Skip to main content
sharethis

 






การเมือง


 


นายกฯ ยันไม่นำเรื่องหมายจับพธม.เป็นเกมการเมือง


สำนักโฆษก - เมื่อวันที่ 21 ก.พ. เวลา 16.35 น. ณ ห้องแถลงข่าว ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมออกหมายจับกุม 21 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่เป็นการยืนยันได้ว่าทุกคดีเดินหน้า โดยเฉพาะคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน และเจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ ส่วนที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ระบุ การออกหมายจับเป็นเกมการเมืองที่กดดันกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนจะไม่นำเรื่องนี้มาเป็นเกมการเมือง ให้เป็นดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ใครที่คิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถร้องเรียนได้ผ่านกระบวนการ


 


ต่อข้อถามว่า กลัวหรือไม่ว่าจะมีทั้งม็อบเสื้อแดงและเสื้อเหลืองออกมาพร้อมกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยู่ที่แต่ละฝ่ายจะตัดสินใจ เพราะเคยบอกแล้วว่าถ้าทำอยู่ภายใต้กฎหมายก็เป็นสิทธิที่ทำได้ ซึ่งตนจะชี้แจงอย่างดีที่สุด และยืนยันว่าเรื่องนี้ตนไม่มีส่วนได้เสียหรือมีความคิดเล่นการเมืองกับเรื่องนี้ เพราะต้องการให้บ้านเมืองเป็นที่เชื่อมั่นของทุกฝ่าย โดยเฉพาะในสายตาของต่างประเทศ และไม่ว่าการตัดสินในทุกขั้นตอนจะเป็นอย่างไร ย่อมมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย


 


"เพื่อไทย" ฉุนกกต.ตัดสิน "เนวิน" จุ้นการเมืองไม่ผิด


คมชัดลึก - นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีที่กกต.มีมติ 3 ต่อ 2 กรณีนายเนวิน ชิดชอบ ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง เข้ามายุ่งเกี่ยวทางการเมืองโดยสวมกอดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ในช่วงนั้น เพื่อจับมือตั้งรัฐบาล ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญว่า การที่กกต.ตัดสินออกมาลักษณะนี้ต่อไปก็จะสร้างบรรทัดฐานใหม่ ที่ทำให้บุคคลที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองตามกฎหมาย ซึ่งเป็นบุคลากรที่สำคัญทางการเมืองก็จะออกมาทำกิจกรรมการเมือง โดยไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยน หลบซ่อนอีก


 


ดังนั้นตนก็จะขอเรียกร้องให้ กกต.มีบรรทัดฐานที่เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชนที่ต่อไปจะออกมาเปิดเผยตัวทำกิจกรรมทางการเมืองกับส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยตนจะเสนอต่อที่ประชุม ส.ส.ในวันที่ 24 ก.พ. เพื่อมติอดีตคณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ที่มีบทบาททางการเมือง มาเป็นคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรค รวมทั้งจะเชิญพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค นพ.พรมินทร์ เลิศสุริเดช คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา เชิญนายจตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชาชน มาเป็นกรรมการที่ปรึกษาพรรค ที่จะเข้ามาช่วยเป็นที่ปรึกษาวอร์รูมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วย เชื่อมั่นว่าจะทำให้ประเด็นและเนื้อหาการอภิปรายมีความเข้มข้นขึ้น


 


นอกจากนี้ในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งจะนำรูปพ.ต.ท.ทักษิณ ติดแผ่นพับ โปสเตอร์ คัทเอาท์ คู่กับผู้สมัครส.ส.ทั่วประเทศ พร้อมเปิดให้โฟนอินเข้ามาที่เวทีปราศรัยด้วย


 


พิษนม รร.จ่อเด้งอธิบดีอปท.


กรุงเทพธุรกิจ - แหล่งข่าวจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยเมื่อวานนี้ (21 ก.พ.) ว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันอังคารที่ 24 ก.พ.นี้ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการ (รมว.) กระทรวงมหาดไทย จะเสนอบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในตำแหน่งรองปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ตรวจราชการกระทรวง แทนนายวิชัย ศรีขวัญ ที่ได้รับแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย และแทนนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ถูกย้ายไปทำหน้าที่ประธานปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี


 


ทั้งนี้ ตำแหน่งสำคัญที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ คือ นายสุกิจ เจริญรัตนกุล อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่รับผิดชอบดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับทั่วประเทศ ทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และเทศบาล ซึ่งล่าสุด มีกระแสข่าวที่กระทบกับภาพลักษณ์กระทรวงมหาดไทยเป็นอย่างมาก คือปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างโครงการนมโรงเรียน นายสุกิจจึงอาจถูกโยกไปดำรงตำแหน่งนักปกครอง 10 ประจำสำนักปลัดกระทรวงมหาดไทยแทน และจะมีการเสนอแต่งตั้ง นายมานิต วัฒนเสน ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เข้ามาเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ส่วนบุคคลที่คาดว่าจะได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทยแทนนายวิชัย คือ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ โดยให้นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ไปนั่งเป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่แทน


 


มีรายงานว่า เบื้องหลังการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยในครั้งนี้ มีการหารือร่วมกันระหว่างแกนนำหลักของพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย โดยแบ่งโซนกันเป็นภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ซึ่งนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย มีบทบาทอย่างสูงในการจัดวางตัวบุคคล ขณะที่ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์เป็น นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือแม่เลี้ยงติ๊ก อดีตผู้สมัคร ส.ส.แพร่ พรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง


 


ทีม สว.สอบ "รสนา" ท่องแอฟริกาใต้พร้อมผู้ถูกกล่าวหา


คมชัดลึก - จากกรณีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย และคณะได้ทำหนังสือถึงประธานรัฐสภา เพื่อขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมและการกระทำผิดข้อบังคับการประชุมรัฐสภาของน.ส.รสนา โตสิตระกูล กรณีผู้ติดตามเข้าห้องประชุมรัฐสภาในขณะมีการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ต.ค.โดยเห็นว่า เป็นการไม่ให้เกียรติและไม่เคารพต่อสถานที่ และกระทำผิดข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ซึ่งประธานรัฐสภาได้ส่งเรื่องให้กับนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ซึ่งนายประสพสุขได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวเมื่อเดือนธันวาคม โดยมีน.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธานคนที่ 1 เป็นประธาน


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้ากรณีดังกล่าวนี้ทางคณะกรรมการได้เชิญสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์มาให้ข้อมูล เช่น นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร นายประเสริฐ ประคุณศึกษาพันธ์ ส.ว.ขอนแก่น โดยทุกคนยืนยันกับคณะกรรมการฯ ว่า น.ส.รสนา และบุคคลดังกล่าว ซึ่งภายหลังน.ส.รสนา ยอมรับว่า เป็นสามีคือนายสันติสุข โสภณศิริ ได้เดินเข้าในห้องประชุมพร้อมๆ กับน.ส.รสนา โดยนั่งและทำทีเป็นโทรศัพท์เพื่อปกปิดตนเอง จนกระทั่ง ส.ส.พรรคเพื่อไทยเห็น จึงโวยวายขึ้นมา ไม่ใช่กรณีที่ น.ส.รสนา อ้างว่า ไม่รู้เรื่อง นายสันติสุข ไม่ได้เดินเข้ามาพร้อมตนเอง แต่เมื่อเห็นส.ส.พรรคเพื่อไทย จะรุมทำร้ายจึงรีบเข้ามาเพื่อปกป้อง ซึ่งไม่ใช่ความจริง


 


อย่างไรก็ตามผลการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ก็แต่ก็เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากส.ว.ตามมาว่า อาจเป็นเรื่องมวยล้มเช่นเดียวกับกรณีสินบนประธานวุฒิสภา เนื่องจากในช่วงวันที่ 16 - 24 ก.พ.นี้น.ส.ทัศนา ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการสอบสวน พร้อมด้วยส.ว.ที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภาจำนวน 10 คน เช่น นายสมชาย แสวงการ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ท.กมลประจวบเหมาะ ประธานคณะกรรมาธิการการปกครอง เป็นต้น ได้เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ซึ่งภายในคณะปรากฏว่า ผู้ที่ร่วมเดินทางไปด้วย คือ น.ส.รสนา ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา


 


นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการฯ อีก 3 คนเดินทางร่วมไปด้วย คือ นายสมัคร เชาวนันท์ ประธานคณะกรรมการการยุติธรรมและการตำรวจ นางวรารัตน์ อติแพทย์ รองเลขาธิการวุฒิสภา น.ส.สุภางค์จิตต์ ไตรเพทพิสัย ผอ.สำนักการคลังและงบประมาณ ซึ่งทำให้ส.ว.หลายคนมองถึงความไม่เหมาะสมที่คณะกรรมการฯ และผู้ถูกกล่าวหาจะร่วมเดินทางไปด้วย เพราะอาจมีการแนวโน้มในการตัดสินที่ไม่เป็นกลางได้


 


ม็อบเสื้อแดง 2.5 หมื่นบุกทำเนียบอังคาร 24 ก.พ.9โมงเช้า


สยามรัฐ - เมื่อวันที่ 21 ก.พ.52 นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า แกนนำนปช.ทั้งหมดนัดหารือที่เรื่องการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 24 ก.พ.นี้ โดยนปช.ยืนยันจะชุมนุมตามที่ประกาศไว้ แม้ในวันดังกล่าวจะไม่มีการประชุมคณะรัฐมนตรีในทำเนียบรัฐบาล และยืนยันว่าจะชุมนุมโดยสงบ โดยกลุ่มคนเสื้อแดงจะมารวมตัวกันที่ท้องสนามหลวงในเวลา 09.00 น.จากนั้นจะเคลื่อนขบวนไปปิดล้อมทำเนียบ แต่จะไม่มีขัดขวางการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ และจะไม่ปิดการจราจร ซึ่งคาดว่าการชุมนุมครั้งนี้จะอยู่ค้างคืน 1-2วัน


 


นายวิภูแถลง กล่าวอีกว่า ที่ประชุมแกนนำนปช.ยืนยันว่านปช.จะไม่เคลื่อนไหวไปชุมนุมขัดขวางการประชุมอาเซียนซัมมิต ที่เพราะไม่ต้องการให้ประเทศไทยเสียโอกาส เนื่องจากเป้าหมายของการชุมนุมครั้งนี้เพียงต้องการให้ผู้แทนนานาชาติ เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นตัวแทนของประเทอย่างไรก็ตาม การที่ครม.เผ่นหนีไปประชุมที่หัวหิน ถือเป็นชัยชนะเบื้องต้นของนปช.เพราะเป็นการแสดงให้นานาชาติเห็นว่า การรัฐบาลที่พยายามประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าประเทศไทยไม่มีปัญหานั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากรัฐบาลประชุมครม.ในทำเนียบรัฐบาลไม่ได้ ขณะที่รายงานข่าวจากฝ่ายความมั่นคงแจ้งว่าในการชุมนุมกลุ่มนปช.สนามหลวงกลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางมาร่วมตั้งแต่คืนที่จันทร์ 23 ก.พ.ช่วงเย็น โดยผู้ชุมนุมประมาณ 2.5-3 หมื่นคน


 


เพื่อไทย ระบุ "ฮิลลารี่"งดเยือนไทย สะท้อนไม่ยอมรับที่มารัฐบาล


แนวหน้า - นายวรวัจน์ เอื้อภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย อดีต รมว.วัฒธรรมกล่าวถึงกรณีที่ นางฮิลลารี่ คลินตัน รมว.ต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ไม่มาเยือนประเทศไทยแต่ไปเยือนอินโดนีเซียแทนว่าปกติแล้ว สหรัฐฯ จะเดินทางมาเยือนเป็นลำดับต้นๆ เพราะประเทศไทย เป็นประธานอาเซียน แต่ครั้งนี้สะท้อนถึงการไม่ยอมรับที่มาของรัฐบาล ทำให้กระทบต่อสถานะประเทศในเวทีโลก เป็นการสะท้อนมุมมองนานชาติในการมองประเทศไทย เป็นภาพที่ดีต่อไทยในภาพนานาชาติ


 


 







เศรษฐกิจ


 


อภิสิทธิ์ดันมติอาเซียนต้านกีดกันการค้า


กรุงเทพธุรกิจ  - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ที่กรุงจาการ์ตา ระหว่างเดินทางเยือนอินโดนีเซีย โดยระบุถึงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 27 ก.พ.ถึง 1 มี.ค. ว่า สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) จะพยายามส่งสารที่ชัดเจนในการประชุมสุดยอดสัปดาห์หน้า ว่า อาเซียนต่อต้านการนำลัทธิกีดกันการค้ามาใช้รับมือวิกฤติการเงินโลก


 


"สิ่งที่ผมหวังว่าประเทศอาเซียนจะทำในการประชุมสัปดาห์หน้า คือ การส่งสารที่ทรงพลังไปยังประเทศอื่นในโลก ว่า แม้เกิดวิกฤติการเงินในโลก แต่เราจะไม่ใช้ลัทธิกีดกันการค้าไม่ว่าจะในรูปแบบใด" นายอภิสิทธิ์ กล่าวพร้อมเสริมว่า อินโดนีเซียและไทยจะพูดเรื่องการต่อต้านลัทธิกีดกันการค้าในการประชุมสุดยอดจี-20 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในเดือน เม.ย.นี้ ซึ่งทั้งไทยและอินโดนีเซียได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุม


 


นายอภิสิทธิ์ ยังตอบข้อถามของผู้สื่อข่าวถึงการให้ความช่วยเหลือบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติว่า รัฐบาลอาจช่วยเหลือบริษัทเหล่านั้น รวมถึงบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ด้วยการกระตุ้นธนาคารพาณิชย์ซึ่งลังเลที่จะปล่อยกู้ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกตกต่ำ ให้ปล่อยกู้มากขึ้น


 


กระทรวงแรงงานเผย มีคนว่างงานรวมกว่า 1 แสนคน


แนวหน้า- นายพรชัย อยู่ประยงค์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า  จากการสำรวจข้อมูลผู้เข้าระบบประกันการว่างงาน ซึ่งมาจาก 2 สาเหตุหลัก คือ ลาออกและถูกเลิกจ้าง ในเดือน มกราคมปีนี้ มีทั้งสิ้นกว่า 66,000 คน เฉพาะครึ่งเดือน กุมภาพันธ์นี้ มีกว่า 40,000 คน รวมทั้งสิ้นแล้ว กว่า 100,000 คน และมีแนวโน้มสูงขึ้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่ามาตรการต่างๆ ของรัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจเฉพาะหน้าได้ เพื่อให้เกิดการจ้างงานและหมุนเวียนรายได้  โดยในส่วนของกระทรวงแรงงานจะเร่งหาตำแหน่งงานว่าง เพื่อรองรับผู้ว่างงานให้เร็วที่สุด ขณะที่ข้อมูลของกวระทรวงแรงงาน รายงานข้อมูลล่าสุดว่า  มีกิจการและลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง 816 แห่ง 68,786 คน และตำแหน่งงานว่าง 128,173 อัตรา


 


ปชป.โต้ "โอฬาร" ยันมาตรการรัฐทำ ศก.กระเตื้อง


โพสต์ทูเดย์ - นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่ากรณีที่นายโอฬาร ชัยประวัติ อดีตรองนายกฯระบุว่า จีดีพีส่อเค้าติดลบ ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เชื่อว่า ในที่สุดเศรษฐกิจจะโตเป็นบวกนั้น การที่อดีตรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจอย่างนายโอฬาร หรือนายทนง พิทยะ ออกมาวิจารณ์ รัฐบาลก็ฟัง ทั้งนี้ ทั้ง 2 คนนี้ รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร เพราะมีบทบาทตอนปี 40 ช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ แต่การประเมินต้องอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงด้วย เท่าที่ดู ที่มีการมองไม่ตรงกันเพราะตั้งสมมติฐานต่างกัน รมว.คลัง เคยชี้แจงว่า เศรษฐกิจจะถดถอยในไตรมาสแรก แต่บรรดานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายเงินภาครัฐ การกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน น่าจะทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นได้


 


ห่วงเรียนฟรี 15 ปีสร้างภาระงบฯหมดเงินลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ


ไทยรัฐ - นายพูลทรัพย์ ปิยะอนันต์ อดีตผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาและอดีต ผอ.สำนักงานประมาณ เปิดเผยถึงแนวทางการจัดสรรงบประมาณประจำปีของรัฐบาลชุดต่างๆว่า  จากการติดตามการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีของแต่ละรัฐบาลตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา รู้สึกเป็นห่วงมาก เนื่องจากงบประมาณส่วนใหญ่เป็นงบประจำ ซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากปี 2538 มีสัดส่วนงบประจำคิดเป็น 63% จนกระทั่งถึงปี 2552 เพิ่มขึ้นเป็น 77% และล่าสุดปี 2553 เพิ่มเป็น 80% ซึ่งเป็นจุดอันตราย


 


ทั้งนี้ ตามหลักการแล้วจะต้องจำกัดงบประจำให้ไม่เกิน 75% เนื่องจากส่วนที่เหลือจะเป็นงบลงทุน เพื่อใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจและการพัฒนาคุณภาพด้านต่างๆ ดังนั้น การที่รัฐมีงบประจำในปี 2552 และ 2553 ตามสัดส่วนดังกล่าว จะทำให้เหลืองบสำหรับลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้น้อย อาจทำให้ไม่ได้ผลและแก้ไขคนว่างงานไม่ได้


 


อดีต ผอ.สำนักงบฯ กล่าวต่อว่า สำหรับงบประมาณด้านการศึกษา ตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ซึ่งรัฐบาลเตรียมใช้งบประมาณจำนวน 18,000 ล้านบาทนั้น ถือว่าสูงมาก เป็นภาระต่อรัฐและไม่เห็นด้วยที่จะให้ทุกคนฟรีเหมือนกันหมด หากจะดูแลถึงระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี ก็น่าจะเพียงพอแล้ว โดยให้คนที่มีความสามารถในการจ่ายหรือคนที่มีฐานะดี ควรจะจ่ายเงินเอง ส่วนรัฐจะได้มีเงินเหลือพอที่จะดูแลคนยากจนได้อย่างทั่วถึงและยังมีเงินเพียงพอที่จะใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา เช่น การอบรมครูวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ซึ่งเราขาดแคลน รวมทั้งควรมีเงินเพื่อจ้างครูเก่งๆให้ได้เงินเดือนสูงๆ จะได้ไม่สมองไหลไปอยู่กับภาคเอกชน เป็นต้น


 


นายพูลทรัพย์กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ภาครัฐจะต้องระมัดระวังการใช้เงินไปกับโครงการประชานิยม และโครงการการก่อสร้างต่างๆ เพราะจะสร้างภาระงบประจำที่ผูกพันตามมา เช่น หากมีการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่หรือการสร้างศูนย์ราชการใหม่ สิ่งที่ตามมาคืองบประจำด้านสาธารณูปโภคเป็นต้น งบเหล่านี้จะทำให้ตัวเลขงบประจำงอกเงยขึ้นมหาศาลและรัฐจะไม่มีเงินพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจประเทศ กว่าจะฟื้นตัวได้ประมาณปี 2554 ดังนั้น น่าเป็นห่วงว่ารัฐจะหาเงินจากที่ไหนมากระตุ้นเศรษฐกิจ


 


 






คุณภาพชีวิต & สิ่งแวดล้อม


 


ไฟป่าผลาญอุทยานฯ ทุ่งแสลงหลวงวอดครั้งละ200-500ไร่


คมชัดลึก - ไฟ่ป่าผลาญอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง วอดครั้งละ 200-500 ไร่ คาดฝีมือม้ง-คนไทยที่นำวัวเข้าเลี้ยงเขตอุทยาน อาศัยจังหวะเจ้าหน้าที่เผลอลักลอบเผาป่าเพื่อต้องการให้มีพื้นที่เลี้ยงวัว ด้านหน.สถานีควบคุมไฟป่าดอยอินทนนท์เผย ตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้มีพื้นที่ถูกไฟป่าเผาไปแล้ว 292 ไร่


 


นายวสันต์ ภูพิชิต ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง กล่าวว่า ขณะนี้มีชาวบ้านทั้งม้งและคนไทยส่วนหนึ่งนำวัวเข้ามาเลี้ยงในเขตพื้นที่ของอุทยานซึ่งถือเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน จากการสำรวจพบว่ามีฝูงวัวที่ถูกนำมาเลี้ยงไว้ในพื้นที่ของอุทยานรวม 13 จุดใหญ่ โดยมีจำนวนวัวมากกว่า 2,000 ตัว ผลที่ตามมาคือการเกิดไฟป่า อันเนื่องมาจากกลุ่มผู้ที่นำวัวเข้ามาเลี้ยงลักลอบเผาป่า เพื่อให้สามารถนำวัวเข้ามาเลี้ยงได้ ในเรื่องนี้มีการจับกุมผู้ที่ลักลอบเผาป่าไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีผู้ฝ่าฝืนอีก


 


ด้านนายสวัสดิ์ อั้นเต้ง ผอ.ส่วนและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ สำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ พื้นที่ 11 กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับราษฎรลักลอบนำวัวเข้าไปเลี้ยงในเขตหวงห้ามในป่าอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงนั้น ตนทราบเรื่องดี มีการนำปัญหานี้มาร่วมกันแก้ไขด้วยการเชิญกลุ่มเจ้าของวัวมาหารือและประชุม ทุกคนก็รับปากว่าจะไม่นำวัวเข้ามาเลี้ยงในพื้นที่หวงห้าม แต่เมื่อถึงเวลาก็ไม่ปฏิบัติและยังลักลอบนำวัวเข้ามาปล่อยทิ้ง บางรายมาปลูกสร้างที่พักและยึดเป็นพื้นที่เลี้ยงวัวคล้ายกับว่าทุ่งแสลงหลวงเป็นป่าสาธารณะ ซึ่งเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายก็ร่วมกันแก้ไข แต่ยังไม่บรรลุเป้าหมาย


 


รมช.คมนาคม ลงพื้นที่ตรวจท่าเรือน้ำลึกสงขลา


แนวหน้า - นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยวาการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจราชการที่ท่าเรือน้ำลึกสงขลา เพื่อรับทราบปัญหาและการบริหารจัดการ และติดตามความก้าวหน้าการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก จ.สงขลา แห่งที่ 2  ทั้งนี้จากรายงานของกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวี พบว่า ท่าเรือน้ำลึกสงขลามีปัญหาในเรื่องของ ร่องน้ำตื้นเขิน โดยเฉพาะในช่วงฤดูมรสุมแต่ไม่สามารถขยายท่าเรือได้ เพราะหลายฝ่ายเกรงว่าจะกระทบกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากอยู่ในเขตโบราณสถานมีแนวคูเมืองเก่า และมีโบราณสถานใต้น้ำและปัญหาการอพยพราษฎร จึงแผนจัดสร้างท่าเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่ 2 ขึ้น บริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนล่างในพื้นที่ ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา โดยขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และสิ่งแวดล้อม


 


ภาค ปชช.ระยองต้านผุดโรงงาน


มติชน - เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่โรงแรมสตาร์ จ.ระยอง นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือประชาชนภาคตะวันออก นำกลุ่มเครือข่ายประชาชนภาคใต้ประมาณ 30 คน นำโดยนายวิน จินดานิล ตัวแทนเครือข่ายผลกระทบนโยบายสาธารณะภาคใต้ แถลงโจมตีนโยบายจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเพื่อส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมซึ่งไม่สอดคล้องกับฐานทรัพยากรและวัฒนธรรมของภาคใต้ เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก โดยเฉพาะ จ.ระยอง เนื่องจากเกิดผลกระทบหลายด้าน และปัญหาหลายอย่างยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ ล่าสุด เกิดแก๊สรั่วในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มีผู้บาดเจ็บจำนวนมากในรอบ 6 เดือน แต่รัฐบาลกลับแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกเพื่อเร่งรัดการพัฒนาอีก ขอเรียกร้องให้รับฟังเสียงทุกภาคส่วน เปิดโอกาสให้ประชาชนตัดสินใจต่ออนาคตของตนเอง


 


สตูลคุมเข้มหลีเป๊ะ-ห้ามสร้างอาคารเพิ่ม


ข่าวสด - นายสยุมพร ลิ่มไทย ผู้ว่าฯสตูล กล่าวว่า ทางจังหวัดได้พัฒนาการท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะเชิงคุณภาพ โดยให้อำเภอเมือง ร่วมกับอบต.เกาะสาหร่าย ซึ่งรับผิดชอบเกาะหลีเป๊ะ สำรวจโรงแรม รีสอร์ต บังกะโล บ้านพัก และอาคารพาณิชย์ทั้งหมดบนเกาะ เพื่อควบคุมมิให้มีการก่อสร้างมากเกินไป จากการสำรวจพบว่า ขณะนี้มีอาคารประเภทต่างๆ 107 ราย เฉพาะห้องพักประเภทต่างๆ เกือบ 1,000 ห้อง ซึ่งจะต้องมีการจัดระเบียบและให้แข็งแรงตามมาตรฐาน มีระบบป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะระบบบำบัดน้ำเสียและการกำจัดขยะ


 


นายสยุมพรกล่าวต่อว่า กฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 35 (พ.ศ.2535) ห้ามก่อสร้างอาคารประเภทต่างๆ บนเกาะหลีเป๊ะ ตั้งแต่ปีพ.ศ.2535 เพื่อประโยชน์ในการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม และควบคุมความหนาแน่นของอาคาร ยกเว้นสำหรับที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว ชั้นเดียว บ้านเดี่ยวไม่เกินสองชั้น อาคารของทางราชการ เขื่อนและท่าเทียบเรือของทางราชการ แต่ที่ผ่านมาไม่มีการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้อย่างจริงจัง จนเกิดการก่อสร้างอาคารประเภทอื่นขึ้นมากมาย ต่อจากนี้ไปจ.สตูลจะใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ ห้ามก่อสร้างอาคารใดๆเด็ดขาด สำหรับอาคารที่เกิดขึ้นแล้ว จะต้องจัดระเบียบและควบคุมมิให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย


 


ผู้ว่าฯ สตูลกล่าวอีกว่า จ.สตูลจะเร่งปรับปรุงและพัฒนาให้นักท่องเที่ยวและประชาชนบนเกาะได้รับความสะดวกยิ่งขึ้น เช่น การแก้ปัญหาน้ำดื่ม น้ำใช้ บนเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งอาศัยน้ำจากเกาะอาดัง ปรับปรุงอ่างเก็บน้ำและระบบท่อส่งน้ำจากเกาะอาดัง-เกาะหลีเป๊ะ โครงการสร้างเครื่องปั่นไฟของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อใช้ร่วมกันบนเกาะแทนระบบปั่นไฟ ระบบบำบัดน้ำเสีย การกำจัดขยะและโครงการสร้างเตาเผาขยะไฟฟ้า สร้างถนนรอบเกาะ การวางผังเมืองบนเกาะ รวมทั้งการดูแลให้ชาวเลเผ่าอูรักลาโว้ย ซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองดั้งเดิมบนเกาะหลีเป๊ะ ดำรงวิถีชีวิตของตนเองได้ โดยไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายทุนและไม่ถูกนักท่องเที่ยวรบกวน


 


 






ต่างประเทศ


 


"อภิสิทธิ์" ท้าสื่อนอกหาหลักฐานยันไทยแกล้งผู้อพยพโรฮิงญา


คมชัดลึก - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ไปยังสำนักเลขาธิการอาเซียน เพื่อกล่าวสุนทรพจน์และเยี่ยมชมสำนักเลขาธิการอาเซียน โดยมีเลขาธิการอาเซียน นายสุรินทร์ พิศสุวรรณให้การต้อนรับ จากนั้นก็เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวซักถาม ซึ่งสื่ออินโดนีเซียให้ความสนใจปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวโรฮิงญาว่า อาเซียนจะทำอย่างไรให้ชาวโรฮิงญามีสัญชาติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีบอกว่า ไม่สามารถบังคับให้ประเทศรับรองใครได้ แต่ไทยก็ยืนยันในหลักการว่า ทุกคนควรได้รับการรับรองในสิทธิขั้นพื้นฐาน และปัญหาชาวโรฮิงญา ต้องได้รับการแก้ปัญหาในระดับภูมิภาค เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาของประเทศไทย แต่เป็นปัญหาของทุกประเทศในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่คนเหล่านี้เดินทางมา ประเทศเป้าหมายปลายทาง และประเทศที่หยุดพัก


 


นายอภิสิทธิ์ ยังเรียกร้องให้สื่อต่างชาติช่วยหาหลักฐานที่สนับสนุนคำกล่าวหาว่ากองทัพทารุณกับชาวโรฮิงญามาแสดงด้วย โดยบอกว่าทางการไทยไม่พบว่ามีการกระทำการทารุณเช่นที่ใครบางคนไปบอกกับสื่อต่างชาติ แต่เขาก็ยืนยันว่าหากสื่อต่างชาติรายใดมีหลักฐาน ก็ควรยื่นหลักฐานนี้ต่อรัฐบาลไทย หรือไม่ก็คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นองค์กรอิสระในประเทศไทย


 


ออสซีระวังไฟป่าระลอกใหม่


แนวหน้า - ความคืบหน้าสถานการณ์ไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ออสเตรเลีย ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐวิคตอเรียเผยว่า ขณะนี้มีไฟป่าที่ยังไม่สามารถควบคุมได้อยู่ 4 จุดในรัฐวิกตอเรีย ด้านโฆษกกระทรวงสิ่งแวดล้อมเตือนว่า สถานการณ์อาจยิ่งแย่ลง เสี่ยงเกิดไฟป่าขึ้นอีกในช่วงสุดสัปดาห์ไปจนถึงวันจันทร์เพราะสภาพอากาศร้อนและมีกระแสลมแรง อีกทั้งยังอาจเกิดฟ้าผ่าอีกด้วย ทำให้ต้องเตือนภัยระดับสูง ขณะเดียวกันสำนักงานอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่าอุณหภูมิในพื้นที่ที่เกิดไฟป่าจะสูง 35 องศาเซลเซียสในช่วงสุดสัปดาห์นี้ และจะขยับขึ้นใกล้แตะ 40 องศาเซลเซียสในวันจันทร์ นอกจากนี้ ยังจะมีกระแสลมแรง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่


สุดในการดับไฟ


 


ไฟป่าที่เกิดขึ้นทั่วรัฐวิกตอเรียเมื่อต้นเดือนนี้ ทำให้บ้านเรือนราว 1,800 หลัง ถูกไฟเผาเหลือแต่ซาก ประชาชน 10,000 คนกลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัย มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 209 คน บริษัทประกันภัยเผยว่า จนถึงขณะนี้มีผู้ยื่นขอค่าชดเชยความเสียหายที่เกิดจากไฟป่าแล้ว 6,000 ราย มูลค่ารวมเกือบ 800 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (เกือบ 18,400 ล้านบาท) ทางการออสเตรเลียประกาศให้วันอาทิตย์นี้เป็นวันไว้อาลัยทั่วประเทศ และจะจัดงานไว้อาลัยที่นครเมลเบิร์น


 


ด้านรัฐบาลออสเตรเลียเร่งสนับสนุนบุหรี่ที่สูบแล้วดับง่าย หรือบุหรี่ที่เมื่อโยนทิ้งข้างทางแล้วสามารถดับได้เอง หลังเกิดเหตุไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดในประเทศ โดยคาดว่า บางพื้นที่ที่เกิดไฟป่าอาจมีสาเหตุมาจากคนสูบบุหรี่แล้วโยนทิ้งข้างทางจนเกิดติดไฟขึ้นมา สำหรับบุหรี่ที่สูบแล้วดับง่าย จะทำขึ้นจากกระดาษแบบพิเศษแล้วเพิ่มสารบางอย่างเข้าไป เพื่อให้บุหรี่สามารถดับได้เองโดยไม่ก่อให้เกิดเปลวไฟไหม้ลามตามมา แม้จะถูกโยนทิ้งข้างทางโดยที่ผู้สูบยังไม่ได้ดับบุหรี่ให้เรียบร้อย


 


นักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนช็อคคำพูด "ฮิลลารี คลินตัน"


คมชัดลึก - องค์การนิรโทษกรรมสากล และกลุ่มที่สนับสนุนชาวทิเบต ต่างประสานเสียงออกอาการช็อคหลังจากนางฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ประกาศว่า จะไม่ยอมให้เรื่องสิทธิมนุษยชน มาเป็นอุปสรรคขัดขวางความร่วมมือกับจีน โดยในการเยือนเอเชียครั้งแรกในฐานะนักการทูตระดับสูงของสหรัฐ นางคลินตัน กล่าวต่อผู้สื่อข่าวที่กรุงโซล ของเกาหลีใต้ก่อนออกเดินทางไปเยือนกรุงปักกิ่งของจีนว่า สหรัฐจะเดินหน้ากดดันจีนด้วยเรื่องที่สิทธิมนุษยชนที่สหรัฐวิตกมายาวนาน เช่น เรื่องการปกครองทิเบต แต่การกดดันของสหรัฐ ในประแด็นเหล่านี้ จะไม่ก้าวก่ายในประเด็นวิกฤติเศรษฐกิจโลก , วิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพบรรยากาศโลก และประเด็นด้านความมั่นคง          


