ครส. จี้รัฐ-ดีเอสไอตามหาตัว "พ.ต.ต.เงิน ทองสุข" ผู้ต้องหาคดีทนายสมชาย ระบุได้เบาะแสหลบอยู่เกาะกง

ในวาระครบรอบ 5 ปีการหายตัวในของนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 11 มี.ค.  คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 12 มี.ค. เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งคลี่คลายคดีและให้คำตอบแก่ประชาคมโลก กรณีการอุ้มหายนายสมชาย โดยขอให้รัฐบาลสอบสวนเรื่องดังกล่าว ควบคู่ไปกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการทางวินัยหรือดำเนินคดีอาญาต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง หากพบว่ามีส่วนร่วมกระทำการ

 

นอกจากนี้ ครส. ยังเรียกร้องให้รัฐบาลและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เร่งติดตาม พ.ต.ต.เงิน ทองสุข อดีตสารวัตรทำหน้าที่นายตำรวจปฏิบัติการพิเศษ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ผู้ต้องหาอุ้มหายทนายสมชาย นีละไพจิตร ที่ถูกศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 3 ปี และอยู่ระหว่างการอุทธรณ์คดีนั้น มาสอบสวนขยายผลต่อไป ระบุ ครส. ได้รับแจ้งข่าวว่า มีการพบตัว พ.ต.ต.เงิน ทองสุข บริเวณเกาะกง ประเทศกัมพูชา รวมถึงเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาโยกย้ายเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำให้การเร่งรัดคดีล่าช้า หรืออาจจะเป็นปัญหาของการเตะถ่วงคดีออกไปจากดีเอสไออีกด้วย

 

"5 ปีอุ้มหายทนายสมชาย นีละไพจิตร แม้ผ่านมาหลายรัฐบาลแล้ว แต่เรายังหวังว่ารัฐบาลปัจจุบันนี้ซึ่งเป็นซีกการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเก่า จะมีความจริงใจสร้างความต่างจากรัฐบาลอำนาจนิยมยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในช่วงที่มีการอุ้มหายทนายสมชาย นีละไพจิตร ที่จับต้องได้มากกว่าลมปากหรือคารมของรัฐบาล โดยการสร้างความกระจ่างและดำเนินคดีให้เกิดความเป็นธรรมโดยเร็วที่สุด" แถลงการณ์ระบุ

 

 

00000

 

แถลงการณ์คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.)

5 ปี อุ้มหายสมชาย นีละไพจิตร

 

สืบเนื่องจากการอุ้มหายนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2547 ที่ผ่านมาจวบจนบัดนี้ครบรอบ 5 ปีแล้ว แต่รัฐบาลยังไม่สามารถคลี่คลายคดีให้เกิดความกระจ่างแก่สาธารณะได้ แม้จะมีการหมุนเวียนการบริหารราชการแผ่นดินถึง 5 รัฐบาลที่ผ่านมา

นายสมชาย นีละไพจิตร รองประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ ปฏิบัติการอุ้มหายหน้าสถานีตำรวจหัวหมาก ท่ามกลางพยานบุคคลพบเห็นจนนำมาสู่การสอบสวนสืบสวนและพิจารณาคดีเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2549 โดยศาลตัดสินจำคุก พ.ต.ต.เงิน ทองสุก ในข้อหาขืนใจ ทำให้สูญเสียอิสรภาพ จำคุก 3 ปี อนุญาตให้ประกันตัวในระหว่างการอุทธรณ์คดี ผู้ต้องหาที่เหลืออีก 4 รายซึ่งเป็นตำรวจต่างสังกัดกัน ได้แก่ พ.ต.ท.สินชัย นิ่มปุญญกำพงษ์, จ.ส.ต.ชัยเวง พาด้วง, ส.ต.อ.รันดร สิทธิเขต และ พ.ต.ท.ชัดชัย เลี่ยมสงวน ยกฟ้อง เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่เพียงพอ  ปัจจุบันกรมสอบสวนคดีพิเศษยังไม่สามารถสอบสวนสืบสวนให้เกิดความคืบหน้าคดีต่อได้ตามคำพิพากษาคดีที่บอกว่ามีบุคคลเกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า 3-5 คนร่วมกระทำการดังกล่าว

คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) ขอเรียกร้องความเป็นธรรมทางสังคมและความจริงใจจากรัฐบาลที่นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นรัฐบาลซีกการเมืองฝ่ายตรงข้ามอดีตรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในช่วงการอุ้มหายทนายความสิทธิมนุษยชนดังกล่าว ในการเร่งคลี่คลายความกระจ่างและสร้างความเป็นธรรมแก่สังคม ดังต่อไปนี้

