ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 (ป..112 หรือที่มักเรียกติดปากกันว่า กฎหมาย "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ") ซึ่งนำโดยอาจารย์ ใจ อึ๊งภากรณ์ แต่ผมไม่ได้ร่วมลงชื่อกับแถลงการณ์ให้ "ปฏิรูป"..112 ของท่านอาจารย์ธงชัย วินิจจะกูล


 


หลังจากนั้น มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายเกี่ยวกับการรณรงค์เคลื่อนไหวทั้งสองกรณีนี้ แต่ที่ผมสนใจมากที่สุดก็คือ คำถามและข้อสังเกตของท่านอาจารย์หมอตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แห่งกลุ่มจุฬาฯเชิดชูคุณธรรมในเมลล์ที่ส่งในกลุ่ม ซึ่งแม้จะมีการใช้เหตุผล/ข้อเท็จจริงที่บกพร่องบ้าง แต่ก็แหลมคม และผมเห็นว่า ทุกคนที่ร่วมลงชื่อ (ทั้ง 2กรณี) ควรจะต้องตอบ ทั้งกับสังคม และ กับตัวเอง ให้กระจ่าง


 


คำถามนั้นก็คือ "ยกเลิก/ปฏิรูปเพื่ออะไร? เพื่อสถาบันฯ หรือ เพื่อจะจาบจ้วงกันอย่างเสรี?"


 


และอีกข้อสังเกต ก็คือ "มีความคิด หรือ ขบวนการสาธารณรัฐไทยอยู่เบื้องหลังหรือไม่?"


 


ในขณะที่เหล่ารอยัลลิสต์ส่วนใหญ่ เกิดอาการ "ขวาคลั่ง" อยากให้เพิ่มโทษใน ป..112 หรือ ขยายขอบเขตไปจนถึงเชื้อพระวงศ์และองคมนตรี รอยัลลิสต์นอกคอกอย่างผม ยังคงยืนยันว่า "ยกเลิก ป..112" เสียเถิด!!!


 


ผมคิดว่าเราจำเป็นต้องมอง ป..112 ใน 3 มิติด้วยกัน


 


 


มิติที่ 1 : ด้านสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ : (สมมติ)เทพราชา กับ ธรรมราชา


ตลอดเวลาที่ผ่านมา ความขัดแย้งระหว่างสถานะทั้งสองของสถาบันกษัตริย์ เป็นประเด็นแห่งความขัดแย้งมาโดยตลอด


 


เป็นที่ยอมรับกันว่า "ธรรมราชา" คือ สถานะของสถาบันกษัตริย์ที่สอดคล้องกับพุทธศาสนา, วัฒนธรรมไทย และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในขณะที่ "เทพราชา" นั้นมาจากศาสนาพราหมณ์/ฮินดู/ขงจื๊อ, แปลกแยกจากวัฒนธรรมไทย และขัดแย้งกับหลักการทั้งมวลของระบอบประชาธิปไตย


 


ความคิด "เทพราชา" ถูกสร้างขึ้นมาในระยะหลัง เพื่อสนับสนุนระบบเผด็จการทหาร และต่อต้านระบอบคอมมิวนิสต์ และได้รับการสนับสนุนจากความคิดของฝรั่งตะวันตกฝ่ายขวาจัด จนทำให้คนไทยที่มิได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของตนเอง หลงเชื่อไปตามการโฆษณาชวนเชื่อ จินตนาการเพ้อพกไปว่า "เทพราชา" คือ วัฒนธรรมไทย ในขณะที่ "ธรรมราชา" ซึ่งเป็นของไทยแท้ๆ พุทธแท้ๆ ถูกทำลายไปโดยเผด็จการทหารและฝรั่งตะวันตกขวาๆ


 


"เทพราชา" เห็นว่ากษัตริย์อยู่เหนือกฎหมาย, อยู่เหนือสังคม, อยู่เหนือมนุษย์, เป็นเจ้าชีวิต, ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างในสังคม ไม่เว้นแม้แต่ชืวิตของประชาชนแต่ละคน


 


"เทพราชา" เห็นว่ากษัตริย์ถูกแตะต้องไม่ได้, ถูกฟ้องร้องไม่ได้. ถูกวิจารณ์ไม่ได้, ถูกตำหนิไม่ได้ และรุนแรงเพิ่มขึ้น จนถึงขั้นไม่ชื่นชมไม่ได้ และไม่สรรเสริญเยินยอไม่ได้


 


"เทพราชา" เห็นว่าสถาบันกษัตริย์สามารถแทรกแซง, สามารถครองอำนาจ และใช้อำนาจ, สามารถครอบครองและแลวงหาทรัพย์สินได้ไม่จำกัด


 


ประชาชนเป็นเพียง "ไพร่" หรือ "ข้าทาส" มีหน้าที่ต้องรับใช้ ต้องเสียสละ อุทิศทุกสิ่งทุกอย่างให้สถาบันกษัตริย์


 


"เทพราชา" อยู่เหนือประชาชน ด้วย "อำนาจ" และ "อำนาจ"นำมาซึ่ง "ความกลัว" และ "ความกลัว"คือเครื่องมือที่สำคัญที่สุดที่ใช้ในการควบคุมประชาชน


 


..112 คือเครื่องมือสร้างความกลัวที่สำคัญ (โทษจำคุกสูงสุด 15ปี) และเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดอันหนึ่งของ "เทพราชา"


 


 


"ธรรมราชา" ตามหลักพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทย เป็นผู้สร้างความสุขให้กับประชาชน ("ราชะ" เป็นคำอุทาน เพื่อแสดงความพอใจของประชาชน) "ธรรมราชา" ต้องเป็นผู้ประพฤติอยู่ในธรรม


 


"ธรรมราชา" จะต้องพิสูจน์ตนเองต่อประชาชนและสังคมตลอดเวลาถึง "ธรรม" ที่มีอยู่ในตนเอง การที่ต้องพิสูจน์ตนเองต่อสังคม ในอีกด้านหนึ่งก็คือ สังคมสามารถ "ตรวจสอบ" "ธรรมราชา" ได้ตลอดเวลา


 


"ธรรมราชา" จึงต้องรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ตลอดเวลา อันจะนำไปสู่ความเป็น "ธรรมราชา" ยิ่งๆ ขึ้น


 


"ธรรมราชา" ไม่ต้องการ และไม่แสวงหาอำนาจทางการเมือง


 


"ธรรมราชา" ไม่สะสมความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ, ไม่เสาะแสวงหาสิ่งใดเพื่อตนเอง


 


ประชาชน ยิ่งมีความสุข. "ธรรมราชา" ยิ่งมั่นคง


 


"ธรรมราชา" ไม่ต้องการให้ประชาชน "กลัว" ไม่ต้องการอำนาจ ความยิ่งใหญ่ของ "ธรรมราชา" ไม่ได้วางอยู่บนฐานของอำนาจ แต่อยู่บนสิ่งที่ยิ่งใหญ่และยั่งยืนกว่านั้น นั่นคือ "ความรัก"


 


……………………และ ความกลัวกับความรัก ไปด้วยกันไม่ได้เด็ดขาด!!!


 


ดังนั้น รากแห่งความกลัว อย่าง ป..112 จึงขัดแย้งกับความเป็น "ธรรมราชา" และ กัดกร่อนความรักที่ประชาชนมีต่อ "ธรรมราชา"……..


 


 


มิติที่ 2 : ด้านประชาธิปไตย


นิยามของประชาธิปไตยที่ง่ายที่สุด ก็คือ "การปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน" อำนาจและการปกครองทั้งมวลในสังคม จึงต้องเป็นของประชาชน ทำการปกครองโดยประชาชน และเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน


 


"เทพราชา" ต้องการประชาชนที่เป็นเพียงข้าทาส ไม่มีความคิด ไม่มีปากเสียง จึงขัดกับหลักประชาธิปไตย ซี่งตรงกันข้ามกับ "ธรรมราชา"


 


 


มิติที่ 3 : ด้านสิทธิเสรีภาพ และ สิทธิมนุยชน


หลักการสำคัญข้อหนึ่งที่สังคมสากลยอมรับก็คือ "ความคิด ความเชื่อ และ การแสดงออกซึ่งความคิดความเชื่อ จะต้อง ไม่มีโทษทางอาญา"


 


นี่คือหลักการสากล ที่ใครๆ ก็ยอมรับ สิ่งนี้ไม่มีข้ออ้างใดๆ ให้ยกเว้น จะอ้างว่าเป็นประเพณีวัฒนธรรมใดๆ ก็ล้วนเป็นข้ออ้างเพื่อการไม่ปรับปรุง ไม่เปลี่ยนแปลง หรือเพื่อคงไว้ซึ่งอำนาจ เพื่อกดขี่ประชาชนเท่านั้น


 


ความคิดที่ขัดแย้งในสังคม เป็นเรื่องที่คนแต่ละกลุ่มในสังคมสามารถโต้แย้งถกเถียง หรือจะคัดค้านประท้วงต่อต้านกันก็สามารถทำได้ (โดยไม่ใช้ความรุนแรง) แต่รัฐไม่มีสิทธิจะไปกำหนดให้ความคิดความเชื่อ และการแสดงออกนั้นๆ ว่าเป็นความผิดที่มีโทษทางอาญา


 


..112 คือ การกำหนดโทษทางอาญาให้กับคนที่มีความเชื่อและการแสดงออกต่างจากคนส่วนใหญ่ (?) ในสังคม [ที่ต้องใส่เครื่องหมาย "?" ก็เพราะตราบเท่าที่ยังไม่มีการทำประชามติ หรือสำรวจวิจัยที่ปราศจากอคติอย่างจริงจังและเคร่งครัด เราคงไม่อาจเหมารวมได้ว่าความเชื่อของคนส่วนใหญ่เป็นเช่นไร]


           


จากการพิจารณาทั้งสามมิติ เราจึงสามารถสรุปได้ว่า ป..112 เป็นภัยทั้งต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แบบไทย (ธรรมราชา) ต่อประชาชน และต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย


 


 


การยกเลิก ป..112 มิได้หมายความว่า ใครๆ จะจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ โดยปราศจากเหตุผล ปราศจากข้อเท็จจริง หรือโดยหยาบคายได้ เพราะสามารถถูกฟ้องในข้อหา "หมิ่นประมาท" ในทางแพ่งได้ตลอดเวลา (ผมไม่เห็นด้วยกับ "กฎหมายหมิ่นประมาท" ตามประมวลกฎหมายอาญา และเห็นว่าควรจะยกเลิกไปเช่นกัน)


 


และหากต้องการจะ "ปราม" การจาบจ้วงแบบไร้เหตุผล เราก็อาจจะออกกฎหมายพิเศษสำหรับ การกระทำเช่นนี้ โดยไม่ให้มีโทษทางอาญา แต่อาจจะให้ผู้กระทำผิดต้อง "ทำประโยชน์กับสังคม" เช่น ให้ไปสอนหนังสือ, รณรงค์เมาไม่ขับ, ลดภาวะโลกร้อน ฯลฯ เป็นเวลา 10 ชั่วโมง เป็นต้น


 


ความหวาดกลัวของท่านอาจารย์หมอตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ต่อขบวนการ "สาธารณรัฐไทย" นั้น ผมยังคิดว่า ถ้าพวกเราทุกคนยอมรับในกติกาประชาธิปไตย และยึดมั่นในหลักเมตตาธรรม ความกลัวเช่นนั้นย่อมปลาสนาการไปโดยสิ้นเชิง


 


โดยส่วนตัว ผมเคยได้เสวนา แลกเปลี่ยน โต้แย้งกับชาว "สาธารณรัฐไทย" มาหลายครั้ง ผมไม่เห็นว่า พวกเขาจะเป็นคนชั่วช้าสารเลว หรือโง่เขลาเบาปัญญา หรือเป็นคนปราศจากเหตุผล หรือเป็นพวกนิยมความรุนแรงบ้าระห่ำ หรือละโมบกระหายอำนาจแต่อย่างใด


 


แต่พวกเขาเป็นคนไทยเหมือนกับทุกคน มีเหตุมีผล มีความหวังดีต่อชาติบ้านเมือง เหมือนกับทุกคน


 


สังคมไทยต้องใจกว้างพอที่จะรับฟังทุกความคิดเห็น โต้แย้งด้วยเหตุผลเมื่อไม่เห็นด้วย, ไม่ปิดปาก, ไม่ทำร้าย, ไม่กำหนดโทษทางอาญากับผู้ที่แตกต่าง


 


ร่มพระบรมโพธิสมภารของธรรมราชานั้น "กว้างใหญ่" และ "ร่มเย็น" เพียงพอที่จะปกป้องพสกนิกรทุกคน ไม่ว่าจะใหญ่โตหรือเล็กน้อยเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นรอยัลลิสต์ หรือสาธารณรัฐนิยม ไม่ว่าจะเป็น "อภิรักษ์จักรี" หรือ "แดงสยาม" ฯลฯ อย่าระรานหรือหวงแหนร่มเงานี้ไว้ใช้เฉพาะกลุ่มผลประโยชน์ของตนเองเลยครับ


 


 


จับมือกันยกเลิก ป..112 เถิดครับ เพื่อประชาชนไทย, เพื่อประชาธิปไตย และสถาบันกษัตริย์ไทย!!!

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net