 


นายที กุมาร ตัวแทนขององค์กรนิโทษกรรมสากลในสหรัฐ กล่าวว่า องค์กรล็อบบี้ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งนี้ รู้สึกช็อคและผิดหวังอย่างที่สุดต่อคำพูดของนางคลินตัน สหรัฐเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศ ที่สามารถจะพูดกับจีนในประเด็นสิทธิมนุษยชนได้ แต่จากการให้ความเห็นว่า ประเด็นสิทธิมนุษยชนจะไม่ก้าวก่ายประเด็นสำคัญอื่นๆนั้นรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้ทำลายอนาคตแห่งความมุ่งมั่นของสหรัฐ ในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในจีน ด้านองค์การนักศึกษาเพื่อปลดปล่อยทิเบต ที่มีฐานอยู่ที่นครนิวยอร์ค กล่าวว่า คำพูดของนางคลินตัน ได้ส่งสัญญาณที่ผิดพลาดในช่วงเวลาแห่งความอ่อนไหว จนได้ส่งทหารเข้าไปยังทิเบต ก่อนหน้าวันครบรอบ 50 ปี ของการลุกฮือในทิเบต ที่ส่งผลให้องค์ทะไล ลามะ ผู้นำจิตวิญญาณของทิเบต ต้องลี้ภัยไปอยู่อินเดีย


 


ทั้งองค์การนิรโทษกรรมสากลและกลุ่มฮิวแมน ไรท์ วอช ได้ส่งจดหมายถึงนางคลินตัน ก่อนที่เธอจะเดินทางไปเยือนเอเชียเรียกร้องให้ยกประเด็นสิทธิมนุษยชนขึ้นมาหารือกับผู้นำจีน ซึ่งก่อนออกเดินทาง นายโรเบิร์ต วู้ด โฆษกกระทรวงต่างประเทศ กล่าวว่า เรื่องสิทธิมนุษยชนจะเป็นประเด็นสำคัญที่นางคลินตันจะหยิบยกขึ้นมาเมื่อถึงเวลาอันสมควร


 


โลกเก็บข้อมูลแฉแหล่งปล่อยขยะโสโครกสุด


พิมพ์ไทย - นายริชาร์ด ฟูลเลอร์ ผู้อำนวยการสถาบันแบล็กสมิธ องค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร ซึ่งตั้งสำนักงานอยู่ที่นครนิวยอร์ก เตรียมฝึกอบรมนักวิจัยค้นคว้าจากกึ่งหน่วยงานราชการระดับท้องถิ่น จากมหาวิทยาลัย และกลุ่มที่ไม่แสวงผลกำไรจากประเทศต่างๆ เพื่อเริ่มสร้างฐานข้อมูลจัดเก็บแหล่งปล่อยของเสียด้านอุตสาหกรรมที่สกปรกสุดในโลกจากประเทศกำลังพัฒนากว่า 80 ประเทศ ภายในเดือน ก.พ.นี้ ภายใต้ชื่อ "โครงการประเมินรายงานทั่วโลก" ใช้ระยะเวลา 18 เดือนนับจากนี้ ด้วยการสนับสนุนจากคณะกรรมาธิการยุโรป และกรีน ครอส สวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงองค์กรพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติที่ให้ข้อมูลรายชื่อ 1,200-2,000 แห่ง แล้วตีพิมพ์เผยแพร่การจัดลำดับแหล่งมลภาวะที่สุดในโลก หวังเป็นบทลงโทษเบื้องต้นกับโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยของเสียโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม


 


ขณะเดียวกัน ศ.แจ็ก คาราวาโนส ด้านสุขภาพสิ่งแวดล้อมประจำมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เผยว่า นี่ถือเป็นการเริ่มเปิดช่องช่วยฝ่ายรัฐบาลและองค์กรระดับสากลอื่นในเบื้องต้นสำหรับการกำจัดแหล่งปล่อยของเสียซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์ ทั้งโรคมะเร็ง โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และภาวะติดเชื้อเรื้อรัง เช่น ตามแหล่งเหมืองโลหะ ในแอฟริกา กับโรงงานผลิตอาวุธหรืออุตสาหกรรมเคมีในประเทศอดีตเครือสหภาพโซเวียต นอกจากนี้ ประชากรในจีนกับอินเดียมีนิสัยซื้อรถและเครื่องใช้ไฟฟ้ากันมากขึ้น เหมือนกับประเทศพัฒนาแล้ว แต่ประเทศพัฒนาแล้วจะมีกฎหมายลดมลภาวะคุมเข้ม ขณะที่หลายๆประเทศกึ่งอุตสาหกรรมกลับไม่เห็นความสำคัญในคุณค่าของทรัพยากรมนุษย์


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net