1.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งคลี่คลายคดีและให้คำตอบแก่ประชาคมโลก กรณีการอุ้มหายทนายความสิทธิมนุษยชนว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐได้ดำเนินการอย่างไรบ้างเพื่อคลี่คลายคดีดังกล่าวและปัญหาติดขัดบกพร่องที่ไหนอย่างไร ตามที่คณะทำงานคนหายของสหประชาชาติได้รับเรื่องดังกล่าวไว้และเคยทวงความความคืบหน้าจากประเทศไทย แม้ว่ากฎหมายไทยจะยังไม่สามารถเอาผิดคดีการอุ้มหายได้เหมือนในหลายประเทศตราบใดไม่สามารถพิสูจน์ทราบได้ว่ามีการเสียชีวิตจริง แต่รัฐบาลสามารถรื้อคดีเพื่อสอบสวนสืบสวนในทางอื่นเพื่อขยายผลได้ว่า ผู้ร่วมมือกระทำการดังกล่าวมีใครบ้าง เป็นผลมาจากคำสั่งการของใครหรือนโยบายของรัฐบาลสมัยนั้นหรือไม่ เพื่อสร้างความกระจ่างแก่สังคมและดำเนินการทางคดีในส่วนที่มีผู้เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) ทราบว่า มีผู้เกี่ยวข้องเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหลายส่วนเป็นเหตุให้การคลี่คลายคดีล่าช้า แม้คดีจะอยู่ในอำนาจของกรมสอบสวนคดีพิเศษก็มีการแทรกแซง บ่อนทำลายและเตะถ่วงคดี ซึ่งล้วนเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องเด็ดขาดเพื่อสร้างความเป็นธรรมมิใช่คอยให้ท้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐและระบบราชการดังขณะนี้

            2.กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนเพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ยศในขณะนั้น)กับพวก ในฐานะเป็นพนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาได้ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง และทำร้ายร่างกายผู้ต้องหาในคดีปล้นอาวุธปืนของกองพันทหารที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อให้รับสารภาพ ซึ่งมี นายมะกะตา ฮารง นายสุกรี มะเม็ง นายอับดุลเลาะอาบู คารี นายมะนาเซ มามะ และนายซูดือรือมัน มาและถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมซ้อมทำร้ายร่างกายบังคับให้รับสารภาพในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังดำเนินการอยู่นั้น

            คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลสอบสวนเรื่องดังกล่าว ควบคู่ไปกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการทางวินัยหรือดำเนินคดีอาญาต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง หากพบว่ามีส่วนร่วมกระทำการ เนื่องเพราะการกระทำดังกล่าวละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และคดีดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับการอุ้มหายทนายสมชาย นีละไพจิตร เนื่องเพราะนายสมชาย ได้รับรู้ข้อเท็จจริงจากผู้ต้องหาทั้ง 5 คนว่า ถูกตำรวจชุดจับกุมซ้อม ทำร้ายร่างกาย และขู่บังคับให้รับสารภาพ ขณะที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สภ.ต.ตันหยง จังหวัดนราธิวาส และได้รับการยืนยันว่ามีนายตำรวจที่ร่วมกันทำร้ายร่างกายและยืนดูด้วยทั้งหมด 10 คน ซึ่งมีตำรวจยศระดับสูงรวมอยู่ด้วย ดังนั้น นายสมชาย นีละไพจิตร จึงได้ทำเรื่องร้องเรียนต่อภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันที่ 11 มีนาคม 2547 อันเป็นต้นเหตุสำคัญให้ถูกอุ้มหายในวันต่อมา

3.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เร่งติดตาม พ.ต.ต.เงิน ทองสุข อดีตสารวัตรทำหน้าที่นายตำรวจปฏิบัติการพิเศษ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ผู้ต้องหาอุ้มหายทนายสมชาย นีละไพจิตร ที่ถูกศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 3 ปี และอยู่ระหว่างการอุทธรณ์คดีนั้น มาสอบสวนขยายผลต่อไป เพราะทั้งนี้ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 23 กันยายน 2551 ได้รายงานข่าวว่า พ.ต.ต.เงิน ทองสุข และนายนฤชัย ชินวัณณรัตน์ หลานชายบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างเขื่อน ได้เกิดอุบัติเหตุตกจากเขื่อนแควน้อย อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก หลังจากนำคนงานและรถแบ็กโฮขุดสันเขื่อนดิน เปิดช่องระบายน้ำในเช้ามืดวันที่ 19 กันยายน โดยพบเพียงศพนายนฤชัย เท่านั้น แต่ พ.ต.ต.เงิน ทองสุข หายสาบสูญไปจวบจนบัดนี้ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าผู้ต้องหาพยายามหนีคดีหรือถูกตัดตอนคดีดังกล่าวจากผู้มีอำนาจ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) ได้รับแจ้งข่าวว่า มีการพบตัว พ.ต.ต.เงิน ทองสุข บริเวณเกาะกง ประเทศกัมพูชา

4.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาโยกย้ายเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำให้การเร่งรัดคดีล่าช้า หรืออาจจะเป็นปัญหาของการเตะถ่วงคดีออกไปจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยเฉพาะการทำงานที่ล่าช้าของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตลอดสมัยที่ผ่านมา ทั้งนี้ คดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องไม่สืบสวน สอบสวนกันเองดังที่ผ่านมา แต่ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) มาโดยตลอด รัฐบาลจะต้องพิจารณาให้มีคณะสอบสวนที่มาจากภายนอกโดยมีองค์ประกอบของทนายความ อัยการ และศาล ด้วย

            5 ปีอุ้มหายทนายสมชาย นีละไพจิตร แม้ผ่านมาหลายรัฐบาลแล้ว แต่เรายังหวังว่ารัฐบาลปัจจุบันนี้ซึ่งเป็นซีกการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเก่า จะมีความจริงใจสร้างความต่างจากรัฐบาลอำนาจนิยมยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในช่วงที่มีการอุ้มหายทนายสมชาย นีละไพจิตร ที่จับต้องได้มากกว่าลมปากหรือคารมของรัฐบาล โดยการสร้างความกระจ่างและดำเนินคดีให้เกิดความเป็นธรรมโดยเร็วที่สุด

12 มีนาคม 2552
คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน(ครส.)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท